คณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ
(E3) จัดประชุมมอบนโยบายแก่ผู้ว่าราชการจังหวัด
ภาคเอกชน ประชาชน และภาคประชาสังคมทั้ง 76 จังหวัด
เร่งเดินหน้าสานพลังประชารัฐ สร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน
เมื่อ 29 เม.ย. 59 ณ
ตึกสันติไมตรีหลังนอก ทำเนียบรัฐบาล คณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ (E3)
ซึ่งมี พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
เป็นหัวหน้าทีมภาครัฐ และนายฐาปน สิริวัฒนภักดี บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)
เป็นหัวหน้าทีมภาคเอกชน
ได้จัดให้มีการประชุมมอบนโยบายและแนวทางการดำเนินงานสานพลังประชารัฐ
เพื่อขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐระดับพื้นที่
และชี้แจงแนวทางการดำเนินงานวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) “บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีประเทศไทย จำกัด” และ “บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี...(จังหวัด) จำกัด” ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะ
76 จังหวัด ผู้แทนภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และประชาชน
ที่เข้าร่วมประชุมฯ จำนวนกว่า 600 คน โดยมีกิจกรรมต่างๆ
ดังนี้
- เวลา 08.09 น. พิธีลงนามจัดตั้ง “บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี...(จังหวัด) จำกัด” ของจังหวัดเพชรบุรี
อุดรธานี เชียงใหม่ และจังหวัดบุรีรัมย์ โดยมี พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายฐาปน สิริวัฒนภักดี ร่วมเป็นสักขีพยาน
-
เวลา 09.00 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงตึกสันติไมตรี เพื่อร่วมกิจกรรม โดยในช่วงแรก จะรับชม VDO
Presentation การขับเคลื่อนพลังประชารัฐเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและการจัดตั้งวิสาหกิจเพื่อสังคม
(Social Enterprise) จากนั้นจะมีพิธีลงนามการจัดตั้ง “บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีประเทศไทย จำกัด” โดยผู้ประกอบการภาคเอกชนส่วนกลาง
ตัวแทนภาคประชาชน ภาคประชาสังคม โดยมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
ร่วมเป็นสักขีพยาน
ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรี
เป็นประธานมอบนโยบายและแนวทางการดำเนินการสานพลังประชารัฐ
เพื่อขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากระดับพื้นที่ แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัด
ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการ บริษัท
ประชารัฐรักสามัคคี จังหวัดเชียงใหม่ บุรีรัมย์ ภูเก็ต อุดรธานี
และจังหวัดเพชรบุรี
- เวลา 11.00 น. นายกรัฐมนตรีเดินทางกลับ
- เวลา 11.15 น. พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
มอบนโยบายการประสานและการขับเคลื่อนนโยบายพลังประชารัฐ
และมอบแนวทางการทำงานสำคัญของกระทรวงมหาดไทย
โดยเน้นย้ำถึงการนำแนวคิดเรื่องวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) มาสร้างความเข้มแข็งทางด้านเศรษฐกิจของประเทศด้วยกลไกประชารัฐ
ซึ่งรัฐบาลพยายามส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงในเรื่องของ “ห่วงโซ่อุปทาน”
ทั้งภายใน และภายนอกประเทศในเวลาเดียวกัน โดยการดำเนินการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในประเทศจะมุ่งเน้น
“การระเบิดจากข้างใน” เริ่มจากประชาชน
เริ่มจากเกษตรกร ไปเป็นกลุ่ม ไปเป็นสหกรณ์
วันนี้รัฐบาลได้สนับสนุนการจัดตั้งกิจการที่เป็นประโยชน์แก่คนในชุมชน
หรือวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) เพื่อผลิตสินค้า
หรือให้บริการ ส่งเสริมการจ้างงานในท้องถิ่น
โดยไม่ได้วางเป้าหมายเพื่อสร้างกำไรเพียงอย่างเดียว แต่ต้องช่วยแก้ไขปัญหา
พัฒนาชุมชน สังคม หรือสิ่งแวดล้อมของตนเองด้วย
โดยใช้งบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรตามโครงการตำบลละ 5 ล้านบาท
และกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองมาเสริมกัน สร้างความเข้มแข็งด้วยเงินที่เรามีอยู่และใช้อย่างพอเพียง
ขณะนี้หลายชุมชนได้นำงบประมาณที่ได้รับไปสร้างร้านค้าชุมชน โรงสีชุมชน ลานตากมัน
ปั๊มน้ำมัน หรืออื่นๆ โดยชุมชนร่วมเป็นเจ้าของร่วมกัน มีการบริหารจัดการกันเอง
ทำให้เกิดกำไร และหมุนเวียนรายได้ มีการนำไปลงทุนเพิ่มเพื่อขยายกิจการ
เกษตรกรสามารถนำผลผลิตไปแปรรูป สร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นพื้นฐาน
ของวิสาหกิจเพื่อสังคมที่รัฐบาลต้องการสนับสนุน
เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
และในอนาคตวิสาหกิจเพื่อสังคมในแต่ละพื้นที่เหล่านี้
จะต้องรวมกลุ่มกันให้ได้ทั้งเรื่องของการแลกเปลี่ยนความรู้
การใช้ทรัพยากรร่วมกันเพื่อสร้างความเข้มแข็งร่วมกัน โดยมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน
คอยให้การสนับสนุนตามแนวทางประชารัฐอย่างยั่งยืนต่อไป
ด้านนายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย
ได้ชี้แจงแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ ในหัวข้อ “การอำนวยการและประสานพลังประชารัฐส่วนกลาง และจังหวัด"
เน้นถึงบทบาทของผู้ว่าราชการจังหวัดที่จะเป็นผู้ประสานและขับเคลื่อนงานในระดับพื้นที่
โดยมีคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ เป็นแกนหลัก ในการผนึกกำลังภาครัฐ
ภาคเอกชน และภาคประชาชน
มุ่งสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้แก่ชุมชนตั้งแต่ต้นทางไปยังปลายทาง ใน 3 เรื่อง ได้แก่ 1. ด้านการเกษตร 2. ด้านการแปรรูป SME/OTOP และ 3. ด้านการท่องเที่ยวชุมชน
และเพื่อให้สามารถขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้มีความมั่นคง
มั่งคั่งและยั่งยืน ตามเป้าหมายของรัฐบาลและยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม
จึงได้มีการกำหนดให้มีคณะทำงานต่างๆ ขึ้น ดังนี้
1) คณะทำงานขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐส่วนกลาง
มีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นหัวหน้าทีมภาครัฐ นายฐาปน สิริวัฒนภักดี บริษัท
ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เป็นหัวหน้าทีมภาคเอกชน
2) คณะทำงานขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐจังหวัดและอำเภอ
ประกอบด้วย ภาครัฐภาคเอกชน และภาคประชาสังคม
ผู้บริหารสังกัดกระทรวงมหาดไทยทุกระดับ
ได้แก่ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอเป็นหัวหน้าทีมภาครัฐ
ทำหน้าที่บูรณาการความร่วมมือในพื้นที่ มีบทบาทหน้าที่โดยรวม คือ
การแปลงนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากไปสู่การปฏิบัติให้เห็นผลเป็นรูปธรรม
จัดทำแผนการขับเคลื่อนงาน ติดตามประเมินผล ประชาสัมพันธ์ผลการทำงาน
และรายงานผลการขับเคลื่อนงานให้คณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ (E3)
ทราบ และเน้นย้ำให้เร่งสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการทำงาน กับ
คณะทำงานระดับจังหวัดและอำเภอที่ต้องมีความเข้าใจที่ตรงกัน
สำหรับในช่วงบ่ายจะเป็นการประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ
โดยคณะทำงานเศรษฐกิจฐานรากฯ C asean และสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย
(TMA) เพื่อกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในระดับพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม
และช่วงสุดท้ายเวลา 16.30 น.
จะเป็นการสรุปและมอบภารกิจการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น