สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. มอบหมายให้ พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ตม.1,
พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 ร่วมแถลงข่าวจับกุม โดยมีรายละเอียด ดังนี้
สืบเนื่องจาก กองกำกับการสืบสวน
กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1
ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีทางโทรศัพท์หมายเลข 1178 ซึ่งเป็นหมายเลขรับเรื่องราวร้องทุกข์
ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ว่าบริเวณตลาดนัดรถไฟศรีนครินทร์
มีแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายมาทำงานอยู่เป็นจำนวนมาก
ขอให้จัดเจ้าหน้าที่ฯไปช่วยตรวจสอบด้วย เพราะเป็นการแย่งอาชีพคนไทย
กองกำกับการสืบสวน
กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 จึงได้จัดกำลังชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลและสืบสวนหาข่าว
พบว่าตลาดดังกล่าวตามที่มีการร้องเรียน
เป็นตลาดนัดขายสินค้าทั่วไปและร้านอาหารประเภทต่างๆ
เปิดให้บริการช่วงเย็นจนถึงกลางคืน มีพื้นที่มากกว่า 60 ไร่ จัดพื้นที่เป็นล็อคขายสินค้าประเภทต่างๆ
แบ่งเป็นโซนขายอาหารและโซนขายสินค้า มีประชานชนมาท่องเที่ยวและซื้อสินค้าเป็นจำนวนมากต่อวัน
การจะเข้าทำการจับกุมกระทำได้ยาก เนื่องจากพื้นที่กว้าง มีร้านค้าจำนวนมาก
และร้านค้าร้านอาหารที่คาดว่ามีการใช้แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายกระจายอยู่ทั่วไปทุกโซน
และยังมีเจ้าหน้าที่ของตลาดคอยสอดส่องดูแลความผิดปกติอีกส่วนหนึ่งด้วย
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯจึงได้ทำ
การบันทึกภาพและจัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่างๆนำเรียนผู้บังคับบัญชาเพื่อทราบและวางแผนเข้าทำการจับกุมต่อไป
ต่อมา พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์
ผบก.ตม.1 ได้สั่งการและมอบหมายให้ พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ตม.1
ซึ่งรับผิดชอบงานสืบสวน ควบคุมและนำกำลังเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.1 จำนวน 45 นาย พร้อมรถยนต์ (Mobile) ศูนย์บัญชาการควบคุมสั่งการอาชญากรรม รถยนต์ตรวจการอัจฉริยะ รถตู้
รถควบคุมผู้ต้องหา รถยนต์ รถจักรยานยนต์ พร้อมอุปกรณ์การทำงาน เข้าทำการตรวจสอบจับกุม
โดยวางแผนแบ่งกำลังเข้าทำการจับกุมพร้อมกันทุกโซนของพื้นที่ตลาด
เพื่อไม่ให้เป้าหมาย
รู้ตัวและหลบหนีได้ทัน
อย่างไรก็ตามขณะเจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบจับกุม
มีเจ้าหน้าที่ของตลาดนัดสังเกตเห็นเจ้าหน้าที่และแจ้งให้ร้านค้าทราบ แต่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนก็ได้ระดมกำลังกันเข้าทำการจับกุมพร้อมกันทุกจุด
ทำให้ได้ตัวคนต่างด้าวมาจำนวนหนึ่ง
และทำการตรวจสอบข้อมูลจากระบบสารสนเทศประจำรถยนต์ตรวจการณ์อัจฉริยะ
พบคนต่างด้าวกระทำความผิดฐาน “เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
และทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต” จำนวน 9 ราย “เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต” จำนวน 20 ราย และ“เป็นคนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากสิทธิที่จะทำได้”
จำนวน 13 ราย
รวมทั้งสิ้น จำนวน 42 ราย
นอกจากนี้ขณะเข้าทำการจับกุม เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ พบคนไทย 1 ราย ท่าทางมีพิรุธ จึงได้เรียกตัวเพื่อทำการตรวจสอบ พบว่า ชื่อ
นายอภิวัฒน์ เป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดสุรินทร์ ที่ 18/2563 ลง 5 กุมภาพันธ์ 2563
ซึ่งต้องหากระทำผิดฐาน ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ
โดยใช้กำลังประทุษร้าย
โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
จับแก๊งค์ทัวร์เขมร
หลอกพาเที่ยวทั่วไทย สุดท้ายลอยแพนักท่องเที่ยว
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.ตม.1
ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายว่าตนเองเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศกัมพูชา
โดยติดต่อผ่านนายหน้าชาวกัมพูชาย่านประตูน้ำ ซึ่งนายหน้าแจ้งว่าจะพาไปเที่ยวนครวัด
นครธม
ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศกัมพูชาและเดินทางโดยรถยนต์ปรับอากาศ
มีที่พักและอาหารอย่างดีให้บริการครบวงจร แต่เมื่อเดินทางไปเที่ยวจริง รถยนต์
อาหาร และที่พักไม่ได้เป็นตามที่นายหน้าตกลงไว้ นอกจากนี้
ขณะที่เดินทางกลับก็มีชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทย
เดินทางมาพร้อมกันแจ้งว่าจะเดินทางมาท่องเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย
เช่น วัดพระแก้ว พระนครศรีอยุธยา
แต่เมื่อนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาเดินทางมาถึงท่ารถ
กลับถูกลอยแพไม่มีผู้ใดพาไปท่องเที่ยวตามที่ตกลงไว้ เช่นกัน
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.ตม.1 จึงได้จัดกำลังไปสืบสวนหาข่าวและเฝ้าสังเกตบริเวณ
ซอยเพชรบุรี 15 ประตูน้ำ ซึ่งเป็นท่ารถตู้ กรุงเทพฯ –
สระแก้ว
พบว่ามีการเปิดห้องตั้งโต๊ะรับบริการจัดทัวร์ท่องเที่ยวประเทศกัมพูชา และประเทศไทย
อยู่ 3 ร้าน โดยมีป้ายประชาสัมพันธ์เป็นภาษาเขมร
พร้อมภาพสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ไว้เชิญชวนลูกค้าให้มาใช้บริการ
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.ตม.1 จึงได้ ปลอมตัวเป็นนักท่องเที่ยวพร้อมสายลับ
(ชาวเขมร) ทำทีเข้าไปติดต่อเพื่อจะเดินทางไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ มีนายสม
และนายคง สัญชาติกัมพูชา เข้ามาติดต่อสอบถามและแนะนำขายบริการนำเที่ยว
เจ้าหน้าที่
ชุดสืบสวนจึงได้แสดงตัวและขอตรวจสอบเอกสารหลักฐานของนายสม และนายคง
จากการตรวจสอบพบว่าทั้ง 2 มีเพียงเอกสารหนังสือเดินทาง (Passport)
ไม่มีใบอนุญาตทำงาน และให้การปฏิเสธ
โดยอ้างว่าตัวเองมีหน้าที่ขายตั๋วและจัดผู้โดยสารขึ้นรถ
และบางครั้งก็นั่งไปกับผู้โดยสาร ในกรณีที่ผู้โดยสารต้องการให้เป็นล่ามช่วยแปลภาษา
เพราะตนเองพูดภาษาไทยและเขมรได้
แต่ไม่ทราบเรื่องการขายทัวร์ครบวงจรของนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่เชื่อว่า ทั้ง 2 คน
น่าจะมีส่วนรู้เห็นกับขบวนการจัดทัวร์ดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา
เป็นคนด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
โดยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ จะทำการขยายผลถึงขบวนการดังกล่าวต่อไป
สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม.
มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ
รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยในประเทศไทยและเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย
ที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย
ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน
ตลอดจนการเข้ามาของหญิงต่างด้าวในคราบนักท่องเที่ยวเพื่อลักลอบค้าประเวณีตามแหล่งท่องเที่ยว
ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย
หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร
กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น