เมื่อ
16ธ.ค.58 นายสุธี มากบุญ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติ ครั้งที่ 27 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจัดขึ้น ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา
ในระหว่างวันที่14 - 16 ธันวาคม 2558 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมฯ ประกอบด้วย รัฐมนตรีหรือผู้แทนจากประเทศซึ่งร่วมเป็นคณะกรรมการอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติ
จำนวน 10 ประเทศ
โดยในการประชุมดังกล่าว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
ได้เข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติ ครั้งที่ 3
(The 3rd ASEAN Ministerial Meeting on Disaster Management : AMMDM) และการประชุมผู้นำภาคีเพื่อดำเนินการตามความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน
ครั้งที่ 4 (COP-4) ซึ่งจัดขึ้นแบบคู่ขนานกับกิจกรรมและการประชุมภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียน
โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อกำหนดและรับทราบทิศทางและยุทธศาสตร์ในการดำเนินการความร่วมมือด้านการจัดการภัยพิบัติของอาเซียนในห้วงหรือภายหลังปี
พ.ศ. 2558 และเพื่อการประเมินสถานะของการดำเนินการตามแผนงานความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินในช่วงที่ผ่านมา
คือ ระหว่าง ค.ศ.2010 - 2015 และแนวทางการดำเนินงานต่อไป
ในเวทีการประชุมฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า
ในนามของรัฐบาลไทยขอแสดงความยินดีกับคณะกรรมการอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติในความสำเร็จของการดำเนินการตามความตกลงอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติและการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินในปีที่ผ่านมา
สำหรับประเทศไทยได้มีการจัดทำและบังคับใช้แผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ
พ.ศ. 2558 และได้มีการผนวกกรอบเซนได
เพื่อลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติปี ค.ศ. 2015 - 2030 ไว้เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่สำคัญ
โดยประเทศไทยได้แสดงจุดยืนในการสนับสนุนการเสริมสร้างพันธมิตร และ
การสร้างการรับรู้ ปรับตัว และฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
เพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
และในปีที่ผ่านมาประเทศไทยได้ร่วมมือกับ AHA Center จัดทำโครงการ ONE
ASEAN, ONE Response Roadshow และการสัมมนาทางวิชาการ ASEAN
Resilience Symposium เพื่อแนะนำกลไกในภูมิภาคในด้านการจัดการภัยพิบัติของอาเซียน
รวมถึงแนวคิดในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ และสร้างการรับรู้ ปรับตัว
ฟื้นคืนกลับอย่างรวดเร็วเมื่อเกิดภัยพิบัติ
ให้แก่เครือข่ายด้านการจัดการภัยพิบัติของประเทศไทย
และยังได้เข้าร่วมโครงการคลังสินค้าและระบบโลจิสติกส์เพื่อช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติฉุกเฉินของอาเซียน
ในระยะที่ 2 โดยผลักดันให้ประเทศไทยเป็น 1 ใน 3 ที่ตั้งคลังสินค้าสำรองจ่ายเมื่อเกิดภัยพิบัติ
ในอาเซียนเพิ่มเติม
ซึ่งจะเห็นได้ว่าผู้นำในระดับนโยบายของไทยนั้นให้ความสำคัญในประเด็นด้านการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติเป็นอย่างมาก
และมีความมุ่งมั่นและมีความพร้อมที่จะร่วมมือกับอาเซียนและประชาคมโลกรับมือกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงของบริบทด้านการให้ความช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมและการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติในปัจจุบัน
สุดท้ายรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
ได้เน้นย้ำถึงประเด็นสำคัญในการหารือร่วมกันเพื่อที่จะรับรอง
ร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยอาเซียนรวมใจเป็นหนึ่งเดียวในการตอบโต้ภัยพิบัติทั้งภายในและภายนอกภูมิภาค
ซึ่งจะเป็นเอกสารสำคัญที่จะสรุปสาระความพยายามของอาเซียนที่ผ่านมาและยังเป็นกรอบการดำเนินงานในอนาคตต่อไป
จึงขอให้ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาและทบทวนวัตถุประสงค์ร่วมกันถึงความตั้งใจสูงสุดที่ต้องการปกป้องประชาชนไม่ว่าจะดับใดๆ
ก็ตามและลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ด้วยความร่วมมือร่วมใจกันเพื่อปกป้องประชาชนจากภัยพิบัติ
และสร้างประชาคมอาเซียนที่เจริญรุ่งเรืองไปด้วยกัน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น