ตำรวจปล่อยตัวแล้วหนุ่มบุรีรัมย์ดวงซวย
รูปพรรณสัณฐานและพฤติกรรมตรงกับโจรข่มขืนผู้สูงอายุต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดนครปฐม
หลังตำรวจคุมตัวมาสอบสวนและตรวจดีเอ็นเอ ปรากฏว่าไม่ตรงกับคราบอสุจิของคนร้าย
ให้ชุดสืบสวนภาค 3 พาตัวไปส่งถึงที่ทำงาน
จ.นครราชสีมา หลังถูกปล่อยตัวแฉตำรวจมาควบคุมตัวพยายามเกลี้ยกล่อมให้รับสารภาพ
อยากร้องขอความเป็นธรรม เพราะตกเป็นจำเลยสังคมไปแล้วใครจะรับผิดชอบ
กรณีคดีโจรหื่นกามอาละวาดข่มขืนหญิงสูงอายุต่อเนื่องในพื้นที่
สภ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม และในพื้นที่ จ.นครปฐม ทั้งสิ้น 10 คดี เหยื่อบางรายต่อสู้ขัดขืนจนถูกทำร้ายเสียชีวิตไป 2 คน จึงรวมมือสืบสวนจากหลายหน่วยเป็นชุดคลี่คลายคดี
เนื่องจากพฤติกรรมคนร้ายสร้างความหวาดผวาให้ประชาชน
เบื้องต้นได้สเกตช์ภาพคนร้ายเป็นชายไทยสูงประมาณ 170
ซม.ร่างกายบึกบึน มีกล้ามเนื้อที่ท้องเป็นซิกซ์แพ็ก ล่าสุดชุดสืบสวนพบผู้ต้องสงสัยคือ
นายไก่ ชาว จ.บุรีรัมย์
มีพฤติกรรมตรงกับผู้ต้องหา หลังคดีกลายเป็นข่าวดังได้หายตัวไป
สืบสวนจนรู้ว่าย้ายไปทำงานที่โรงน้ำแข็งแห่งหนึ่งใน อ.พิมาย จ.นครราชสีมา
จึงประสานชุดสืบสวนภาค 3 ไปควบคุมตัวมาสอบสวน
เบื้องต้นนายไก่ให้การรับสารภาพ ประกอบกับรูปร่างหน้าตาเหมือนภาพสเกตช์มาก
จึงมั่นใจควบคุมตัวมาตรวจดีเอ็นเอเปรียบเทียบกับคราบอสุจิที่พบในตัวเหยื่อ
แต่ผลปรากฏว่าไม่ตรงกัน จึงสอบสวนนายไก่อีกครั้ง
หนุ่มดวงซวยที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นนักข่มขืนผู้สูงอายุต่อเนื่องอ้างว่ารับสารภาพเพราะความตกใจชุดสืบสวนจึงปล่อยตัวไป
ความคืบหน้าจากศูนย์อำนวยติดตามคดีข่มขืนต่อเนื่อง
ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจกลางศาลายา จ.นครปฐม เมื่อเวลา 09.00
น.วันที่ 25 ก.พ.2558
พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ผช.ผบ.ตร.
เรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวนประกอบด้วย พล.ต.ต.ประภากร ริ้วทอง ผบก.สส.ภ.7 ชุดสืบสวนนครบาล ชุดสืบสวนกองปราบปราม ชุดสืบสวน ตร.ภ.7 ชุดสืบสวนจังหวัดนครปฐม ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7
สภ.นครชัยศรี สภ.พุทธมณฑล สภ.สามพราน และ สภ.บางเลน ใช้เวลากว่า 2 ชม. ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า
ในการประชุมลับครั้งนี้ได้ขยายพื้นที่สืบหาตัวผู้ต้องหาไปอีก 2 จังหวัดคือ จังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดสมุทรสงคราม
ซึ่งเป็นพื้นที่ที่คนร้ายเคยก่อเหตุ และมีพื้นที่ต่อเนื่องคาบเกี่ยวกัน
พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ผช.ผบ.ตร
แถลงกรณีเชิญตัวผู้ต้องสงสัยรายล่าสุดที่ตำรวจกองปราบปรามนครบาล และ ตร.ภ.7 ร่วมกันควบคุมตัวมาจาก จ.นครราชสีมา ว่า กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.)
ตรวจดีเอ็นเอแล้วปรากฏว่าไม่ตรงกับดีเอ็นเอของคนร้ายฆ่าข่มขืนต่อเนื่อง 10 ราย และไม่เคยกระทำความผิดจึงปล่อยตัวไป
ส่วนเหตุผลที่เชิญตัวมาสอบสวนตรวจดีเอ็นเอ เนื่องจากชุดสืบสวนได้ข้อมูลตรงกันว่า
วันเวลาเกิดเหตุรายล่าสุดผู้ต้องสงสัยป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ
ตกปลาอยู่ในคลอง ประกอบกับเมื่อตรวจประวัติพบว่า
มีส่วนสูงรูปร่างหน้าตาคล้ายกับภาพสเกตช์ที่ผู้เสียหายให้ข้อมูลและไม่ใช่คนในพื้นที่
ชุดปฏิบัติการจึงตรวจสอบพบว่าผู้ต้องสงสัยไม่อยู่ในพื้นที่ จ.นครปฐม แล้ว
จึงออกตามหาตัวจนพบที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ขอยืนยันว่า
ชายที่ถูกควบคุมตัวมาตรวจสอบเป็นเพียงผู้ต้องสงสัย
ส่วนสาเหตุที่พูดจาสับสนรับบ้างไม่รับบ้างอาจเกิดจากความตกใจ พูดจาเสียงสั่นเครือ
แต่เมื่อหายตกใจให้การปฏิเสธ ขอยืนยันว่า ตำรวจไม่ได้ซ้อมให้รับสารภาพ
เราเชื่อหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ขณะนี้ปล่อยผู้ต้องสงสัยไปแล้ว
ผู้ช่วย ผบ.ตร.เผยอีกว่า
ในการประชุมวันนี้ได้ขยายพื้นที่จาก จ.นครปฐม ไปยังพื้นที่ที่เกิดเหตุอีก 2 จังหวัดคือ จังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดสมุทรสงคราม ให้ตำรวจทุก สภ.ใน 3 จังหวัดตรวจสอบโรงทำมะพร้าว หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าร้าง
สถานที่เก็บมะพร้าว ปอกมะพร้าว
โรงงานทำมะพร้าวแปรรูปรวมถึงร้านที่รับซื้อมะพร้าวด้วย
และให้ทำประวัติพิมพ์ลายนิ้วมือทั้งหมดนำมาตรวจสอบที่ศูนย์ติดตามจับกุมฆาตกรข่มขืนต่อเนื่อง
ขณะนี้ตรวจสอบทางน้ำคนหาปลาตกปลาตามคลองครอบคลุมพื้นที่นครชัยศรี พุทธมณฑล
สามพรานและบางเลนหมดแล้ว ทางบกก็เช่นกันแต่ยังไม่พบ
จึงเริ่มขยายออกไปยังจังหวัดอื่นเพราะจากผลตรวจสอบหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์กางเกงลายการ์ตูนขาสั้นของคนร้ายที่ทิ้งไว้หลังข่มขืนรายที่
4 มีเส้นใยมะพร้าวติดอยู่
หลังได้ลายนิ้วมือผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับมะพร้าวมาแล้วจะตรวจว่ามีลายมือไหนตรงกับลายนิ้วมือที่ได้จากที่เกิดเหตุ
ถ้าตรงกันจะเชิญมาตรวจดีเอ็นเอ ขณะนี้ทำทุกอย่าง ค่อยเดินไปทีละก้าว
อาชีพอย่างอื่นก็ไม่ทิ้ง จะตรวจสอบไปทุกอาชีพจนกว่าจะพบ
เพราะถือว่าผู้ต้องหารายนี้เป็นภัยต่อสังคมอย่างยิ่งและเป็นโรคจิต
อาจจะไปทำร้ายคนอื่นอีก
ต่อมาเวลา 13.00
น. พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. (ปป.1) เดินทางมาที่ศูนย์ติดตามจับกุมคนร้ายฆ่าข่มขืนต่อเนื่องศาลายา
เผยว่า มาเพื่อติดตามความคืบหน้าคดีว่ามีความคืบหน้าแค่ไหน และแผนงานขั้นต่อไป
ขอยืนยันอีกครั้งว่า
ผู้ต้องสงสัยรายล่าสุดที่เชิญตัวมาสอบและตรวจดีเอ็นเอไม่ใช่คนร้าย แต่ยังสงสัยว่าทำไมรับว่าก่อเหตุ
เป็นเพราะความตกใจหรือกลัวตำรวจควบคุมตัวหรือป่วยทางจิต
ก่อนปล่อยตัวให้ไปตรวจยังสถาบันจิตเวชก่อนว่ามีอาการป่วยทางจิตหรือไม่
และให้ตรวจสอบประวัติอย่างละเอียดว่าเคยต้องคดีหรือไม่ก่อนปล่อยตัวไป
ขณะนี้ตำรวจทำงานกันอย่างหนัก ตามทุกทาง แต่ข้อมูลข่าวสารสับสน
ขอให้ตรวจสอบและฟังข้อมูลจากศูนย์ติดตาม จับกุมที่ศาลายา
เพื่อความกระจ่างจะแถลงข่าวให้ทราบเป็นระยะ เพราะทุกข้อมูลจะเข้ามาที่ศูนย์แห่งนี้
ด้าน พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง
ผบช.น.เผยว่า สำหรับรายละเอียดการเข้าไปจับกุมผู้ต้องสงสัยก่อเหตุข่มขืนหญิงชรารายล่า
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค 3 และภาค 7 พบว่า นายไก่มีพฤติกรรมที่คาดว่าจะเป็นฆาตกามต่อเนื่อง
จึงไปควบคุมตัวมาสอบปากคำ แต่จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมไม่พบว่า
เคยกระทำผิดมาก่อน ส่วนการรับสารภาพอาจมาจากความกลัวหรือเคยก่อเหตุเรื่องอื่น
และอาจไม่เข้าใจในสิ่งที่ตำรวจถาม อย่างไรก็ตามภายหลังการสอบปากคำพบว่า
ไม่ใช่ฆาตกรจึงปล่อยตัวไป
ที่ สตช. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ
โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า
ผลการตรวจเปรียบเทียบดีเอ็นเอผู้ต้องสงสัยคนล่าสุด ที่ตำรวจ บช.ภ.3 ควบคุม ตัวได้ที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา
ไม่ตรงกับผู้ต้องหาก่อเหตุคดีข่มขืนหญิงชราในพื้นที่ บช.ภ.7
หลังพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบคดีลงพื้นที่ไปสอบปากคำอย่างละเอียดและซักถามในหลายประเด็นพบว่า
ไม่ใช่ผู้ต้องหาตัวจริงแน่นอน ที่ผ่านมาได้เชิญตัว ผู้ต้องสงสัยกว่า 100 คน มาสอบปากคำและตรวจดีเอ็นเอ แต่ยังไม่ตรงกับข้อมูลของผู้ก่อเหตุ
เชื่อว่าผู้ก่อเหตุคดีนี้น่าจะหลบออกนอกพื้นที่เกิดเหตุ
ส่วนแนวทางการสืบสวนตำรวจเน้นการลงพื้นที่ชุมชนเป้าหมาย
เพื่อหาข้อมูลและแจ้งเตือนกับชาวบ้าน
โดยเฉพาะหญิงชราที่อาศัยเพียงลำพังให้ระมัดระวัง ยอมรับว่าคดีนี้ซับซ้อนเพราะลักษณะการก่อเหตุลงมือเพียงลำพัง
และหลังก่อเหตุจะทิ้งช่วงเวลานานพอสมควรก่อนจะก่อเหตุซ้ำ
เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อตามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีให้ได้
ต่อมานายไก่ คนงานโรงน้ำแข็ง อ.พิมาย
จ.นครราชสีมา เผยกับผู้สื่อข่าวหลังได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระว่า
ทำงานส่งน้ำแข็งมานานกว่า 1 ปี
ก่อนถูกจับมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ 4 นาย
มาเชิญตัวไปที่ บก.ภ.จ.นครราชสีมา โดยนำภาพถ่ายที่ถือมาเปรียบเทียบกับใบหน้าของตน
ระหว่างทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามพูดโน้มน้าวให้รับสารภาพโทษจะได้ไม่หนัก ตอนนั้นรู้สึกกลัวมากไม่สามารถติดต่อใครได้เพราะโทรศัพท์มือถือถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดไว้
พอไปถึงตัวเมืองนครราชสีมา เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงพยายามพูดให้รับสารภาพ
ตนเลยจำยอมรับสารภาพไปตามที่ตำรวจเขาร้องขอมา ทั้งที่ไม่ได้ทำความผิด
จากนั้นพาไปตรวจดีเอ็นเอเพื่อนำไปเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอที่ตรวจได้ในที่เกิดเหตุที่
จ.นครปฐม กระทั่งผลการตรวจออกมาปรากฏว่า
ไม่ตรงกับของคนร้ายชุดจับกุมเลยยอมปล่อยตัวและคืนโทรศัพท์ให้ “ผมอยากขอความเป็นธรรม
ผมตกเป็นจำเลยของสังคมว่าเป็นคนร้ายที่ตระเวนข่มขืนหญิงสูงอายุ ผมรู้สึกเสียใจมาก
ทั้งที่ผมไม่ได้ทำตามที่ถูกกล่าวหาเลย แล้วใครจะรับผิดชอบ” นายไก่กล่าว
*-**-*
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น