เมื่อ 16 ม.ค. 60 เวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการป้องกั นและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ
(บกปภ.ช.) อาคาร 3 ชั้น 5 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายกฤษฎา
บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองผู้บัญชาการป้องกั นและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ
(บกปภ.ช.) เป็นประธานการประชุมติ ดตามสถานการณ์อุทกภัยและดิ นโคลนถล่มในพื้นที่ภาคใต้ ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่ วมกันระหว่าง
บกปภ.ช. ส่วนกลาง ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย บกปภ.ช. ส่วนหน้า ณ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภั ยเขต
11 สุราษฎร์ธานี รวมถึงหน่วยปฏิบัติในระดับพื้ นที่
โดยมีผู้แทนส่วนสนับสนุนการปฏิ บัติงานในภาวะฉุกเฉิน (สปฉ.) ที่เกี่ยวข้อง 12
สปฉ. เข้าร่วมประชุมฯ
นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย
ในฐานะรองผู้บัญชาการป้องกั นและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) เปิดเผยว่า
ตามที่ได้เกิดสถานการณ์อุทกภั ยในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งได้ขยายวงกว้างและทวีความรุ นแรงมากขึ้นในช่วงต้นเดื อนมกราคม
2560 ส่งผลให้เกิดอุทกภัย วาตภัย น้ำป่าไหลหลากในหลายพื้นที่ ภาคใต้
และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมทั้งสิ้น 12 จังหวัด โดย บกปภ.ช ส่วนหน้า
จังหวัดสุราษฎร์ธานี รายงานว่าขณะนี้สถานการณ์น้ำท่ วมได้คลี่คลายลงแล้ว
แต่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้ นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง สงขลา ตรัง
สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และประจวบคีรีขันธ์ รวม 36 อำเภอ 189 ตำบล 1,309 หมู่บ้าน
ซึ่งทุกภาคส่วนในพื้นที่ได้ ระดมสรรพกำลังและทรัพยากรเร่งฟื้ นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่ ภาวะปกติโดยเร็วแล้ว
ประกอบกับจากการติ ดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิ ทยา พบว่า ในช่วงวันที่
16-20 มกราคม 2560 มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พั ดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลั งแรงขึ้น
ส่งผลให้มีฝนตกเพิ่มมากขึ้ นและฝนตกหนักบางแห่ง ส่งผลกระทบในพื้นที่บางจังหวัด
ได้แก่ จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา
จึงขอให้จังหวัดพื้นที่ดังกล่าว เฝ้าระวังสถานการณ์อุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก
และดินโคลนถล่มในพื้นที่เสี่ ยงภัย พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ติ ดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด
จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์เครื่องจั กรกลด้านสาธารณภัยให้พร้อมปฏิบั ติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ ประสบภัยทันทีที่เกิดภัย
และหากพื้นที่ใดมีปัญหาอุ ปสรรคในการดำเนินการหรือเกินขี ดความสามารถของจังหวัดในการปฏิ บัติแล้ว
ขอให้แจ้ง บกปภ.ช.ส่วนหน้า และส่วนกลางทราบโดยด่วน เพื่อประสานการให้ความช่วยเหลื อต่อไป
และจากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิ ดขึ้นในหลายพื้นที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิ ราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูร ทรงห่วงใยพสกนิกรที่ประสบอุทกภั ยในพื้นที่ภาคใต้
จึงมีพระราชกระแสรับสั่งให้รั ฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดู แลประชาชนอย่างดีที่สุด
โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลื อกรณีผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ บกปภ.ช.
จะได้น้อมนำพระราชกระแสรับสั่ง รับใส่เกล้าใส่กระหม่ อมไปประสานการปฏิบัติในระดับพื้ นที่
เพื่อเร่งคลี่คลายสถานการณ์ให้ กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
และมิให้ประชาชนได้รับผลกระทบต่ อการดำเนินชีวิต
นอกจากนี้ ที่ประชุม บกปภ.ช. ยังได้เน้นย้ำให้จังหวัดบู รณาการหน่วยปฏิบัติระดับพื้นที่
ดูแลด้านการดำรงชีพและชีวิ ตความเป็นอยู่ของประชาชน พร้อมเร่งเยียวยาครอบครัวผู้เสี ยชีวิต
โดยสำรวจข้อมูลผู้เสียชีวิตให้ รอบด้าน เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบี ยบและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้ องเข้าไปดูแลครอบครัวผู้เสียชี วิต
รวมถึงประสานสาธารณสุ ขและโรงพยาบาลส่งเสริมสุ ขภาพตำบล
จัดบริการด้านการแพทย์ และสาธารณสุข เพื่อป้องกันโรคระบาด รักษาอาการเจ็บป่วย
และเยียวยาสภาพจิตใจ ตลอดจนเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูที่ ครอบคลุมในทุกด้าน
ทั้งด้านชีวิต
และทรัพย์สิน ด้านการประกอบอาชีพ อาทิ การเกษตร ประมง ปศุสัตว์ รวมถึงด้านสิ่งสาธารณประโยชน์ โดยเน้นย้ำแนวทางการปฏิบัติ ตามหนังสือสั่งการที่ได้แจ้ งไปแล้ว
เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2560 ที่ผ่านมา หรือที่เรียกว่า “ข้อบัญญัติ 10 ประการ” โดยให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ ยวข้องยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติ ในพื้นที่อย่างจริงจังและเคร่ งครัด
รวมทั้งเน้นย้ำให้ผู้ว่ าราชการจังหวัดพื้นที่ประสบภัย และ บกปภ.ช. ส่วนหน้า
(ศปภ.เขต 11 สุราษฎร์ธานี) รายงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ โดยภาพรวม
ต่อที่ประชุมส่วนกลางอย่างต่ อเนื่องทุกวัน โดยเฉพาะพื้นที่วิกฤตที่เกิดขึ้ นในพื้นที่
การดูแลช่วยเหลือผู้ประสบภัย สถานภาพจุดอพยพต่างๆ สิ่งสาธารณประโยชน์ที่ได้รั บผลได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้น
ตลอดจน
และทรัพย์สิน ด้านการประกอบอาชีพ อาทิ การเกษตร ประมง ปศุสัตว์ รวมถึงด้านสิ่งสาธารณประโยชน์ โดยเน้นย้ำแนวทางการปฏิบัติ
การเฝ้าระวังในพื้นที่ที่ได้มี การเตรียมพร้อมต่างๆ
รวมถึงกรณีพื้นที่ภัยยุติแล้ว โดยขอให้จังหวัดและหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องได้ดำเนิ นการตามมาตรการช่วยเหลื อประชาชนในพื้นที่วิกฤตเพิ่มเติ มจากที่ได้แจ้งไปก่อนแล้ว
ดังนี้ 1) ให้ตรวจสอบว่าประชาชนที่ประสบอุ ทกภัยมีน้ำดื่มสะอาดเพียงพอหรื อไม่
หากไม่เพียงพอขอให้จังหวั ดประสาน ผจก.การประปาส่วนภูมิภาคจังหวั ด/สำนักงานสาธารณสุข/หน่วยงานสั งกัดกระทรวง
ทส.หรือหน่วยงานอื่นๆในพื้นที่ รวมทั้งใช้งบประมาณในอำนาจของจั งหวัดจัดหาน้ำดื่มสะอาดไปแจกจ่ ายประชาชนเหล่านั้น
2) ให้จังหวัดแจ้งศึกษาธิการจังหวั ดเพื่อสำรวจจำนวนนักเรียน
นักศึกษาและโรงเรียน สถานศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากน้ำ ท่วมจนไม่สามารถเปิดการเรียน
การสอนได้ตามปกติแล้ วประสานงานหน่วยราชการอื่นๆที่ มีสถานที่เพื่อขอใช้เป็นสถานที่ ศึกษาเล่าเรียนทดแทนโรงเรียน
สถาบันการศึกษาที่ถูกน้ำท่วม เช่น อาคารหอประชุมส่วนราชการอื่นๆ หรือ
อปท.ในพื้นที่ สำหรับยานพาหนะในการรับส่งนั กเรียนนักศึกษาอาจขอความร่วมมื อสำนักงานขนส่งจังหวัดหรือหน่ วยทหารในพื้นที่หรือภาคเอกชนสนั บสนุนด้วยก็ได้
และ 3) สำหรับในพื้นที่น้ำท่วมขังเริ่ มเน่าเสียซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ อสุขภาพประชาชนนั้น
ขอเน้นย้ำให้รีบประสานหน่ วยงานชลประทาน/อปท. หรือหน่วยงานอื่นๆ
ได้เร่งรัดสูบน้ำเสียเหล่านั้ นออกไปให้เร็วที่สุด พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ ประชาชนรู้จักวิธีป้องกั นตนเองจากโรคหลังน้ำท่วมด้วย
สุดท้าย ปลัดกระทรวงมหาดไทย
ได้ขอให้จังหวัดเร่งสำรวจพื้นที่ และแก้ไขปัญหา พร้อมให้การช่วยเหลือพี่น้ องประชาชน
โดยในการช่วยเหลือผู้ประสบอุ ทกภัยให้จังหวัดยึดการปฏิบัติ ตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ
ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่ วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2556
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่ างเคร่งครัด ซึ่งขณะนี้แต่ละจังหวัดมีวงเงิ นทดรองราชการในอำนาจของผู้ว่ าราชการจังหวัด
(50 ล้านบาท) สำหรับแก้ไขปัญหาในระยะยาว ขอให้จังหวัดและ บกปภ.ช.
ส่วนหน้าได้มีการเตรียมความพร้ อมทั้งการรวบรวมข้อมูล และการสำรวจความเสียหาย
เพื่อเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ในคราวที่จะลงพื้นที่ตรวจเยี่ ยมน้ำท่วมฯ
เพื่อกำหนดแนวทางการช่วยเหลือฯ ต่อไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น