มหาดไทยกำชับผู้ว่าราชการจังหวั ด นายอำเภอ เร่งแก้ไขปัญหาในพื้นที่ เน้นย้ำต้องทำงานเชิงรุกเข้าถึ งพื้นที่ พร้อมทั้งสร้างความรับรู้กั บประชาชนให้เข้าใจถึ งการทำงานของภาครัฐ เพื่อลดช่องว่างการสร้างความเข้ าใจผิดหรือบิดเบือนข้อมูลข่ าวสาร
วันนี้ (29 เม.ย.60) ที่กระทรวงมหาดไทย นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงมหาดไทย ได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกั บการบริหารงานในระดับพื้นที่ (Area-based) โดยเฉพาะเรื่องปัญหาความเดือดร้ อนของประชาชน การร้องเรียนเรื่องทุจริต ตลอดจนปัญหาที่มีการร้องเรียนผ่ านศูนย์ดำรงธรรมแต่ยังไม่ได้รั บการแก้ไขหรือเยียวยาความเดื อดร้อน
เพื่อให้การแก้ไขปัญหาในพื้นที่ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการร้องเรียนเข้ามาที่ส่ วนกลาง กระทรวงมหาดไทยจึงได้สั่ งการกำชับให้ทุกจังหวัด เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการบริ หารงานในระดับพื้นที่ (Area-based) ด้วยการบูรณาการทำงานร่วมกับทุ กภาคส่วน ดังนี้
1. เรื่องการบริหารงบประมาณในพื้ นที่ เน้นย้ำต้องให้เกิดประโยชน์สู งสุดต่อการพัฒนาและแก้ไขปั ญหาของพื้นที่ (Area-based) เป็นไปอย่างโปร่งใส ถูกต้องตามระเบียบกฎหมายอย่ างเคร่งครัดทุกขั้นตอน โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัด บูรณาการบริหารงบประมาณตาม "แผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด" งบประมาณพัฒนาพื้นที่ภูมิภาค งบประมาณองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่ น และงบประมาณส่วนราชการ (function) โดยยึด "แผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด" และยุทธศาสตร์ตามแผนพั ฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบั บที่ 12 เป็นเป้าหมายในการดำเนินงาน
2. ด้านการดูแลพี่น้องประชาชน ได้กำชับไปยังผู้ว่าราชการจั งหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้ องถิ่น ในฐานะผู้รับผิดชอบประจำพื้นที่ หมั่นตรวจเยี่ยมดูแลประชาชนในพื้ นที่อย่างใกล้ชิดเป็นประจำ เพื่อรับฟังเสียงสะท้อนปั ญหาจากประชาชนโดยตรง เพี่อให้พี่น้องประชาชนมีความอุ่ นใจเมื่อได้ทราบว่าส่ วนราชการหรือหน่วยงานรัฐให้ ความเอาใจใส่ต่อสภาพปัญหา
และเพื่อเป็นการเตรียมการในเชิ งป้องกันและบรรเทาความเดือดร้ อนของประชาชนที่อาจเกิดขึ้นไว้ ล่วงหน้า ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ต้องวางแผน/คาดการณ์หรือประเมิ นสถานการณ์เกี่ยวกับปั ญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ อาทิ ปัญหาสาธารณภัย และราคาผลผลิตทางการเกษตรตามฤดู กาลตกต่ำ เป็นต้น
3. ให้ใช้กลไก "ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด" และ "ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ" เป็นหน่วยบูรณาการกับส่ วนราชการทุกหน่วยในพื้นที่ โดยมอบหมายรองผู้ว่าราชการจั งหวัดรับผิดชอบงานของศูนย์ ดำรงธรรมโดยตรง เพื่ออำนวยการและติดตามการดำเนิ นงานแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรี ยนต่าง ๆ ของศูนย์ดำรงธรรมอย่างต่อเนื่ องทุก ๆ 7 วัน
ในกรณีที่มีเรื่องร้องเรียนหรื อเกิดปัญหาความเดือดร้ อนของประชาชนที่ไม่สามารถแก้ ไขได้ในระดับพื้นที่ เนื่องจากไม่มีหน่วยงานรองรั บในจังหวัดและอำเภอ หรือเกินอำนาจหน้าที่ภารกิ จของหน่วยงานในพื้นที่ ให้รวบรวมเรื่องดังกล่ าวเสนอมายังกระทรวงมหาดไทย และกระทรวง หรือหน่วยอื่นๆ ในส่วนกลางที่มีอำนาจหน้าที่ และภารกิจเกี่ยวข้องโดยตรงกับปั ญหาการร้องเรียนหรือความเดือดร้ อนนั้น เป็นผู้พิจารณาดำเนินการแก้ไขต่ อไป ทั้งนี้ จังหวัดต้องทำหลักฐานแจ้ งประชาชน ผู้ร้องเรียนทราบถึงผลการดำเนิ นการในระดับจังหวัดด้วยว่า ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาหรือข้ อร้องเรียนนั้นไปแล้วอย่างไรบ้ าง
นอกจากนี้ ให้จังหวัดสร้างการรับรู้ (Perception) ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ได้ ทราบถึงผลการดำเนินงานของรั ฐบาลหรือหน่วยงานรัฐที่ได้แก้ ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ ทุกช่องทางอย่างกว้างขวาง เช่น การออกรายการวิทยุ โทรทัศน์ภูมิภาคหรือท้องถิ่น การแจ้งข่าวสารผ่านเสี ยงตามสายในหมู่บ้าน ชุมชน และสื่อสังคม - โซเชียลมีเดีย เพื่อชี้แจงประชาสัมพันธ์เรื่ องราวข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่ถูกต้องแก่ประชาชนในพื้นที่ ทราบ และป้องกันการบิดเบือน หรือขยายความข้อมูลข่าวสารที่ ไม่ถูกต้อง
4. ด้านการป้องกันการทุจริ ตและประพฤติมิชอบ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้ องถิ่น กำชับ ตรวจสอบ และติดตามการปฏิบัติ งานตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่รั ฐในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และหาทางป้องกันแก้ไขมิให้เกิ ดการทุจริตหรือประพฤติมิ ชอบในวงราชการ เช่น การจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่เป็ นไปตามระเบียบกฎหมาย ปัญหาร้องเรียนเรื่องที่ดิน การออกเอกสารสิทธิ์ที่ดิ นประเภทต่างๆ การบุกรุกที่สาธารณะ และการเรียกรับผลประโยชน์ จากการอนุมัติ อนุญาต รวมทั้งการเรียกรับผลประโยชน์ โดยมิชอบจากธุรกิจผิดกฎหมาย เป็นต้น
ซึ่งในเรื่องดังกล่าว กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคั ญและถือเป็นนโยบายเน้นหนั กในการป้องกันและต่อต้านการทุ จริต ภายใต้แนวคิด “มหาดไทยใสสะอาด” จึงได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจั งหวัด นายอำเภอ และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้ องถิ่นกำชับ และตรวจสอบติดตามการปฏิบัติ งานตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่รั ฐในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และหาทางป้องกันแก้ไขมิให้เกิ ดการทุจริตหรือประพฤติมิชอบอย่ างเด็ดขาด ด้วยการสร้างจิตสำนึกของข้ าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐทุ กระดับ ให้ยึดมั่นในแนวทางการปฏิบัติ งานเพื่อประชาชนด้วยความซื่อสั ตย์ สุจริต และโปร่งใส โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามี ส่วนร่วมหรือมี บทบาทในการทำงานร่วมกับภาครัฐด้ วยการแต่งตั้งตัวแทนประชาชนในพื้ นที่เป็นคณะกรรมการตรวจรั บงานตามโครงการในพื้นที่ตำบล หมู่บ้าน รวมทั้งการจัดทำป้ ายแสดงรายละเอียดของโครงการให้ ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบ และประสานสำนักงานป้องกั นและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จังหวัด (ป.ป.ช.จังหวัด) สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิ ภาค (สตง.ภูมิภาค) หรือสำนักงานป้องกั นและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) เข้าติดตามการดำเนิ นงานโครงการในพื้นที่เป็ นประจำด้วยฯ และย้ำว่า ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้ องถิ่น ในฐานะหัวหน้าหน่วยงานจะต้ องแสดงภาวะผู้นำและวางตนอย่างมุ่ งมั่น แข็งขันและชัดเจนในเรื่องความซื่ อสัตย์ สุจริต ไม่กระทำการที่อาจเป็นช่ องทางให้ถูกกล่าวหาว่าประพฤติมิ ชอบได้
สุดท้าย ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำว่า กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญกั บการบริหารงานในระดับพื้นที่ เพื่อการแก้ไขปัญหาความเดือดร้ อนของประชาชนเกิดผลสัมฤทธิ์เป็ นไปตามความต้ องการของประชาชนในพื้นที่มากที่ สุด และมุ่งมั่นปรับปรุงการบริ หารงานของภาครัฐให้เกิดประโยชน์ อย่างสูงสุดต่ อประชาชนและประเทศชาติอย่างแท้ จริงต่อไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น