"ไม่มีราม ไม่มีเรา" คือประโยคที่กินใจมาตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยรามคำแหง ปี 2523 แล้ว
ที่บอกว่ากินใจ เพราะเราเป็นคนในกลุ่มที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ และไม่ใช่เพราะเราโง่ หรือเรียนไม่เก่ง แต่เป็นเพราะระบบแพ้คัดออกมากกว่า
มหาวิทยาลัยในระบบปิดของรัฐสามารถรับคนได้จำกัด จึงมีระบบสอบคัดเลือก ใครแพ้ก็อดเรียน "ออกไป"
ช่วงปี 2511-2513 มีนักเรียนที่จบ ม.ศ.5 แล้วไม่ได้ต่อเรียนต่ออีกจำนวนมาก ชีวิตเคว้งคว้าง ไร้ทิศทาง ปี 2514 ตลาดวิชา/มหาวิทยาลัยเปิด "มหาวิทยาลัยรามคำแหง"จึงก่อกำเนิดเปิดทางให้กับทุกคน ลูกหลานชาวนาชาวสวนชาวไร่จึงเริ่มได้มีช่องทางในการศึกษาเล่าเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นกว่าระดับมัธยมศึกษา
ปี 2523 รามคำแหงได้ต้อนรับลูกชาวนาอย่างผมคนหนึ่งเข้าศึกษาต่อในคณะรัฐศาสตร์
"เปลวเทียนให้แสง รามคำแหงให้ทาง" อีกประโยคที่กินใจเมื่อเดินเข้าสู่รั้วพ่อขุน ถูกเขียนติดไว้ตัวใหญ่ๆตึกโรงพิมพ์ ทำให้รู้สึกทันทีว่า ชีวิตเริ่มมีแสงสว่างขึ้น มีทิศทางขึ้น โดยมีรามคำแหงนำทาง มีเปลวเทียนส่องนำทางเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ของชีวิต
บัณฑิตรุ่นแรกของรามคำแหงจบปี 2518 ท่ามกลางกระแสดูหมิ่นเหยียดหยาม และถากถาง ถึงความด้อยกว่าในสังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน หน่วยงานรัฐและเอกชนบางแห่งประกาศไม่รับบัณฑิตที่จบจากรามคำแหง
"มันเป็นบาดแผลที่เจ็บลึก จี้ดในหัวใจของชาวรามคำแหงเป็นยิ่งนัก"
บัณฑิตรุ่นแรกยังไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนพระราชทานปริญญาบัตรให้ มหาวิทยาลัยทำหนังสือกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปยังสำนักพระราชวัง หลายเดือนผ่านไปเรื่องก็ยังเงียบ สร้างความหดหู่เศร้าสร้อยใจต่อชาวรามคำแหงเป็นยิ่งนัก
"ฟ้าสว่างแล้ว" สร้างความตื่นเต้นปราบปลื้ม ตื้นตันต่อชาวรามเป็นยิ่งนักเมื่อมีหนังสือตอบรับมาจากสำนักพระราชวังว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตรุ่นแรกของรามคำแหง ปี 2518 ขอให้มหาวิทยาลัยเตรียมการ
สมัยนั้นรามคำแหงยังไม่มีหอประชุมขนาดใหญ่เพื่อจัดพิธีพระราชทานปริญญาบัตร จึงใช้ลานหน้าสำนักหอสมุดกลางเป็นสถานที่พระราชทานปริญญาบัตร ท่ามกลางการคัดค้านของฝ่ายความมั่นคงที่กังวลเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยพร้อมการปล่อยข่าว "เด็กรามหัวรุนแรง"
แค่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระเมตตาต่อชาวรามคำแหง ไม่หวั่นไหวต่อกระแสข่าว ยืนยันจะเสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานปริญญาบัตรต่อบัณฑิตรามคำแหง และจะเสด็จสองวันด้วย ทั้งๆที่บัณฑิตรุ่นแรกมีเพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น
ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี สร้างความปลื้มปีติต่อชาวรามคำแหงเป็นยิ่งนักในความมีเมตตาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
45 ปีผ่านพ้นไปรามคำแหงผลิตบัณฑิตออกมาแล้วกว่า 700,000 คน ออกไปรับใช้ชาติ สังคม และได้รับการยอมรับในความสามารถเก่งกล้าอย่างสมศักดิ์ศรี
"ประกาศก้องร้องเพลงชัย" ไปในทุกวงการ ชาวรามคำแหงเหยียบย่ำไปที่ไหนก็ได้รับการยอมรับ และกล้าที่จะบอกกับใครๆว่า "ผมจบราม"
"มีราม จึงมีเรา" และเพราะเปลวเทียนให้แสง รามคำแหงให้ทาง จึงมีเราในวันนี้ในวันที่มีชาวรามคำแหงนั่งเป็นปลัดกระทรวงถึง 6 กระทรวงจาก 23 กระทรวง และทุกวงการเต็มไปด้วยชาวรามคำแหง
เมื่อวันที่ 9 พ.ย.ชาวรามคำแหงจัดงานถวายความอาลัยในหลวงที่ลานพ่อขุนตั้งแต่บ่ายสามโมงเป็นต้นไป และ 26 พ.ย.คือวันสถาปนามหาวิทยาลัยรามคำแหงครบ 45 ปี อยากเชิญชวนลูกพ่อขุนทุกท่านมาร่วมงาน ขอให้ติดตามว่ามีอะไรบ้าง...
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น