pearleus

วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2559

กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับ กระทรวงศึกษาธิการ จัดการประชุมซักซ้อมความเข้าใจ ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในส่วนภูมิภาคเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของประเทศ ผ่านระบบ video conference

          เมื่อ เม.ย. 59  เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุม 1 อาคารศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอกอนุพงษ์    เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และพลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ   ได้เป็นประธานการประชุมเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษา ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 10/2559 เรื่อง การขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค และคำสั่งที่ 11/2559 เรื่อง การบริหารราชการของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค สั่ง ณ วันที่ 21 มีนาคม 2559 โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) ทั้ง 76 จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในส่วนภูมิภาค เข้าร่วมการประชุมผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (video conference)
          สำหรับการประชุมในวันนี้ สืบเนื่องจากที่รัฐบาลได้มีนโยบายด้านการปฏิรูปการศึกษา เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทางการศึกษาแก่ประชาชน ยกระดับคุณภาพมาตรฐานการศึกษาของประเทศ โดยได้มีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 10/2559 และคำสั่งที่ 11/2559 เพื่อขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว และได้กำหนดให้มี “คณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค” โดยมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน และในแต่ละจังหวัดให้มี “คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด” เรียกโดยย่อว่า “กศจ.” โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้รับมอบหมายเป็นประธาน ดังนั้น เพื่อซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการขับเคลื่อนนโยบายการปฏิรูปการศึกษา ให้แก่ส่วนราชการ หน่วยงาน และภาคส่วนต่างๆ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค กระทรวงมหาดไทย จึงได้ร่วมกับ กระทรวงศึกษาธิการ จัดการประชุมในวันนี้ขึ้น
          โดยวาระแรก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวถึงที่มาของการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งเป็นเรื่อง       ที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศ โดยรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการปฏิรูปการศึกษา และการบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาคให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีเอกภาพ สามารถประสานเชื่อมโยงและบูรณาการภารกิจในเรื่องการศึกษาของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ  โดยจะใช้กลไกของกระทรวงมหาดไทย เพื่อช่วยสนับสนุนการ     บริหารการศึกษาและ การบริหารงานบุคคล”  โดยมี "กศจ." ทำหน้าที่บูรณาการการปฏิบัติงานทั้งหมดในพื้นที่ ดังนั้น จึงขอเน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการตามกรอบการทำงานของกระทรวงศึกษาธิการที่ได้กำหนดไว้            อย่างเคร่งครัด
          ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้มอบนโยบายสำคัญ ดังนี้ 1. เหตุผลและความจำเป็นที่ต้องใช้มาตรา 44 เนื่องจากปัญหาด้านการบริหาร การขาดคุณภาพการศึกษาโอกาสการศึกษา การผลิตและพัฒนานักเรียน  
ให้ตรงตามความต้องการของท้องถิ่นเพื่อการมีงานทำ 2. ได้ชี้แจงถึงบทบาทหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธาน กศจ. ซึ่งมีหน้าที่ในการจัดการศึกษา (โอนหน้าที่ของคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาเดิม) กำหนดยุทธศาสตร์ แนวทางการศึกษา รวมถึงให้ความเห็นชอบแผนพัฒนาการศึกษาของจังหวัด และกำกับ เร่งรัด ติดตามวางแผนจัดการศึกษา การบริหารงานบุคคล และอื่นๆ ตามที่กฎหมายกำหนด 3. และภารกิจเร่งด่วนที่จะต้องมีการสรรหากรรมการ กศจ. (ตำแหน่ง) ซึ่งเป็นผู้แทนภาคประชาชนในท้องถิ่น ข้าราชการครูในท้องถิ่น และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมเป็นคณะกรรมการฯ เพื่อทำหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด โดยเฉพาะด้านการบริหารงานบุคคลที่จะต้องเป็นไปอย่างต่อเนื่อง  4. การจัดทำแผนยุทธศาสตร์การศึกษาระดับจังหวัด การประกาศรายละเอียดเกี่ยวกับการส่งเด็กเข้าเรียนในสถานศึกษา และการจัดสรรโอกาสทางการศึกษาของเด็กนักเรียน และ 5. การสร้างความเข้าใจและสร้างขวัญกำลังใจให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษา
          จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำอีกครั้งในเรื่องการปฏิบัติงานในหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดด้านการจัดการศึกษา โดยเน้นการบูรณาการการทำงานในพื้นที่และการกำกับติดตาม โดยอาศัยอำนาจ       ตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มาตรา 57 และบทบาทการประสานเชื่อมโยงองค์กรทุกภาคส่วนแบบบูรณาการ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัด จะต้องเป็นจุดเชื่อมโยงการบริหารราชการแผ่นดินทุกระดับให้เป็นไปตามแนวทางปฏิรูปการศึกษาและกรอบยุทธศาสตร์ของกระทรวงศึกษาธิการ และยุทธศาสตร์ของรัฐบาลที่ต้องการเร่งพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันและการพัฒนาเสริมสร้างศักยภาพคน

          สุดท้าย ปลัดกระทรวงมหาดไทยและปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้ร่วมสรุปแนวทางการปฏิรูปการศึกษาตามคำสั่ง คสช. และมอบแนวทางการทำงาน โดยเน้นย้ำให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนยึดถือปฏิบัติตามนโยบายและยุทธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยขอให้ร่วมกันขับเคลื่อนภารกิจดังกล่าวและมีการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาและยกระดับการศึกษาของประเทศไทยให้มีคุณภาพมาตรฐาน อันจะส่งผลต่อการพัฒนาคนไทย โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนของชาติให้มีความพร้อมทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรมตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล






0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น