เมื่อ 5 ม.ค. 60 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายกา รปฏิบัติงานให้แก่ปลัดจังหวัด นายอำเภอทั่วประเทศ เพื่อขับเคลื่อนภารกิ จและนโยบายของรัฐบาลสู่การปฏิบั ติในพื้นที่ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2560 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้ วย ปลัดจังหวัด นายอำเภอ และผู้บริหารส่ วนกลางของกรมการปกครอง รวมจำนวน 1,200 คน
โดยในวาระแรกรัฐมนตรีว่ าการกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำถึงการดำเนินงานในปี 2560 ที่ยังคงสานต่องานเดิมและเร่งขั บเคลื่อนงานตามนโยบายที่ ลงไปในพื้นที่ให้เกิดผลอย่างเป็ นรูปธรรม และได้เน้นถึ งบทบาทของนายอำเภอในการกำกับดู แลท้องที่และท้องถิ่น โดยเฉพาะบทบาททำงานของกำนัน ผู้ใหญ่บ้านที่ถือว่ามีความสำคั ญมากเพราะเปรียบเสมือนเป็ นเซลเล็กๆที่กระจายอยู่ในพื้นที่ หมู่บ้านทั่วประเทศ ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการขั บเคลื่อนงานในพื้นที่ ที่ผ่ านมากระทรวงมหาดไทยได้มี การกำหนดให้มีการประเมิ นการทำงานของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ดังนั้น จึงขอให้นายอำเภอได้ติ ดตามและนำผลการประเมินผลไปใช้ ประโยชน์ในการเสนอแนะการทำงานใน ท้องที่ให้มีประสิทธิภาพ มากยิ่งขึ้น สำหรับการกำกับดูแลองค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่นขอให้ติ ดตามกำกับดูแลให้มีการบริ หารราชการบนหลัก “ธรรมมาภิบาล” (Good Governance) และเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย ท้องที่และท้องถิ่นต้องมีความตั้ งใจที่ จะทำงานเพื่อประชาชน ตลอดจนมีการทำงานจะสอดประสานกั นระหว่างส่วนกลางกับในพื้นที่
เรื่องที่ 2 คือการบริหารของรัฐที่จะต้องมี ยุทธศาสตร์ในการบริหารประเทศ รัฐบาลพยายามอย่างยิ่งที่จะให้ การบริหารประเทศในอนาคตเดิ นไปตามยุทธศาสตร์และแผนการพัฒนา ควบคู่ไปกับการปฏิรูป และมีการปรับตัวอย่างต่อเนื่ องตลอดเวลาตามสถานการณ์ ดังนั้น ในการทำงานในพื้นที่จึงต้ องทำงานตามกรอบแผนพัฒนาต่างๆ ตามบทบาทภารกิจตั้งแต่แผนยุ ทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติฉบับที่ 12 นโยบายรัฐบาล ซึ่งแผนทั้งหมดจะเป็ นกรอบการทำงานจากบนลงล่าง (Top – Down) ยกตัวอย่าง การแก้ไขปัญหาภัยพิบัติเรามี แผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภั ยแห่งชาติลงไปจนถึงแผนระดั บอำเภอและท้องถิ่นที่เป็ นกรอบการทำงานและลดความเสี่ ยงจากสาธารณภัยสรุปว่าปัจจุบั นรัฐบาลยึดหลักบริ หารราชการประเทศบนกรอบของแผนฯ ดังนั้น การบริหารงานราชการของจังหวัด ท้องที่ และท้องถิ่นจึงต้องยึดกรอบแผนพั ฒนาของประเทศให้สอดประสานไปด้ วยกันตามวิสัยทัศน์ของประเทศ
3. ด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลตั้งเป้าหมายที่ จะนำพาประเทศไปสู่ “ไทยแลนด์ 4.0” เพื่อให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากกั บดักรายได้ปานกลาง กับดักความเหลื่อมล้ำ และกับดักความไม่สมดุลของการพั ฒนา โดยสร้างการเปลี่ยนแปลงโดยใช้ ความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรม ปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ ในส่วนที่กระทรวงมหาดไทยต้องร่ วมขับเคลื่อน คือ เราต้องใช้ศักยภาพของพื้นที่จั งหวัดและกลุ่มจังหวัดทั้ง 18 กลุ่มให้เต็มที่ เพื่อให้เศรษฐกิจในระดับภูมิ ภาคและเศรษฐกิ จภายในประเทศของเรามีความเข้ มแข็งอย่างยั่งยืน
เรื่องประชารัฐ ปัจจุบันรัฐบาลได้แต่งตั้ งคณะทำงานสานพลังประชารัฐขึ้น 12 คณะซึ่งหนึ่งใน 12 คณะที่ กระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบ คือ คณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิ จฐานรากและประชารัฐ โดยมี บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี (ประเทศไทย) จำกัด ลงไปขับเคลื่อนภารกิจในพื้นที่ค รอบคลุมทุกมิติทั้งการให้ความรู้ ในเรื่องการจัดองค์กร การบริหาร การผลิต การแปรรูป และการตลาดให้กว้างขวางมากขึ้น รวมไปถึงการพัฒนา OTOP ที่ต้องให้ความสำคัญในการพั ฒนาคุณภาพและช่องทางการตลาด เพื่อให้ประชาชนมีรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น สำหรับเรื่องอื่นๆ ที่รัฐบาลกำลังเร่งขับเคลื่ อนในพื้นที่ อาทิเช่น การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ การจัดที่ดินตามโครงการ คทช. เป็นต้น
สุดท้ายในเรื่องเศรษฐกิจที่ต้ องขอขอบคุ ณกลไกของกระทรวงมหาดไทยในพื้นที่ คือ การขับเคลื่อนโครงการสำคัญต่ างๆที่ลงไปในพื้นที่ เช่น ตำบลละ 5ล้าน โครงการหมู่บ้านละ 2 แสน และหมู่บ้านละ 2.5 แสน ที่สามารถขับเคลื่อนได้อย่างมี ประสิทธิภาพและเห็นผลสำเร็จอย่ างเป็นรูปธรรม
5. เรื่องความมั่นคง โอกาสแรกต้องขอขอบคุณและชื่ นชมเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ได้ร่ วมกันปฏิบัติหน้าที่ ในการอำนวยความสะดวกให้กั บประชาชนในการเดินทางมาเข้าเฝ้ ากราบถวายบั งคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมิ นทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้เป็นอย่ างดีและมีความเรียบร้ อยในการทำงานทุกขั้นตอน
สำหรับภารกิจด้านของการสร้ างความมั่นคงประเทศไทยขอให้ทุ กฝ่ายได้น้อมนำ “หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ให้ลงไปสู่วิถีชีวิตของประชาชน เพื่อนำพาประเทศชาติ และประชาชนผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ ได้อย่างเข้มแข็ง คือ ต้องทำให้ประชาชนนำไปใช้ได้จริ งในชีวิตประจำวัน และต้องสร้างความปรองดองให้กั บประชาชนในพื้นที่ ทำให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลข่ าวสารที่ถูกต้อง ลดความขัดแย้ง หรือการสร้างปัญหา นักปกครองในพื้นที่จะปล่อยให้ เกิดความแตกแยกของประชาชนในชาติ ไม่ได้ และเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง คือ การปกป้องและเทิดทูนสถาบั นพระมหากษัตริย์ ที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิ ตใจของประชาชน ขอให้ยึดถือหลั กการทรงงานและแนวพระราชดำริต่ างๆ ไปปฏิบัติให้เหมาะสมกับบริ บทของพื้นที่ รวมไปถึงงานนโยบายด้านความมั่ นคงอื่นๆ การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว การค้ามนุษย์ ที่ผ่านมาต้องขอชื่ นชมการทำงานของฝ่ายปกครองในพื้ นที่ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ ประเทศไทยพ้นจาก Tier 3 และขอให้ดำเนินการอย่างจริงจั งและต่อเนื่อง
6. ด้านสังคม ยังคงเน้นเรื่องการป้องกั นและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเข้ มข้นทั้งด้านการปราบปรามและป้ องกันตั้งแต่ในระดับหมู่บ้าน ครอบครัว ชุมชน สถานศึกษา และการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องรวมไปถึงการจัดระเบียบสั งคม ควบคุมสถานบริการ สถานประกอบ การตามนโยบายลดอบายมุขสร้างสุ ขให้สังคม
และสุดท้ายเรื่องการแก้ไขปั ญหาความเดือดร้ อนของประชาชนในระดับพื้นที่ และขอให้เร่งแก้ไขปัญหาความเดื อดร้อนของประชาชน โดยใช้กลไกของศูนย์ ดำรงธรรมอำเภอที่ได้กำหนดให้ทุ กส่วนราชการให้ความร่วมมือกั บนายอำเภอในการแก้ไขปั ญหาของประชาชนให้มีประสิทธิ ภาพและทันต่อสถานการณ์ โดยเฉพาะปัญหาความเดือดร้อนซ้ำ ซากที่อยู่ในความรับผิดชอบ ต้องเร่งแก้ไขปัญหาที่เรื้อรั งหรือเป็นปัญหาที่สะสมมานาน มีการทำงานเชิงรุกเข้าพื้นที่ ตรวจสอบหาปัญหาสาเหตุของปัญหา พร้อมแก้ไขในเบื้องต้น และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้ องเข้าไปดำเนินการอย่างต่อเนื่ อง หากเกินขีดความสามารถให้เร่ งรายงานให้กระทรวงมหาดไทยทราบ
สุดท้ายรัฐมนตรีว่ าการกระทรวงมหาดไทยได้เน้นย้ำ ให้ทุกฝ่ายยึดมั่ นในการทำงานบำบัดทุกข์บำรุงสุ ขให้แก่ประชาชนให้ได้อย่างมี ประสิทธิภาพเต็มกำลังความสามารถ เพื่อเป้าหมายที่สำคัญที่สุดเพื่ อประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น