pearleus

วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2563

ตม.1 ลุยตลาดนัดรถไฟ รวบต่างด้าวผิดกม. - จับแก๊งค์ทัวร์เขมร หลอกพาเที่ยวทั่วไทย



สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. มอบหมายให้ พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 ร่วมแถลงข่าวจับกุม โดยมีรายละเอียด ดังนี้
สืบเนื่องจาก กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีทางโทรศัพท์หมายเลข 1178  ซึ่งเป็นหมายเลขรับเรื่องราวร้องทุกข์ ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ว่าบริเวณตลาดนัดรถไฟศรีนครินทร์ มีแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายมาทำงานอยู่เป็นจำนวนมาก ขอให้จัดเจ้าหน้าที่ฯไปช่วยตรวจสอบด้วย เพราะเป็นการแย่งอาชีพคนไทย
กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1  จึงได้จัดกำลังชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลและสืบสวนหาข่าว พบว่าตลาดดังกล่าวตามที่มีการร้องเรียน เป็นตลาดนัดขายสินค้าทั่วไปและร้านอาหารประเภทต่างๆ                เปิดให้บริการช่วงเย็นจนถึงกลางคืน มีพื้นที่มากกว่า 60 ไร่ จัดพื้นที่เป็นล็อคขายสินค้าประเภทต่างๆ แบ่งเป็นโซนขายอาหารและโซนขายสินค้า มีประชานชนมาท่องเที่ยวและซื้อสินค้าเป็นจำนวนมากต่อวัน การจะเข้าทำการจับกุมกระทำได้ยาก เนื่องจากพื้นที่กว้าง มีร้านค้าจำนวนมาก และร้านค้าร้านอาหารที่คาดว่ามีการใช้แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายกระจายอยู่ทั่วไปทุกโซน และยังมีเจ้าหน้าที่ของตลาดคอยสอดส่องดูแลความผิดปกติอีกส่วนหนึ่งด้วย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯจึงได้ทำ                      การบันทึกภาพและจัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่างๆนำเรียนผู้บังคับบัญชาเพื่อทราบและวางแผนเข้าทำการจับกุมต่อไป

ต่อมา พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1 ได้สั่งการและมอบหมายให้ พ.ต.อ.ภัคพงศ์  สายอุบล รอง ผบก.ตม.1 ซึ่งรับผิดชอบงานสืบสวน ควบคุมและนำกำลังเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.1 จำนวน 45 นาย พร้อมรถยนต์ (Mobile) ศูนย์บัญชาการควบคุมสั่งการอาชญากรรม รถยนต์ตรวจการอัจฉริยะ รถตู้ รถควบคุมผู้ต้องหา รถยนต์ รถจักรยานยนต์ พร้อมอุปกรณ์การทำงาน เข้าทำการตรวจสอบจับกุม โดยวางแผนแบ่งกำลังเข้าทำการจับกุมพร้อมกันทุกโซนของพื้นที่ตลาด เพื่อไม่ให้เป้าหมาย
รู้ตัวและหลบหนีได้ทัน อย่างไรก็ตามขณะเจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบจับกุม มีเจ้าหน้าที่ของตลาดนัดสังเกตเห็นเจ้าหน้าที่และแจ้งให้ร้านค้าทราบ  แต่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนก็ได้ระดมกำลังกันเข้าทำการจับกุมพร้อมกันทุกจุด ทำให้ได้ตัวคนต่างด้าวมาจำนวนหนึ่ง และทำการตรวจสอบข้อมูลจากระบบสารสนเทศประจำรถยนต์ตรวจการณ์อัจฉริยะ พบคนต่างด้าวกระทำความผิดฐาน เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตจำนวน  9 ราย เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตจำนวน 20 ราย และเป็นคนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากสิทธิที่จะทำได้จำนวน 13 ราย  รวมทั้งสิ้น จำนวน 42 ราย นอกจากนี้ขณะเข้าทำการจับกุม เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ พบคนไทย 1 ราย ท่าทางมีพิรุธ จึงได้เรียกตัวเพื่อทำการตรวจสอบ พบว่า ชื่อ นายอภิวัฒน์ เป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดสุรินทร์ ที่ 18/2563 ลง 5 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งต้องหากระทำผิดฐาน ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
   
จับแก๊งค์ทัวร์เขมร หลอกพาเที่ยวทั่วไทย สุดท้ายลอยแพนักท่องเที่ยว

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.ตม.1 ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายว่าตนเองเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศกัมพูชา โดยติดต่อผ่านนายหน้าชาวกัมพูชาย่านประตูน้ำ ซึ่งนายหน้าแจ้งว่าจะพาไปเที่ยวนครวัด นครธม ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศกัมพูชาและเดินทางโดยรถยนต์ปรับอากาศ มีที่พักและอาหารอย่างดีให้บริการครบวงจร แต่เมื่อเดินทางไปเที่ยวจริง รถยนต์ อาหาร และที่พักไม่ได้เป็นตามที่นายหน้าตกลงไว้ นอกจากนี้ ขณะที่เดินทางกลับก็มีชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทย เดินทางมาพร้อมกันแจ้งว่าจะเดินทางมาท่องเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย เช่น วัดพระแก้ว พระนครศรีอยุธยา แต่เมื่อนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาเดินทางมาถึงท่ารถ กลับถูกลอยแพไม่มีผู้ใดพาไปท่องเที่ยวตามที่ตกลงไว้ เช่นกัน

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.ตม.1 จึงได้จัดกำลังไปสืบสวนหาข่าวและเฝ้าสังเกตบริเวณ ซอยเพชรบุรี 15 ประตูน้ำ ซึ่งเป็นท่ารถตู้ กรุงเทพฯ สระแก้ว พบว่ามีการเปิดห้องตั้งโต๊ะรับบริการจัดทัวร์ท่องเที่ยวประเทศกัมพูชา และประเทศไทย อยู่ 3 ร้าน โดยมีป้ายประชาสัมพันธ์เป็นภาษาเขมร พร้อมภาพสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ไว้เชิญชวนลูกค้าให้มาใช้บริการ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.ตม.1 จึงได้ ปลอมตัวเป็นนักท่องเที่ยวพร้อมสายลับ (ชาวเขมร) ทำทีเข้าไปติดต่อเพื่อจะเดินทางไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ มีนายสม และนายคง สัญชาติกัมพูชา เข้ามาติดต่อสอบถามและแนะนำขายบริการนำเที่ยว เจ้าหน้าที่                ชุดสืบสวนจึงได้แสดงตัวและขอตรวจสอบเอกสารหลักฐานของนายสม และนายคง จากการตรวจสอบพบว่าทั้ง 2 มีเพียงเอกสารหนังสือเดินทาง (Passport) ไม่มีใบอนุญาตทำงาน และให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าตัวเองมีหน้าที่ขายตั๋วและจัดผู้โดยสารขึ้นรถ และบางครั้งก็นั่งไปกับผู้โดยสาร ในกรณีที่ผู้โดยสารต้องการให้เป็นล่ามช่วยแปลภาษา เพราะตนเองพูดภาษาไทยและเขมรได้ แต่ไม่ทราบเรื่องการขายทัวร์ครบวงจรของนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่เชื่อว่า ทั้ง 2 คน น่าจะมีส่วนรู้เห็นกับขบวนการจัดทัวร์ดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา เป็นคนด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ จะทำการขยายผลถึงขบวนการดังกล่าวต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยในประเทศไทยและเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย ที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนการเข้ามาของหญิงต่างด้าวในคราบนักท่องเที่ยวเพื่อลักลอบค้าประเวณีตามแหล่งท่องเที่ยว ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507  ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th  







0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น