pearleus

วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

การบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศโดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย


           คณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีมติเมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย ดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และให้กระทรวงมหาดไทย 
รับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำแผนการจัดตั้งโรงกำจัดขยะมูลฝอยในภาพรวม
ของประเทศ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ กำหนดให้กระทรวงมหาดไทย
เป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดการแก้ไขปัญหาขยะในภาพรวมของประเทศ โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นหน่วยงานสนับสนุนในการดำเนินการ
 
และพิจารณาแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินการดังกล่าวด้วย
นายวัลลภ พริ้งพงษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เปิดเผยว่า พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่ากระทรวงมหาดไทย ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นดำเนินการศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในภาพรวมของประเทศ ซึ่งเป็นการบรูณาการการทำงานที่สอดคล้องกับ Road Map การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยได้ศึกษาวิเคราะห์รวบรวมข้อมูล เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ แนวทางและวิธีการใน ๓ ประเด็น คือ
การรวมกลุ่มพื้นที่ในการจัดการขยะมูลฝอยร่วมกัน (Clusters) โดยใช้เขตพื้นที่การปกครองเป็นหลัก การแบ่งกลุ่มแต่ละกลุ่มใช้เขตพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีพื้นที่ติดต่อกัน หรือมีเขตพื้นที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใกล้เคียงกัน และใช้ข้อมูลจำนวนปริมาณขยะเป็นเกณฑ์ในการจัดกลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มพื้นที่แบ่งออกเป็น ๓ ขนาด ได้แก่ กลุ่มพื้นที่ขนาดใหญ่ (L) หมายถึงกลุ่มพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีปริมาณขยะมูลฝอยรวมกันแล้ว มากกว่า ๕๐๐ ตัน/วันขึ้นไป แบ่งกลุ่มพื้นที่ได้ จำนวน ๔๔ กลุ่ม 
ใน ๒๗ จังหวัด ครอบคลุมพื้นที่ ๑
,๓๔๗ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กลุ่มพื้นที่ขนาดกลาง (M) หมายถึงกลุ่มพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีปริมาณขยะมูลฝอยรวมกัน ตั้งแต่ ๓๐๐ ๕๐๐ ตัน/วัน แบ่งกลุ่มพื้นที่ได้ จำนวน ๖๐ กลุ่ม ใน ๕๐ จังหวัด ครอบคลุมพื้นที่ ๓,๐๙๒ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกลุ่มพื้นที่ขนาดเล็ก (S) หมายถึง กลุ่มพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีปริมาณขยะมูลฝอยรวมกันแล้วน้อยกว่า ๓๐๐ ตัน/วัน แบ่งกลุ่มพื้นที่ได้ จำนวน ๔๗ กลุ่ม ใน ๔๓ จังหวัด ครอบคลุมพื้นที่ ๒,๑๖๕ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น วิธีการกำจัดขยะมูลฝอยตามกลุ่มพื้นที่ข้างต้น สามารถดำเนินการได้โดย การฝังกลบ การหมักทำปุ๋ย เตาเผาขนาดเล็ก เชื้อเพลิงขยะ เตาเผาขนาดใหญ่ และการผลิตไฟฟ้า
การพิจารณาค่าใช้จ่ายในการดำเนินการกำจัดขยะมูลฝอย (Rates) เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า จากการประชุมหารือร่วมกัน ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยสุรนารี การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 
กรมโยธาธิการและผังเมือง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถกำหนดค่าเฉลี่ยค่าขนถ่ายและกำจัดขยะมูลฝอยดังนี้ ค่าเฉลี่ยค่าขนถ่าย (
Logistics) โดยการขนย้ายขยะมูลฝอยไปกำจัดยังสถานที่กำจัดขยะ พิจารณาค่าใช้จ่ายจากองค์ประกอบสำคัญๆ ได้แก่ ค่ารถบรรทุก ค่าคนขับรถบรรทุก/รถขยะ ค่าคนเก็บขยะ  ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และค่าบำรุงรักษา เป็นต้น ซึ่งในการขนถ่ายขยะมูลฝอยไปยังสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยระยะทาง
ที่คุ้มค่าไม่ควรเกิน ๓๐ กิโลเมตร โดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการขนถ่ายคือ ๘๕๐ บาท/ตัน หรือ ๔๒.๔๐ บาท/ตัน/กิโลเมตร สำหรับค่าเฉลี่ยค่ากำจัดขยะมูลฝอย (
Tipping Fee) โดยการกำจัดขยะมูลฝอยในแต่ละวิธีการ
จะมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน พิจารณาจากองค์ประกอบสำคัญๆ ได้แก่ ค่าจ้างบุคลากร ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันหล่อลื่น ค่าซ่อมบำรุง ค่าดินกลบทับมูลฝอย ค่าแผ่นพลาสติกในการกลบทับ เป็นต้น โดยค่าเฉลี่ยในการฝังกลบขยะมูลฝอย จำนวน ๓๑๔ บาท/ตัน ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการกำจัดขยะมูลฝอยระบบผสมผสาน จำนวน ๕๐๐ บาท/ตัน และค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในระบบเตาเผาขนาดใหญ่ จำนวน ๑
,๐๒๗ บาท/ตัน
การแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (Law) เพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาขยะ
มูลฝอยในภาพรวมของประเทศ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย บทบัญญัติกฎหมายที่ควรให้กระทรวงมหาดไทย
มีอำนาจหน้าที่เพิ่มขึ้นในเรื่องการกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล คือการเพิ่มเติมจากอำนาจหน้าที่เดิมที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งแต่เดิมตามพระราชบัญญัติจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้กำหนดให้เป็นหน้าที่เฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเท่านั้นและอำนาจหน้าที่ควรกำหนดเพิ่มขึ้นให้กับกระทรวงมหาดไทย อาทิ การกำหนดมาตรฐานวิธีการเก็บขน และการกำจัดขยะมูลฝอย ตลอดจนการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมต่างๆ เป็นต้น
ทั้งนี้การบริหารจัดการขยะมูลฝอยจะต้องได้รับการยอมรับจากประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากในการกำจัดขยะมูลฝอยส่งผลกระทบต่อประชาชนและสภาพแวดล้อม ดังนั้น การพิจารณาคัดเลือกสถานที่กำจัดขยะ ควรพิจารณามิให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนและชุมชน หรือจัดให้มีกระบวนการในการควบคุมผลกระทบในทุกด้านให้อยู่ในขอบเขตการยอมรับของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะการจัดให้มีกระบวนการคัดแยกขยะที่ไม่ย่อยสลายก่อนการนำไปฝังกลบ และการจัดการขยะมูลฝอยควรอยู่ในหลักการ ขยะเกิดในพื้นที่ใด ควรเป็นความรับผิดชอบในการกำจัดของพื้นที่นั้นดังนั้น โดยหลักการทั่วไป การกำจัดขยะในพื้นที่ควรเป็นความรับผิดชอบในเบื้องต้นของพื้นที่นั้น ยกเว้น กรณีที่มีความคุ้มทุนในการนำขยะไปกำจัด เพื่อให้เกิดประโยชน์ หากจำเป็นต้องขนถ่ายขยะไปพื้นที่อื่นควรดำเนินการเฉพาะเท่าที่จำเป็นต้องดำเนินการ เช่น การใช้เทคโนโลยีในการกำจัดขยะร่วมกันระหว่างหลายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งในกรณีดังกล่าว จำเป็นต้องมีการทำข้อตกลงร่วมกันระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น