เมื่อวันที่ 21
พ.ย. 59 เวลา 08.45
น. คณะอนุกรรมาธิการกิจการสตรี ร่วมกับ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว
จัดการสัมมนาวิชาการ เรื่อง “รวมพลังยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก” โดย
นางสุวรรณี สิริเวชชะพันธ์ รองประธานคณะกรรมาธิการสังคมกิจการเด็ก เยาวชน สตรี
ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส คนที่สอง และประธานคณะอนุกรรมาธิการกิจการสตรี
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ให้เกียรติมาเป็นประธานกล่าวเปิดการสัมมนา และประธานในพิธีถวายความอาลัยและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
โดย นายวิศิษฐ์ เดชเสน รองอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว
กล่าวรายงานและขอบคุณคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ
คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดย คณะอนุกรรมาธิการกิจการสตรี ณ
ห้องกรุงธน โรงแรมรอยัลริเวอร์ กรุงเทพมหานคร
นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า ในปี พ.ศ. 2542
องค์การสหประชาชาติได้รับรองให้วันที่ 25
พฤศจิกายนของทุกปี เป็นวันขจัดความรุนแรงต่อเด็กและสตรีสากล และในประเทศไทยได้มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
19 มิถุนายน 2542
กำหนดให้เดือนพฤศจิกายนของทุกปี เป็นเดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและผู้หญิง
เพื่อมุ่งเน้นที่จะป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงทั้งต่อเด็กและสตรี
โดยดำเนินการรณรงค์ตลอดเดือนพฤศจิกายนให้สังคมได้ตระหนักและร่วมกันขจัดความรุนแรงต่อเด็กและสตรีให้หมดสิ้นไป
โดยใช้สัญลักษณ์ริบบิ้นสีขาว เป็นสัญลักษณ์ที่ผู้ชายจะประดับไว้บนปกเสื้อเพื่อแสดงถึงการร่วมต่อต้านการใช้ความรุนแรงต่อสตรี
โดยการ“ไม่ยอมรับ ไม่นิ่งเฉย ไม่กระทำความรุนแรงต่อสตรี” ทุกรูปแบบ
แต่ปัจจุบันสัญลักษณ์นี้ใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เพื่อเป็นการร่วมกันรณรงค์ยุติความรุนแรงในครอบครัวด้วย
นายวิศิษฐ์ กล่าวต่อไปว่า
ปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัวเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมไทยมาเป็นระยะเวลานาน
ปัจจุบันสถานการณ์ปัญหาดังกล่าวได้ขยายวงกว้างขึ้นและมีระดับของความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของเด็กและสตรีเป็นอย่างมาก ในปี พ.ศ. 2559
มีข้อมูลปรากฏชัดเจนว่า กว่า ร้อยละ 80
ของผู้กระทำความรุนแรง เป็นคนใกล้ชิด เป็นคู่สมรสหรือเป็นบุคคลในครอบครัว
และมีการกระทำความรุนแรงหลายรูปแบบทั้งทางร่างกาย ทางจิตใจ ทางวาจา และทางเพศ เช่น
การทำร้ายร่างกาย การบังคับจิตใจ การข่มขู่ การใช้วาจาด่าว่า การข่มขืนกระทำชำเรา
และการกระทำอนาจาร เป็นต้น การกระทำเหล่านี้ล้วนเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความมั่นคงของชีวิต
เป็นอุปสรรคในการพัฒนาของผู้หญิง และการสร้างสังคมที่สันติสุข
รวมทั้งละเมิดสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของผู้หญิงในการดำรงชีวิตที่มีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์
รองอธิบดีฯสค.กล่าวด้วยว่า ในฐานะที่กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
เป็นหน่วยงานหลักที่ดูแลการป้องกันแก้ไขปัญหาการกระทำความรุนแรงต่อเด็ก
สตรีและบุคคลในครอบครัวขอขอบคุณคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี
ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดย
คณะอนุกรรมาธิการกิจการสตรี ที่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าว
และได้ดำเนินโครงการสัมมนาวิชาการ เรื่อง “รวมพลังยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก” ในวันนี้ขึ้น
เพื่อเป็นการแสดงออกถึงพลังของบุรุษที่ติดริบบิ้นสีขาว ที่ไม่นิยมการกระทำความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก
และพลังของทุกภาคส่วนของสังคม
เพื่อให้หน่วยงานรัฐภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการรวมพลังเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก
ซึ่งตนคิดว่าหากทุกภาคส่วนในสังคมได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าวและร่วมกันขจัดและลดทอนปัญหาความรุนแรงในสตรี เด็ก และบุคคลในครอบครัว
ตนเชื่อว่าจะทำให้ปัญหาดังกล่าวหมดสิ้นไปได้
สำหรับกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย
การเสวนา “รวมพลังยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก” โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ
ได้แก่ ศาสตราจารย์ (พิเศษ) จรัญ ภักดีธนากุล
ศาสตราจารย์วันทนีย์ วาสิกะสิน ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการกิจการสตรี นักแสดง/ผู้ประกาศข่าว นายสุกิจ นรินทร์
ผู้กำกับภาพยนตร์ดำเนินรายการ โดย นายสุรวัฒน์ ชมภูพงษ์
ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการกิจการสตรี ผู้เข้าร่วมงานประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ
องค์กรภาคเอกชน องค์กรภาคประชาชน คนพิการ สถาบันการศึกษา และสื่อมวลชน จำนวน 200 คน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น