"ปปง.บุกยึดบ้านเมียอดีต
ผอ.พศ.พร้อมตู้เซฟ เอี่ยวทุจริตเงินทอนวัด".!!!!
11
ตุลาคม.2560.เวลา.13:35.น.รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง.พร้อม
บก.ปปป.บุกค้นบ้านอดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หลังพบว่าซื้อไว้เมื่อปี
2556 แต่ให้บุคคลอื่นถือครองแทน เพื่อยึดและอายัดทรัพย์สิน
ตามมติธุรกรรมคดีทุจริตเงินทอนวัด
วันนี้ (11 ต.ค.) พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์
วีริยาสรร รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
รักษาราชการแทนเลขาธิการ
ปปง.พร้อมด้วยตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ
(บก.ปปป.) ผสานกำลังเจ้าหน้าที่นำหมายศาลจังหวัดตลิ่งชัน เลขที่ 3.133/2560
ลงวันที่ 10 ต.ค. 2560 ตรวจค้นบ้านเลขที่ 108/1 ถนนราชพฤกษ์ แขวงบางระมาด
เขตตลิ่งชัน กทม. มูลค่า 49 ล้านบาท ซึ่งเป็นบ้านบุตรสาวของนางพัทธานันท์
เบญจวัฒนานนท์ ภรรยาคนปัจจุบันของนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานนท์ อดีต
ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยซื้อไว้เมื่อปี 2556
แต่ให้บุคคลอื่นถือครองแทนหลังพบความเชื่อมโยง
เพื่อยึดและอายัดทรัพย์สินตามมติคณะกรรมการธุรกรรมครั้งที่ 19/2560
พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์กล่าวว่า
ตามที่คณะกรรมการธุรกรรมครั้งที่ 19/2560 วันที่ 10 ต.ค.2560
ได้มีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินของนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานนท์
อดีตผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
กับพวกซึ่งได้ร่วมกันกระทำการทุจริตเงินงบประมาณอุดหนุดการบูรณปฏิสังขรณ์และการพัฒนาวัดตั้งแต่ปี
พ.ศ. 2555-2559 รวมทั้งสิ้น 33 รายการรวมมูลค่าทั้งสิ้น 71,939,017.91บาท“จากการตรวจค้นรายละเอียดทรัพย์สินพบเอกสารแสดงตนประเภทต่างๆ ของนายนพรัตน์
และผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น เอกสารกำกับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของนายนพรัตน์
เอกสารการเข้ารักษาที่โรงพยาบาลของนายนพรัตน์ และนางพัทธานันท์
บัตรประจำตัวของหน่วยงานต่างๆ บัตรเครดิตของนายนพรัตน์
รวมถึงหลักฐานอื่นๆที่ทำให้เชื่อได้ว่าบ้านและที่ดินหลังดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของนายนพรัตน์
รวมถึงยังพบตู้เซฟขนาดใหญ่จำนวน 1 ตู้ และตู้เซฟขนาดเล็กจำนวน 2 ตู้
ทั้งนี้นายนพรัตน์อยู่ระหว่างหลบหนีไปต่างประเทศแล้ว
แต่ให้เครือญาติเข้ามาอาศัยอยู่” พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า
สำนักงาน
ปปง.จะมุ่งเน้นการสืบสวนขยายผลเพื่อยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดต่อไปให้ถึงที่สุดตามมาตรการและขั้นตอนของกฎหมายฟอกเงิน
ซึ่งทรัพย์สินใดเป็นของแผ่นดิน ทรัพย์สินนั้นต้องกลับคืนแผ่นดินโดยไม่มีเงื่อนไข
ด้วยกฎหมายฟอกเงิน แต่สามารถให้โอกาสชี้แจงได้ภายใน 90 วัน
รายงานข่าวแจ้งว่า
จากการตรวจค้นภายในบ้านดังกล่าวพบตู้เชฟทั้งหมด 3 ตู้ แบ่งเป็น ตู้เชฟเล็ก 2 ตู้
ตู้เชฟใหญ่ 1 ตู้ วางอยู่ภายในห้องนอนใหญ่และห้องแต่งตัวของนายนพรัตน์
เจ้าหน้าที่จึงประสานให้ช่างเป็นตู้เชฟมาดำเนินการเปิดเพื่อตรวจสอบหาหลักฐานเพิ่มเติ่ม
จากการตรวจสอบพบเอกสารสำคัญหลายอย่างที่เกี่ยวกับขั้นตอนฉ้อโกงเงินทอนวัด
พร้อมกับเอกสารที่ยืนยันว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นของนายนพรัตน์
และพระเครื่องมี่มีราคาอีกหลายรายการ
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมหลักฐานทั้งหมดไปตรวจสอบเพื่อประกอบสำนวนในการแจ้งข้อหาเพิ่มเติ่ม
สำหรับการเข้าตรวจค้นในครั้งนี้
สืบเนื่องจากคดีทุจริตเงินทอนวัดซึ่งเป็นคดีในล็อตแรก
เป็นการตรวจสอบการทุจริตงบอุดหนุนบูรณะปฏิสังขรณ์วัดและพัฒนาวัด เมื่อปี 2555-2559
มูลค่าความเสียหาย 62 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 12 วัด
โดยในล็อตแรกมีผู้ต้องหาทั้งหมด 9 ราย
ประกอบด้วย..1.นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.พศ.(ปัจจุบันหนีไปต่างประเทศ).2.
นายวสวัสดิ์ กิตติธีระสิทธิ์ ผอ.ส่วนบูรณะพัฒนาวัดและการศาสนสงเคราะห์
พศ.3.นางประนอม คงพิกุล รอง ผอ.พศ..4.นางณัฐฐาวดี ตันตยาวิสาส นักวิชาการ
พศ..5.นายศิวโรจน์ ปิยรัตน์เสรี (ไม่ใช่ข้าราชการ).6.ชมพูนุช จันทร์ลือชัย.7.อุบล
ดิษฐ์ด้วง 8. ฐานพัฒน์ ม่วงทอง.9.พระสุทธิพงษ์ สุทธิวังโส
เจ้าอาวาสวัดไทย-เดนมาร์ก ทั้งนี้ การออกหมายเรียกให้มารายงานตัวแล้ว ครั้งที่ 1
ตั้งแต่วันที่ 8 ถึง 12 ตุลาคม หากไม่จะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ให้มาภายในวันที่
25 ตุลาคม หากยังไม่มารายงานตัวก็จะออกหมายจับต่อไป ขณะที่คดีทุจริตในล็อตที่ 2
อาทิตย์หน้า ปปง.จะเข้ายื่นร้องทุกข์ต่อ ปปป. ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 21
กันยายนที่ผ่านมาได้มีภารกิจตรวจค้นเป้าหมาย 14 จุดในจังหวัดนครปฐม
ในครั้งนั้นเป็นคดีในล็อตที่ 2 เป็นการตรวจสอบการทุจริตงบอุดหนุน 3 ประเภท คือ
1.อุดหนุนบูรณะปฎิสังขรณ์วัดและพัฒนาวัด 2.อุดหนุนส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
และ 3.อุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา-แผนกธรรม-แผนกบาลี จำนวน 23
วัด ตั้งแต่ปี 2555-2560 ความเสียหายประมาณ 141 ล้าน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น