มีคนมาถามผมว่า เป็นนักข่าวแล้วได้อะไร? บอกตรง ๆ
เลยว่าครั้งแรกที่ฟัง รู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ เพราะไม่รู้พวกจะมาแนวไหน
จะถามจริง ๆ หรือจะป่วนเล่นก็ไม่เข้าใจเจตนา
เอาเป็นว่าผมจะตอบ ด้วยเชื่อว่าผู้พูดอยากรู้และไม่ได้คิดจะดูหมิ่นแต่อย่างไร
และถ้าผู้ถามมีเจตนาแอบแฝง ก็ถือว่าเป็นคำตอบที่จะสามารถเจริญสติปัญญาได้บ้าง
อาชีพนักข่าวนั้น
ไม่ได้วิเศษดีเลิศ หรือแม้กระทั้งด้อยค่ากว่าอาชีพอื่น
เป็นเพียงอาชีพหนึ่งที่มีรายได้พอเลี้ยงตัว อย่างที่เคยเขียนไว้ในพื้นที่ตรงนี้แหละครับว่า
ถ้าคิดจะร่ำรวยให้เชิญไปประกอบอาชีพอื่นที่มีเม็ดเงินมากกว่า
ผมทำอาชีพนักข่าวเพราะชอบในวิถีชีวิตนักข่าว
ที่มีสารพัดเรื่องราวให้รับรู้และเรียนรู้
อาชีพนักข่าวทำให้ผมมีโอกาสไปในที่ที่หลายคนไม่มีสิทธิจะไป มีโอกาสพบปะกับบุคคลหลายระดับ และที่น่าชื่นใจเป็นไหน
ๆ ก็คือ การได้มีโอกาสช่วยเหลือผู้คนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ
หลายเรื่องถูกคนในภาครัฐกลั่นแกล้งรังแก
ในขณะที่อีกหลายเรื่องพึ่งสติปัญญาผู้ที่ต้องรับผิดชอบเรื่องนั้น ๆ ไม่ได้ เมื่อพึ่งใครไม่ได้พวกเขาเหล่านั้นจะต้องพึ่งพาสื่อสารมวลชน
ที่พึ่งสุดท้ายที่จะเป็นปากเป็นเสียงให้ช่วยเหลือ ซึ่งก็ช่วยได้บ้าง
ไม่ได้บ้างเพราะเป็นเรื่องเกินกำลัง
การเป็นผู้ให้
อิ่มใจกว่าเป็นผู้รับครับ และสิ่งเหล่านี้แหละครับที่เป็นยาชั้นดีที่จะหล่อเลี้ยงความรู้สึกคนเป็นนักข่าว
ที่ทำข่าวด้วยอุดมคติ มิใช่นำมาหากินด้วยวิธีมูมมามหรือมาหาเศษหาเลยกับอาชีพนี้
วิถีของคนเป็นนักข่าวที่สมบูรณ์พร้อมนั้น
นอกเหนือจากความรักความชอบแล้ว หัวใจต้องถึงครับ รักความถูกต้อง
สอดส่องพฤติกรรมฉ้อฉลของพวกที่จ้องจะปล้นบ้านปล้นเมือง
ไม่ว่าจะเป็นคนในแวดวงราชการหรือเอกชน ...เห็นอะไรที่ไม่ชอบมาพากลต้อง ชี้ให้ชัด
และเจาะให้ลึก ครับ
.............ทั้งหมดนี้แหละคือเหตุผลที่ทำให้ผม
ยังคงใช้ชีวิตอยู่ในแวดวงสื่อสารมวลชน ...
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น