สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติ มหาราชินีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้ างเสริมสุขภาพ (สสส.)และมูลนิธิรณรงค์เพื่ อการไม่สูบบุหรี่ เผยผลสำรวจในผู้ป่วยเด็กที่มารั บบริการที่สถาบันสุขภาพเด็ กฯพบข้อมูลเด็กไทย1 ใน 5 ได้รับพิษภัยจากควันบุหรี่ ภายในบ้าน และ 1 ใน 2ของเด็กมีความเสี่ยงต่อพฤติ กรรมการสูบบุหรี่ในอนาคต พร้อมเปิดโมเดลความสำเร็ จในการดำเนินงาน“บ้านปลอดบุหรี่ ”หลังจับมือกับโรงพยาบาลชุ มชนและโรงพยาบาลส่งเสริมสุ ขภาพระดับตำบลต้นแบบ 10พื้นที่ทั่วประเทศทำงานเชิงรุ กรณรงค์ให้ประชาชนโดยเฉพาะพ่ อแม่และผู้ปกครอง ลด ละเลิก การสูบบุหรี่ภายในบ้าน เพื่อมอบสุขภาพดีอย่างยั่งยื นเป็นของขวัญปีใหม่และของขวัญวั นเด็กให้แก่เด็กไทยทั่วประเทศ
นายแพทย์สมเกียรติ ลลิตวงศา ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่ งชาติมหาราชินี เปิดเผยว่า สถาบันสุขภาพเด็กฯ ร่วมกับภาคีเครือข่ายได้ร่วมกั นรณรงค์ส่งเสริมโครงการ“บ้ านปลอดบุหรี่” มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2551 เพราะตระหนักถึงพิษภัยของควันบุ หรี่มือสองที่ส่งผลกระทบต่อสุ ขภาพของเด็กเพราะจากการสำรวจข้ อมูลพ่อแม่ผู้ปกครองที่พาบุ ตรหลานมาตรวจรักษาที่สถาบันสุ ขภาพเด็กฯพบว่าร้อยละ 82ของพ่อแม่ผู้ปกครองที่สูบบุ หรี่มีการสูบบุหรี่ในบ้าน “โครงการสถาบันสุขภาพเด็กแห่ งชาติมหาราชินี
: ขยายเครือข่ายในการรณรงค์ให้บ้ านปลอดบุหรี่สู่ชุมชน เป็นการดำเนินงานในระยะที่ 3 เพื่อปกป้องสุขภาพของเด็ กไทยในเชิงรุกภายใต้ความเชื่อว่ าสุขภาพที่ดีเป็นเรื่องที่ทุ กคนสามารถทำให้เกิดได้ด้ วยตนเองโดยเริ่มต้นจากที่บ้าน เริ่มตั้งแต่เด็ก การทำให้บ้านที่เด็กอาศัยอยู่ ให้ปลอดภัยและเอื้อต่อการมีสุ ขภาพดีของเด็กโดยร่วมกั บโรงพยาบาลเครือข่าย10 แห่ง เพื่อขยายผลการดำเนินงานลงสู่ชุ มชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งการรณรงค์ เพื่อให้เกิดพฤติกรรมสุ ขภาพแบบยั่งยืนในประเด็นบ้ านปลอดบุหรี่คือ การไม่สูบบุหรี่ในบ้าน ไม่สูบบุหรี่ใกล้เด็กและคนท้อง ซึ่งผลสำรวจสถานการณ์บ้านปลอดบุ หรี่ในผู้ป่วยเด็กที่มารับบริ การใสสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติ มหาราชินี 1,022 ครอบครัว ซึ่งเป็นชุมชนเมือง พบว่าเด็กไทย 1 ใน 5 หรือร้อยละ 21.7 ได้รับพิษภัยจากบุหรี่มื อสองภายในบ้าน และเกือบ 1 ใน 2 คิดเป็นร้อยละ 45.7 ของเด็กยังยังเติบโตขึ้นมากั บความเสี่ยงในการมีพฤติกรรมสู บบุหรี่ในอนาคต”
นายแพทย์สมเกียรติ ลลิตวงศา ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี |
แพทย์หญิงนัยนา ณีศะนันท์ ประธานโครงการฯ กล่าวว่าสถาบันสุขภาพเด็กฯ ได้ดำเนินงานขับเคลื่ อนและขยายผลโครงการบ้านปลอดบุ หรี่ตลอดระยะเวลา
9 ปี พบว่าได้ก่อให้เกิดการตื่นตั วของสังคมไทยต่อ “บุหรี่มือสอง” นอกจากนี้ยังพบว่าการปรับเปลี่ ยนพฤติกรรมการสูบบุหรี่ โดยนำเอาประเด็นของ “ความรักและความปรารถนาดี”ที่มี ต่อลูกหลานและสมาชิกในครอบครั วมาเป็นเครื่องมือสร้างความรู้ ความตระหนักและความเข้าใจ ทำให้สมาชิกในครอบครัวปรับเปลี่ ยนพฤติกรรมจากการสูบในบ้ านออกไปสูบนอกพื้นที่บ้าน จนกระทั่งสามารถลดละเลิกได้ ขณะนี้เป็นการทำงานระยะที่ 3 เป็นการขยายเครือข่ ายในการรณรงค์ให้บ้านปลอดบุหรี่ สู่ชุมชน 10 แห่ง โดยผลการดำเนินงานในชุมชนนำร่อง 1,441 หลังคาเรือน มีผู้สูบุหรี่ในบ้านร้อยละ 13 และเป็นการสูบที่มีเด็กหรื อคนท้องอยู่ในบ้านถึงร้อยละ 60 แต่ภายหลังการรณรงค์บ้านปลอดบุ หรี่ พบว่าผู้สูบบุหรี่ออกไปสูบนอกพื้ นที่บ้านร้อยละ 40 โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านที่มีเด็ กและคนท้อง พบว่าสมาชิกในครอบครัวมีการเปลี่ ยนแปลงของการพฤติกรรมการสูบเกิ ดสถานการณ์บ้านปลอดบุหรี่เพิ่ มมากขึ้นร้อยละ 60 จนกระทั่งสามารถลดละเลิกได้เป็ นจำนวนมากถึงร้อยละ 6 จากกลุ่มตัวอย่าง “โมเดลในการทำงานร่วมกับชุ มชนในระยะที่ 3 ผ่านโรงพยาบาลชุมชน และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โดยมีอาสาสมัครสาธารณสุ ขประจำหมู่บ้านเป็นผู้ลงไปติ ดตามและกระตุ้นให้เกิดการตื่นตั วในเรื่องบ้านปลอดบุหรี่ถึ งในระดับครัวเรือนอย่างสม่ำ เสมอได้แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ และการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนต่ อพฤติกรรมของการสูบบุหรี่ ภายในบ้านหรือแม้กระทั่งสร้ างความเปลี่ยนแปลงในระดับชุ มชนได้มากที่สุดซึ่ งสามารถนำแนวทางการดำเนินงานต่ างๆเหล่านี้ไปขยายผลสร้างบ้ านปลอดบุหรี่เพื่อสุขภาพที่ยั่ งยืนของเด็กไทย เกิดเป็นวัฒนธรรมใหม่ของคนไทยที่ ไม่สูบบุหรี่ภายในบ้านเกิดเป็ นชุมชนไม่สูบบุหรี่ในบ้านและสู บบุหรี่ให้ห่างไกลจากเด็กที่ สามารถขยายผลไปสู่การลด ละ เลิกพฤติกรรมการสูบบุหรี่ ของคนไทยรวมไปถึงป้องกันการเกิ ดขึ้นของนักสูบหน้าใหม่อย่างได้ ผลและยั่งยืน”
แพทย์หญิงนัยนา ณีศะนันท์ ประธานโครงการ |
ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์ ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่ อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวถึงโครงการบ้านปลอดบุหรี่ ว่า ปัจจัยสำคัญในการที่จะทำให้ผู้ ที่สูบบุหรี่ ลด ละ เลิกพฤติกรรมการสูบบุหรี่ได้นั้ นจะต้องเริ่มจากการไม่สูบบุหรี่ ภายในบ้านก่อนเป็นลำดับแรก ซึ่งในหลายประเทศดัชนีของการไม่ สูบบุหรี่ภายในบ้านนั้นถือเป็ นข้อมูลสำคัญที่บ่งชี้ถึงคุ ณภาพของการดูแลรักษาสุ ขภาพของประชากรในประเทศ “การไม่สูบบุหรี่ภายในบ้านนั้ นจะเกิดผลดีที่เห็นได้ชัดอยู่ 4 ข้อคือ หนึ่งตัวของผู้สูบก็จะสูบบุหรี่ น้อยลง สองคนในครอบครัวก็จะไม่ได้รับพิ ษภัยจากควันบุหรี่มือสองสามเด็ กจะปลอดภัยจากควันบุหรี่มื อสองที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ และสุดท้ายคือผู้ที่สูบบุหรี่ เองจะมีแนวโน้มที่จะเลิกสูบบุ หรี่ได้ง่ายมากยิ่งขึ้นซึ่ งจากข้อมู ลการทำงานของโครงการสถาบันสุ ขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ที่พบว่าผู้ปกครองสูบบุหรี่ ภายในบ้านลดลงเมื่อได้รับความรู้ ข้อมูล การติดตาม และกระตุ้นจากเครือข่ายอย่างต่ อเนื่องเป็นแนวโน้มที่ดี ของสถานการณ์บุหรี่ในครอบครั วไทย ที่ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกั นขยายผลการดำเนินงานและร่วมกั นสร้างค่านิยมการไม่สูบบุหรี่ ภายในบ้านออกไปทั่วประเทศให้ มากยิ่งขึ้น”
สำหรับวาระโอกาสการขึ้นปีใหม่ และวันเด็กในปีนี้สถาบันสุ ขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี จึงขอเชิญชวนพ่อแม่ผู้ ปกครองและคนไทยทุกคนร่ วมมอบของขวัญชิ้นสำคัญให้กับเด็ กไทย ด้วยการสร้าง “บ้านปลอดบุหรี่”ให้บ้านของเด็ กไทยทุกคนห่างไกลและปลอดภั ยจากควันบุหรี่ เพื่อร่วมกันสร้างสุขภาพที่ดี อย่างยั่งยืนให้เกิดขึ้นกับลู กหลานของเราที่จะเป็นกำลังสำคั ญในการพัฒนาประเทศชาติต่ อไปในอนาคต
ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์ประกิต วาทีสาธกกิจ |
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น