pearleus

วันอังคารที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ประชาคมสมุทรสาคร “ติดตามความคืบหน้า ก่อสร้างอาคารสนง.อัยการ”


เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ที่ผ่านมา ประชาคมสมุทรสาครได้จัดให้มีการประชุมที่อาคารสระว่ายน้ำ ชั้น ๒ สโมสรสมฤดี เพื่อติดตามความคืบหน้าของการคัดค้านการก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดฯ และปรึกษาหารือเกี่ยวกับการดำเนินการในโอกาสต่อไป โดยที่ประชุมมีมติ ดังนี้
(๑)          ยืนยันการใช้ประเด็น การคัดค้านการก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสาคร และสนับสนุนการขึ้นทะเบียนฐานรากป้อมวิเชียรโชฎกเพิ่มเติม เพื่อพัฒนาพื้นที่ให้เป็นอุทยานประวัติศาสตร์สาครบุรีในการทำงานต่อไป เนื่องจากเป็นประเด็นหลักที่ประชาคมจังหวัดสมุทรสาครได้ดำเนินการมาแต่ต้น
(๒)         กำหนดแนวทางในการดำเนินการในระยะต่อไป เช่น ทำหนังสือถึงส่วนงานที่เกี่ยวข้อง อธิบดีกรมศิลปากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล) หัวหน้า คสช. ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ฯลฯ จัดทำโครงการประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจกับมวลชน ด้วยการจัดทำซุ้มประชาสัมพันธ์ และเปิดเวทีอภิปราย ในวันที่ ๗ มีนาคม ที่ข้างศาลเจ้าพ่อหลักเมือง รวมทั้งให้ความรู้กับนักเรียนและนักศึกษาด้วย
เหตุผลในการคัดค้านการก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสาคร ของกลุ่มประชาคมจังหวัดสมุทรสาคร มีดังนี้

๑.            สำนักอัยการสูงสุด จะทำการก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสาคร ในพื้นที่ราชพัสดุที่มีเนื้อที่เพียง ๓ งาน ๗๕ ตารางวา ซึ่งเป็นอาคารสูง ๗ ชั้น มีความสูงประมาณ ๒๕ เมตร ในบริเวณพื้นที่     ที่อยู่ในชุมชนเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นอยู่แล้ว (ใกล้ทางเข้าตลาดมหาชัย) จะทำให้เกิดการจราจรติดขัดเพิ่มขึ้นจนเป็นอุปสรรคในการคมนาคมของจังหวัด

๒.           แม้ว่าภายในอาคารจะมีการออกแบบให้มีพื้นที่จอดรถ แต่ก็มีพื้นที่เพียงเล็กน้อย ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ รวมทั้งประชาชนที่จะต้องเดินทางมาติดต่องานกับเจ้าหน้าที่ในสำนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสาครที่จะสร้างขึ้นใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนไม่น้อยกว่า ๑๐๐ คัน ทำให้ต้องไปหาที่จอดรถภายนอก ซึ่งขณะนี้ในบริเวณใกล้เคียงก็ประสบปัญหาจารจรติดขัดและไม่มีพื้นที่จอดรถอยู่แล้ว จะทำให้เกิดปัญหามากขึ้น

๓.           ข้อเท็จจริงปรากฎว่า ในพื้นที่ราชพัสดุแปลงที่สำนักอัยการสูงสุด จะทำการก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสาคร ได้มีการขุดพบฐานรากของกำแพง ป้อมวิเชียรโชฎก ซึ่งเป็นโบราณสถานที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว ขึ้นใหม่ โดยกรมศิลปากรจะต้องทำการขึ้นทะเบียนเพิ่มเติมจากแนวกำแพงป้อมฯเดิม หากสำนักอัยการสูงสุด จะทำการก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสาครตามแบบเดิม จะต้องสร้างทับซ้อนกับฐานรากของกำแพง ป้อมวิเชียรโชฎก ที่ขุดพบขึ้นใหม่นี้ ซึ่งหากยังดื้อดึงที่จะดำเนินการ จะเป็นการกระทำที่
(๑)          ขัดกับพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔
(๒)         ขัดกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๑๘ ที่ได้ให้ความเห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยพิจารณาเห็นว่าต่อไปหากส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจใดมีการก่อสร้างอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใกล้เคียงโบราณสถานดังกล่าวขอให้หารือไปยังกรมศิลปากรก่อน เพื่อประโยชน์ในการสงวนรักษาสมบัติทางวัฒนธรรมของชาติให้ยืนยงตลอดไป และได้อนุมัติในหลักการเพื่อให้กระทรวง ทบวง กรม และรัฐวิสาหกิจทุกแห่งถือปฏิบัติต่อไป
(๓)         ขัดกับมติคณะกรรมการวิชาการเพื่อการอนุรักษ์โบราณสถาน เรื่องแนวทางในการควบคุมสิ่งก่อสร้างอื่นใดที่สร้างในบริเวณคูเมือง-กำแพงเมือง ให้ดำเนินการ รวม ๓ ประการ ที่ทั้งกรมศิลปากรและกรมธนารักษ์ได้ยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติในการอนุรักษ์โบราณสถานและภาพลักษณ์ของเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานสืบต่อกันมา
(๔)         ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการใช้ที่ดินราชพัสดุที่ได้ผู้แทนสำนักอัยการสูงสุดได้ลงนามในบันทึกรับทราบแนวเขตและยินยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขการใช้ที่ราชพัสดุ ร่วมกับผู้แทนกรมธนารักษ์ ซึ่งเป็นส่วนราชการผู้อนุญาตให้ใช้ที่ราชพัสดุ โดยยินยอมที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขทุกข้อโดยเคร่งครัด โดยเฉพาะข้อ ๕ ที่กำหนดไว้ ดังนี้ ๕. กรณีที่จะดำเนินการปลูกสร้างอาคารในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต จะต้องประสานงานและตรวจสอบ รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องด้วย
(๕)         เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับส่วนราชการอื่นในการไม่เคารพกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรี รวมทั้งแนวทางในการควบคุมสิ่งก่อสร้างอื่นใดที่สร้างในบริเวณคูเมือง-กำแพงเมือง
(๖)          ทำลายความรู้สึกและศรัทธาของประชาชนที่มีต่อสำนักอัยการสูงสุดและข้าราชการในสำนักงานที่เป็น ทนายของแผ่นดินที่ควรเป็นผู้ที่เคารพกฎหมาย และทำตนเป็นตัวอย่างให้กับประชาชน มากกว่าจะเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเสียเอง

๔.           การก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสาคร ในพื้นที่ดินแปลงนี้ เป็นการทำร้ายความรู้สึกของประชาชนชาวสมุทรสาครและผู้ศรัทธาต่อศาลเจ้าพ่อหลักเมืองที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับสถานที่ที่จะทำการก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสาคร เนื่องจากมีความสูงกว่าศาลเจ้าพ่อหลักเมืองถึงเกือบ ๒๐ เมตร ซึ่งมีลักษณะของการค้ำและข่มความศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้าพ่อหลักเมืองที่ประชาชนมีความเคารพศรัทธามาช้านาน อีกทั้งประชาชนเกรงว่าจะเกิดอาเพศในบ้านเมือง และอัปมงคลต่อประชาชนชาวสมุทรสาคร เพราะอาคารสูงย่อมมีสิ่งปฏิกูลที่เกิดจากห้องน้ำต่างๆ ที่อาจปลิวตกมายังศาลเจ้าพ่อหลักเมืองอันเป็นที่เคารพบูชาของตน เนื่องจากในอดีต เคยมีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นกับชาวสมุทรสาครหลายครั้ง เมื่อมีการย้ายเจ้าพ่อหลักเมืองไปตั้งในศาลหลักเมืองสมุทรสาครซึ่งสร้างขึ้นใหม่ในขณะนั้น จนท้ายที่สุด ต้องมีการย้ายเจ้าพ่อหลักเมืองกลับมาตั้งยังศาลเดิม เหตุอาเพศต่างๆจึงสงบลง นำมาซึ่งความสงบสุขให้กับชาวสมุทรสาครอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ประชาชนเชื่อว่า การก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสาครสูง ๗ ชั้นในครั้งนี้ อาจนำมาซึ่งเหตุอาเพศใหม่ที่นำมาซึ่งความเดือดร้อนและความไม่สงบให้กับประชาชนและผู้อยู่อาศัยในจังหวัดสมุทรสาครอีกครั้ง

๕.           ชาวสมุทรสาครต้องการสร้างพื้นที่ในบริเวณ ป้อมวิเชียรโชฎก เพื่อพัฒนาให้เป็น อุทยานประวัติศาสตร์สาครบุรีเพื่อเป็นปอดของเมือง เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ลานกิจกรรม และสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของเมืองสมุทรสาคร โดยต้องการให้มีการจัดสร้างกำแพงป้อมฯในส่วนที่ขาดหายไปทดแทนขึ้นใหม่อีกครั้ง ซึ่งในปัจจุบัน ได้มีการย้ายสิ่งก่อสร้างต่างๆที่อยู่ภายในออกไปแล้ว มีการปรับภูมิทัศน์ และกำลังประสานงานให้ส่วนราชการที่มีอาคารในบริเวณใกล้เคียงกับ ป้อมวิเชียรโชฎก ให้รื้ออาคารและย้ายออกไปด้วย เพื่อให้เห็นความสง่างามของกำแพง ป้อมวิเชียรโชฎก ดังเช่นในอดีต โดยไม่ถูกถูกปิดบังด้วยอาคารที่ก่อสร้างขึ้นใหม่ และเป็นการอนุรักษ์โบราณสถานอันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติแห่งนี้ไว้ให้กับอนุชนรุ่นหลัง ซึ่งหากสำนักอัยการสูงสุดยังดื้อดึงที่จะดำเนินการก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสาคร จะตอบโจทย์หน่วยงานที่ได้ย้ายออกไปแล้วและกำลังประสานให้รื้ออาคารและย้ายออกไปอย่างไร

๖.            สำนักอัยการสูงสุด มีทางเลือกที่จะมีที่ทำงานที่เหมาะสมและเพียงพอต่อเจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้ โดยมีทางเลือก ๒ ประการ คือ
(๑)          ชาวสมุทรสาครได้เสนอพื้นที่อื่นที่มีขนาดกว้างขวางกว่าพื้นที่ราชพัสดุ แปลงเลขที่ ๓๗ ให้เป็นทางเลือก แต่สำนักอัยการสูงสุดไม่สนใจที่จะพิจารณา
(๒)         ขณะนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครกำลังพิจารณาหาสถานที่ก่อสร้างศาลากลางจังหวัดหลังที่ ๒ เพื่อเป็นสำนักงานให้กับส่วนราชการต่างๆที่ยังไม่มีสำนักงานของตนเอง รวมทั้งปรับปรุงศาลากลางหลังเดิมให้มีความเหมาะสมมากขึ้น ซึ่งสำนักงานอัยการจังหวัดสามารถที่จะใช้เป็นสำนักงานใหม่ได้
เหตุผลในการเสนอให้มีการขึ้นทะเบียนเพิ่มเติมฐานรากกำแพงในส่วนที่ค้นพบขึ้นใหม่ และพัฒนา ป้อมวิเชียรโชฎกให้เป็น อุทยานประวัติศาสตร์สาครบุรีของกลุ่มประชาคมจังหวัดสมุทรสาคร มีดังนี้
๑.            เหตุผลในการเสนอให้มีการขึ้นทะเบียนเพิ่มเติมฐานรากกำแพงของ ป้อมวิเชียรโชฎก ในส่วนที่ค้นพบขึ้นใหม่ มีดังนี้
(๑)          เนื่องจาก กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียน ป้อมวิเชียรโชฎก” (กำแพงป้อมฯทั้งหมด) เป็นโบราณสถานของชาติในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๖ ตอนที่ ๒๒๐ วันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๒ โดยมีเนื้อที่ประมาณ ๑๔ ไร่ ๒ งาน ๑๐ ตารางวา โดยมีแผนที่แนบท้าย ที่ราชพัสดุแปลงที่ สค.๓๖ ซึ่งมิได้รวมส่วนที่ค้นพบขึ้นใหม่ (เอกสารแนบ ๑)
(๒)         เนื่องจาก กรมศิลปากรได้ขุดพบฐานรากกำแพงของ ป้อมวิเชียรโชฎกขึ้นใหม่ ในที่ราชพัสดุแปลงที่ สค.๓๗ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกำแพง ป้อมวิเชียรโชฎกที่ต่อเนื่องจากแนวกำแพงเดิมที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว ดังนั้น กรมศิลปากรจึงต้องขึ้นทะเบียนเพิ่มเติมกำแพง ป้อมวิเชียรโชฎกส่วนที่พบใหม่ เพื่อให้เกิดความครบถ้วนและสมบูรณ์ของกำแพงป้อมทั้งหมด (เอกสารแนบ ๒)                                   
๒.           เหตุผลในการเสนอให้มีการพัฒนา ป้อมวิเชียรโชฎกให้เป็น อุทยานประวัติศาสตร์สาครบุรีมีดังนี้
(๑)          ชาวสมุทรสาครต้องการสร้างพื้นที่ในบริเวณ ป้อมวิเชียรโชฎกเพื่อพัฒนาให้เป็น อุทยานประวัติศาสตร์สาครบุรีซึ่งเป็นการอนุรักษ์โบราณสถานอันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติแห่งนี้ไว้ให้กับอนุชนรุ่นหลัง โดยต้องการให้มีการจัดสร้างกำแพงป้อมฯในส่วนที่ขาดหายไปทดแทนขึ้นใหม่อีกครั้ง มีการปรับภูมิทัศน์ เพื่อให้เห็นความสง่างามของกำแพง ป้อมวิเชียรโชฎกดังเช่นในอดีต โดยไม่ถูกถูกปิดบังด้วยอาคารที่ก่อสร้างขึ้นใหม่
(๒)         ชาวสมุทรสาครต้องการให้พื้นที่ในบริเวณ ป้อมวิเชียรโชฎกนี้ เป็นปอดของเมือง เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ สวนสาธารณะ และลานกิจกรรม ของคนสมุทรสาคร โดยมีการปรับภูมิทัศน์ให้สวยงาม เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจของประชาชน
(๓)         ชาวสมุทรสาครต้องการสร้าง อุทยานประวัติศาสตร์สาครบุรีเพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของเมืองสมุทรสาคร เป็นแหล่งศึกษาข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของเมืองให้กับผู้สนใจทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เนื่องจากเมืองสมุทรสาคร เคยเป็นเมืองที่มีความสำคัญในอดีตทั้งทางการค้าระหว่างประเทศ (เมืองท่าจีน-ท่าเรือขนถ่ายสินค้าจากเรือสำเภาเพื่อไปค้าขายที่อยุธยา) การประมงและการค้าสัตว์น้ำ (การเสด็จมาทรงเบ็ดของพระเจ้าเสือ และการประมงยุคใหม่) การปกครอง (ท่าฉลอมสุขาภิบาลหัวเมืองแห่งแรก) ศาสนาและศิลปวัฒนธรรม (วัดใหญ่จอมปราสาท) อุตสาหกรรม (โรงหีบอ้อย-ปล่องเหลี่ยม) และความมั่นคงของชาติ (การป้องกันประเทศทางเรือตั้งแต่สมัยอยุธยา) ฯลฯ

(๔)         ผู้ว่าราชการจังหวัดในปัจจุบันได้สนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาพื้นที่บริเวณด้านหน้าของ ป้อมวิเชียรโชฎกให้เป็นลานกิจกรรมของประชาชน เพื่อให้สอดรับกับการพัฒนา อุทยานประวัฒิศาสตร์สาครบุรีให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจของบุคคลทั่วไป

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น