pearleus

วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

กทม.ตรวจความแข็งแรงโป๊ะและท่าเทียบเรือ คุมเข้มมาตรการความปลอดภัยในช่วงลอยกระทง

   









เมื่อวันที่11 พ.ย.59 ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร  เวลา 09.00 น. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ปล่อยแถวขบวนรถดับเพลิงและกู้ภัย รถสายตรวจเทศกิจ รถหน่วยแพทย์กู้ชีวิต เพื่อเตรียมความพร้อมและรณรงค์ความปลอดภัยในช่วงเทศกาลลอยกระทงซึ่งตรงกับวันที่ 14 พ.ย.59 จากนั้นคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย ผู้แทนสำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมเจ้าท่า กองบัญชาการกองเรือดำลำน้ำ กองทัพเรือ กองบังคับการตำรวจน้ำ ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบความปลอดภัยท่าเทียบเรือและโป๊ะบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 6 ท่า ได้แก่ ท่าเรือท่าช้าง เขตพระนคร  ท่าเรือสะพานพระพุทธยอดฟ้า เขตพระนคร ท่าเรือวัดอรุณราชวราราม เขตบางกอกใหญ่ ท่าเรือวังหลัง เขตบางกอกน้อย ท่าเรือสะพานพระปิ่นเกล้า ฝั่งธนบุรี เขตบางกอกน้อย และท่าเรือสะพานพระราม ค8 เขตบางพลัด ซึ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีท่าเทียบเรือจำนวนทั้งหมด 436 แห่ง แบ่งเป็นท่าที่อยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 253 แห่ง และท่าที่อยู่ในคลองต่างๆ จำนวน 183 แห่ง ข้อมูลจากการสำรวจล่าสุด (31 ต.ค.59)พบว่าอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน 366 แห่ง ต้องซ่อมแซมปรับปรุง 70 แห่ง โดยท่าในแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน 216 แห่ง ต้องซ่อมแซม 37 แห่ง ท่าในคลองอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน 150 แห่ง ต้องซ่อมแซม 33 แห่ง

    กรุงเทพมหานครได้ตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์กรุงเทพมหานครในช่วงวันลอยกระทง ประจำปี 2559  โดยแต่งตั้งคณะกรรมการ ประกอบด้วยหน่วยงานทุกภาคส่วน  และองค์กรภาคีเครือข่าย บูรณาการเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ อาทิ เจ้าหน้าที่ อุปกรณ์ และยานพาหนะ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานร่วมกันของแต่ละหน่วยงาน ทั้งในช่วงก่อนวันลอยกระทง วันลอยกระทง และหลังวันลอยกระทงให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับการปล่อยแถวขบวนเจ้าหน้าที่ในวันนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและรณรงค์ด้านความปลอดภัยให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลลอยกระทง ประกอบด้วย รถดับเพลิงขนาดเล็ก (ATV) ของสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จำนวน 10  คัน รถดับเพลิงชนิด 4 x 4 พร้อมเครื่องดับเพลิงชนิดหาบหาม จำนวน 10 คัน  รถกู้ภัยพร้อมระบบดับเพลิงชนิดเจาะด้วยระบบน้ำแรงดันสูง ขนาด 4 ล้อ จำนวน 4 คัน  รถกู้ภัยพร้อมระบบดับเพลิงชนิดเจาะด้วยระบบน้ำแรงดันสูง ขนาด 6 ล้อ จำนวน 4 คัน  รถสายตรวจเทศกิจ จำนวน 10 คัน  และรถหน่วยแพทย์กู้ชีวิต 1 คัน

*ห้ามจุดและปล่อยบั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน ในพื้นที่กทม.

     กรุงเทพมหานคร ได้ออกประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง มาตรการป้องกันอันตรายจากการจุดและปล่อยบั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน ในช่วงวันลอยกระทง ประจำปี 2559 ซึ่งสอดคล้องกับคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 27/2559 ในการขอความร่วมมือจากผู้ผลิต สะสม จำหน่าย ผู้เล่นดอกไม้เพลิงและโคมลอย ตลอดจนประชาชนทั่วไปในพื้นที่เขต กทม. โดยห้ามไม่ให้จุดและปล่อยบั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ  โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน หากฝ่าฝืนต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมทั้งห้ามจำหน่ายและห้ามเล่นประทัดจีนทุกชนิด ประทัดรูปทรงกลม ประทัดรูปไข่ ประทัดรูปสามเหลี่ยม และไดนาไมท์ หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 6 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับผู้ผลิตสะสมและจำหน่ายดอกไม้เพลิงจะต้องได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามที่กฎหมายกำหนด และจะต้องปฏิบัติตามมาตรการประกาศกรมอนามัย เรื่อง ข้อปฏิบัติการควบคุมป้องกันอันตรายจากการผลิต การสะสม การขนส่ง และการจำหน่ายดอกไม้เพลิงอย่างเคร่งครัด หากฝ่าฝืนจะถูกจะถูกดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายที่กำหนดเช่นเดียวกัน
ขณะเดียวกัน กรุงเทพมหานครได้กำหนดแผนป้องกันอันตรายจากดอกไม้เพลิง และการเล่นโคมลอยไว้แล้ว  โดยได้จัดตั้งชุดเฉพาะกิจ ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตรวจสอบ ตรวจตราสถานประกอบการผลิต สะสม และจำหน่ายดอกไม้เพลิงอย่างเข้มงวด ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป รวมทั้งจัดกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ตามสถานที่ต่างๆ ในช่วงวันลอยกระทง เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยและปลอดภัยสูงสุดแก่ประชาชน
      ทั้งนี้ ผู้ที่ฝ่าฝืน จุดและปล่อยบั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกันขึ้นไปสู่อากาศจนทำให้อากาศยานในระหว่างบริการเสียหายจนเป็นเหตุให้อากาศยานนั้นไม่สามารถทำการบินได้ หรือเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัยของอากาศยานในระหว่างการบิน ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 10-20 ปี ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 นอกจากนี้ หากประชาชนพบเห็นเหตุสาธารณภัย สามารถแจ้งเพื่อขอความช่วยเหลือได้ทางโทรศัพท์สายด่วนหมายเลข 199 และ 1555 ตลอด 24 ชั่วโมง

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น