เมื่อวันที่
5
มี.ค. 63 ที่ห้องราชสีห์
ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย พลเอก อนุพงษ์
เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
เป็นประธานร่วมการประชุมหารือข้อราชการสำคัญของรัฐบาล โดยมี นายนิพนธ์ บุญญามณี
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย
นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข ส่วนราชการ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม โดยเป็นการประชุมผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (Video
Conference) ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด
หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทยประจำจังหวัด
รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ฝ่ายทหาร)
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด พาณิชย์จังหวัด ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด
พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด และนายอำเภอทุกอำเภอ
นายอนุทิน
ชาญวีรกูล กล่าวว่า รัฐบาล โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขบูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทยในการเฝ้าระวังและควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019
(COVID-19) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมดูแลผู้ที่กำลังเดินทางเข้าประเทศซึ่งเดินทางมาจากประเทศที่มีการประกาศความเสี่ยงติดเชื้อรุนแรง
4 ประเทศ ได้แก่ จีน สาธารณรัฐเกาหลี อิตาลี และอิหร่าน
ในขณะนี้มีแรงงานชาวไทยที่จะเดินทางมาจากสาธารณรัฐเกาหลี ประมาณ 120,000 คน ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลมีความห่วงใยพี่น้องประขาชน
จึงขอให้ผู้เดินทางมาจากเกาหลีใต้ทุกคนที่มาจากกักตัว 14 วัน
ซึ่งเป็นแบบกักตัวโดยรัฐ และสำหรับผู้ที่ไม่ได้เดินทางมาจาก 2 เมืองกลุ่มเสี่ยง ให้กักตัวที่ภูมิลำเนา (Local quarantine) จึงขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัดดูแลในเรื่องดังกล่าว โดยกระทรวงสาธารณสุขจะให้ความร่วมมือทางการแพทย์และการสาธารณสุขอย่างเต็มที่กับกระทรวงมหาดไทย
พลเอก
อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวว่า ในวันนี้
เป็นการซักซ้อมความเข้าใจกับผู้ว่าราชการจังหวัดเกี่ยวกับบทบาทและอำนาจหน้าที่ในฐานะประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ
พ.ศ. 2558
เพื่อไปดำเนินการป้องกัน เฝ้าระวัง
และควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่ สำหรับมาตรการป้องกันไวรัสโควิค 19 บุคคลที่เดินทางเข้าในไทย
กระทรวงสาธารณสุขจะตรวจคัดกรองทุกราย และผู้ที่อยู่ในข่ายเฝ้าระวังจะแยกออกไป
ทำเหมือนกันทุกประเทศ และสำหรับผู้เดินทางกลับจากสาธารณรัฐ (เกาหลีใต้)
ซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราการติดเชื้อสูงสุด
จึงมีมาตรการพิเศษคัดกรองคนไทยที่เดินทางมาจากประเทศดังกล่าว โดยมีมาตรการพิเศษ
แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1) ผู้ที่มาจากเมืองแทกู
และคยองซัง การดูแลของภาครัฐ (State Quarantine) และ 2)
ถ้าเป็นผู้ที่เดินทางมาจากเมืองอื่น ๆ
ก็จะไปดูแลในระดับพื้นที่ตามภูมิลำเนา (Local Quarantine) โดยใช้กลไกในพื้นที่ดูแล
เป็นเวลา 14 วัน ถ้าไม่มีอาการอะไรก็สามารถกลับบ้านได้
ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจะเข้ามาดูแล Local Quarantine ร่วมกับหน่วยงานอื่น
ๆ ทั้งหน่วยงานสาธารณสุข และฝ่ายทหาร ในการจัดหาสถานที่
โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเป็นจะเป็นผู้คัดกรอง
และกระทรวงคมนาคมจะส่งตัวกลับไปยังภูมิลำเนา ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ตามอำเภอ
จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาตามความเหมาะสมในการหาสถานที่กักตัว
โดยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด
.
พลเอก
อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินการเชิงป้องกันในพื้นที่
ในเรื่องการจำหน่ายหน้ากากอนามัยให้กับประชาชนทั่วไป
โดยกำลงการผลิตของประเทศอยู่ที่ 30 ล้านชิ้นต่อเดือน ในส่วนนี้เป็นของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข
10 ล้านชิ้น คงเหลือ 20 ล้านชิ้นที่จำหน่ายให้กับประชาชนทั่วประเทศ
ซึ่งในขณะนี้ความต้องการในการใช้หน้ากากอนามัยสูงเกินกว่ากำลังการผลิต
ซึ่งได้แนะให้พี่น้องประชาชนเลือกให้หน้ากากอนามัยทางเลือกเป็นทางให้ประชาชนเข้าถึงหน้ากาก
ซึ่งได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขว่าสามารถใช้ป้องกันโรคได้เช่นกัน
และเป็นการลดปริมาณขยะอีกด้วย จึงได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
แจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นฝึกอบรมการจัดทำหน้ากากอนามัย ให้กับ อสม.
อาสาสมัคร และจิตอาสาในแต่ละพื้นที่
.
นายนิพนธ์
บุญญามณี กล่าวว่า ในด้านการจำหน่ายหน้ากากอนามัย
ในขณะนี้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุม ทั้งการส่งออก
และเพื่อเป็นการป้องกันการกักตุน
จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด
และพาณิชย์จังหวัด ตรวจสอบร้านค้า และควบคุมการจำหน่ายราคาไม่เกินแผ่นละ 2.5 บาท นอกจากนี้
กระทรวงพาณิชย์จะได้จัดรถ Mobile จำหน่ายหน้ากากอนามัยยังจังหวัดต่าง
ๆ ให้ประชาชนเข้าถึงอย่างทั่วถึงต่อไป
นายทรงศักดิ์
ทองศรี กล่าวว่า
ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดส่งเสริมการรณรงค์เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามหลักการที่กระทรวงสาธารณสุขได้ประชาสัมพันธ์
ด้วยการ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” และรักษาสุขภาพให้แข็ง
รวมทั้งให้คนในชุมชนช่วยกันดูแลกันหากพบผู้ป่วยให้พาผู้ป่วยไปรับการเข้ารับการรักษาจากสถานพยาบาลในพื้นที่
.
สุดท้าย
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ต้องผ่านไปได้ด้วยดี
ด้วยความร่วมมือของทุกคนทุกฝ่าย
และขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้รับรู้และเข้าใจถึงการดำเนินงานของภาครัฐ
และเชิญชวนประชาชนได้ร่วมกันจัดทำหน้ากากอนามัยทางเลือก หรือ หน้ากากผ้า ไว้ใช้เอง
ซึ่งเป็นการช่วยลดโอกาสในการติดเชื้ออีกด้วย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น