พงศพัศ
เผยจัดระบบงานใหม่ตามแนวทางการปฏิรูปองค์กรตำรวจทั้งระบบ
เสนอ
ก.ตร. ปรับลดตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.ผู้ช่วย ผบ.ตร.ยุบที่ปรึกษาเทียบ พล.ต.อ.
เพิ่มประสิทธิภาพศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมพิเศษและงานนโยบายสำคัญของ
ตร.
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 26 ก.ค.2559 พล.ต.อ.พงศพัศพงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อนและประสานงานการปฏิรูปองค์กรตำรวจ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ในการประชุม ก.ตร. ในวันพุธที่ 27 ก.ค.2559 พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จะนำเสนอเรื่องที่เกี่ยวข้องกับแนวทางการปฏิรูปองค์กรตำรวจให้ ก.ตร. พิจารณาใน 2 เรื่อง คือการวิเคราะห์และกำหนดตำแน่งให้สอดรับกับระบบงานของ ตร. และการวิเคราะห์และกำหนดตำแน่งข้าราชการตำรวจเพื่อทำหน้าที่ในศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมพิเศษและงานนโยบายสำคัญของตร. ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายก รัฐมนตรี และประธาน ก.ตร. ที่ต้องการปรับระบบการทำงานหลักและงานสนับสนุนให้เกิดความชัดเจน มีสายการบังคับบัญชาที่สั้นลงและมีความคล่องตัวในการบริหารสั่งการให้มากขึ้น รวมทั้งปรับระบบการทำงานของศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมพิเศษให้มีประสิทธิภาพ สามารถรองรับงานความมั่นคง งานอาชญากรรมข้ามชาติ การก่อการร้าย การค้ามนุษย์ การตัดไม้ทำลายป่า ยาเสพติด และงานอื่นๆ ที่มีผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนโดยส่วนรวมซึ่งการวิเคราะห์และกำหนดตำแหน่งดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะอนุ ก.ตร.บริหารทรัพยากรบุคคลแล้ว
พล.ต.อ.พงศพัศ
กล่าวว่า ในส่วนแรกที่เป็นการปรับระบบงานให้สอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูปองค์กรตำรวจนั้น
จะมีการกำหนดตำแหน่งและหน้าที่ความรับผิดชอบของ รอง ผบ.ตร. และ ผู้ช่วย ผบ.ตร.
เพื่อให้สอดรับรับผิดชอบงานตามที่คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.ต.ช.
กำหนดไว้ใน 5 สายงาน ได้แก่ งานบริหาร งานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม งานสืบสวน
งานกฎหมายและสอบสวน และ งานความมั่นคงและกิจการพิเศษ
“ในการดำเนินการจะมีการปรับลดตำแหน่ง
รอง ผบ.ตร. จาก 7 ตำแหน่ง เหลือ 5 ตำแหน่ง ปรับลดตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร. จาก 14
ตำแหน่ง เหลือ 10 ตำแหน่ง ยุบเลิกตำแหน่ง ที่ปรึกษา (สบ 10) เทียบเท่า รอง ผบ.ตร.
ทั้งหมด 6 ตำแหน่ง ปรับลดตำแหน่ง จเรตำรวจ (สบ8) ในสังกัดสำนักงาน ผบ.ตร.
เทียบเท่า ผบช.จาก 9 ตำแหน่ง เหลือ 5 ตำแหน่ง ปรับลดตำแหน่ง ผบช.ประจำสำนักงาน
ผบ.ตร. จาก 6 ตำแหน่ง เหลือเพียง 3 ตำแหน่ง ยุบเลิกตำแหน่ง รอง ผบช.ประจำสำนักงาน
ผบ.ตร. ทั้งหมด 3 ตำแหน่ง
ผลจากการปรับตำแหน่งดังกล่าว
ทำให้มีการยุบเลิกตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. และที่ปรึกษา (สบ10) เทียบเท่า รอง ผบ.ตร. ยศ
พล.ต.อ. จำนวน 8 ตำแหน่ง ยุบเลิกตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ผบช. และเทียบเท่า ผบช. ยศ
พล.ต.ท. จำนวน 11 ตำแหน่ง และยุบเลิกตำแหน่ง รอง ผบช.ยศ พล.ต.ต. อีก 3 ตำแหน่ง”
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวด้วยว่า
สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมพิเศษและนโยบายสำตัญของ
ตร. นั้น ท่าน ผบ.ตร. ได้เสนอปรับบทบาทเพื่อปฏิรูประบบการทำงานของศูนย์ต่างๆ ทั้ง
10 ศูนย์ เพื่อให้สนองตอบต่อสภาพปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน
และสามารถรองรับการขยายตัวของอาชญากรรมข้ามชาติในทุกรูปแบบ รวมทั้งการวิเคราะห์และกำหนดตำแหน่งและหน้าที่ความรับผิดชอบให้ชัดเจน
เพื่อสรรหาบุคคลากรที่เหมาะสมและมีประสบการณ์ในการที่จะเข้ามาทำหน้าที่ควบคุมดูแลและสั่งการในการปฎิบัติงานของศูนย์ต่างๆ
เหล่านี้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป
สำหรับศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมพิเศษทั้ง
10 ศูนย์ ประกอบด้วย
1.
ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
2.ศูนย์ปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา 3.ศูนย์พิทักษ์เด็ก สัตรี ครอบครัว
และป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ 4.ศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
5.ศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม
6.ศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง 7.
ศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง 8.ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์รถจักรยานยนต์
9.ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมสินค้าทางน้ำ และ 10.ศูนย์ปฏิบัติการงานความมั่นคงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.อ.พงศพัศ
กล่าวว่าทั้งหมดนี้ จะมีการนำเสนอ ก.ตร.
เพื่อขออนุมัติหลักการในการปฏิรูประบบการปฏิบัติงาน
พร้อมกำหนดตำแหน่งผู้รับผิดชอบดูแล ซึ่งจะเสนอให้มีตำแหน่ง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.
เทียบเท่ารอง ผบ.ตร. เป็น ผู้อำนวยการศูนย์ฯ มีตำแหน่ง ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ
เทียบเท่า ผบช. ทำหน้าที่ รองผู้อำนวยการศูนย์ฯ และ มีตำแหน่ง ผู้ทรงคุณวุฒิ ตร.
เทียบ ผบก. ทำหน้าที่หัวหน้าส่วนอำนวยการ สนับสนุน และปฏิบัติการ
โดยทั้งหมดนี้จะเป็นตำแหน่งบริหารแต่ไม่มีการกำหนดตำแหน่ง นายเวร และ
ผู้ช่วยนายเวร ให้ เหมือนกับตำแหน่งบริหารโดยทั่วไป”
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวว่าจะมีการพิจารณาแต่งตั้งตำแหน่ง
ผบช.น.ของ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ที่ยังรักษาราชการแทน
ผบช.น.อยู่ในขณะนี้ด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า
ในวาระการประชุม ก.ตร.ในครั้งนี้ แม้จะไม่มีเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายระดับนายพลปรากฏอยู่
แต่ในการดำเนินการก็สามารถทำได้อยู่แล้ว โดยเป็นดุลยพินิจและอำนาจหน้าที่ของ
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่จะต้องเป็นผู้เสนอ โดยนำเรียนท่านพล.อ.ประวิตร
วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ ประธาน ก.ตร. เพื่อขอรับความเห็นชอบในการนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของ
ก.ตร.ต่อไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น