นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กำหนดนโยบายเน้นหนัก 8 วาระมหาดไทย เพื่อให้กรม/รัฐวิสาหกิจในสังกัดและ ทุกจังหวัดดำเนินการให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยวาระที่ 1 คือ “ตามรอยเท้าพ่อ” เน้นหนักการเทิดทูนสถาบันหลัก ยึดถือและปฏิบัติตามยุทธศาสตร์พระราชทาน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และขยายผลโครงการพระราชดำริสู่ประชาชน เพื่อตอบสนองนโยบายดังกล่าวกระทรวงมหาดไทยได้จัดทำแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนโครงการเน้นหนัก “กลุ่มโครงการตามรอยเท้าพ่อ”ภายใต้ 4 กลุ่มงานที่สำคัญ คือ กลุ่มงานที่ 1 น้อมนำแนวพระราชดำริและหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่การประยุกต์ใช้ กลุ่มงานที่ 2 เสริมสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับแนวพระราชดำริและหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กลุ่มงานที่ 3 ส่งเสริมการขับเคลื่อนการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในภาคการเกษตรและชนบทของกระทรวงมหาดไทย และกลุ่มงานที่ 4 การส่งเสริมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวันพระราชสมภพ ครบ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 โดยได้กำหนดโครงการต่างๆ ภายใต้ “กลุ่มโครงการตามรอยเท้าพ่อ” เพื่อดำเนินการ ในปี 2558 กว่า 60โครงการ
สำหรับความคืบหน้าการดำเนินงานตามโครงการ “ตามรอยเท้าพ่อ” ในกลุ่มงานที่ 1 น้อมนำแนวพระราชดำริและหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่การประยุกต์ใช้
ล่าสุดกระทรวงมหาดไทยได้อนุมัติโครงการ/กิจกรรม ภายใต้โครงการพัฒนาตามแนวทางพระราชดำริ “ปวงประชาเป็นสุข
ด้วยพระบารมีตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” จำนวน 76 โครงการ วงเงินงบประมาณกว่า 12 ล้านบาท ตามที่จังหวัดได้ขอความเห็นชอบมายังกระทรวงมหาดไทย ซึ่งโครงการส่วนใหญ่จะเป็นการส่งเสริมอาชีพตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ในพื้นที่ 64 จังหวัด
นอกจากนั้นเป็นโครงการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ โครงการบริหารจัดการแหล่งน้ำ
และโครงการด้านการฟื้นฟูอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งทุกโครงการได้น้อมนำหลักการทรงงาน
แนวทางพระราชดำริ
และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน
โดยมีเป้าหมายลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ให้ประชาชน พ้นความยากจน สามารถพึ่งพาตนเองได้ในทุกสถานการณ์อย่างยั่งยืน
ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการทำงานในพื้นที่ได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัด
นายอำเภอและบุคลากรในสังกัดกระทรวงมหาดไทยบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานและประชาชนในพื้นที่
อย่างใกล้ชิดต้องร่วมคิด ร่วมทำ และร่วมเป็นเจ้าของ โดยยึดพื้นที่เป็นหลัก (Area
Based) เพื่อให้โครงการพัฒนาต่างๆ
ที่จะดำเนินการมีความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ ลักษณะภูมิสังคม เป็นธรรมชาติ เรียบง่าย ประหยัด ตามแนวทางพระราชดำริ
และตรงตามความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งทีมราชการที่จะลงไปทำงานต้องเข้าถึงพื้นที่อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง
มีจิตใจที่มุ่งมั่น เสียสละ อดทน ยึดมั่นเพื่อประโยชน์ของประชาชน ทั้งนี้
เนื่องจากงานพัฒนาชนบทจะต้องใช้เวลาตั้งแต่กระบวนการเรียนรู้ไปจนถึงการปฏิบัติจริงอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน
อันจะนำไปสู่ความอยู่ดีมีสุขของประชาชนอย่างยั่งยืนตลอดไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น