pearleus

วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2558

พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มอบนโยบายให้แก่ปลัดจังหวัด นายอำเภอ ทั่วประเทศ ย้ำต้องทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและสร้างความสุขให้กับประชาชน

           
วันนี้ (11 มิ.ย.58) เวลา 09.30 น. ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมมอบโยบายการปฏิบัติงานให้แก่ปลัดจังหวัด นายอำเภอทั่วประเทศ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลสู่การปฏิบัติในพื้นที่ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย ปลัดจังหวัด นายอำเภอ และผู้บริหารส่วนกลางของกรมการปกครอง รวมจำนวน 1,025 คน
 ในโอกาสนี้ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบนโยบาย 7 ประเด็นสำคัญ      เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติในพื้นที่ ดังนี้ 1. การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ โดยเน้นย้ำถึงบทบาทของข้าราชการฝ่ายปกครองที่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีและวางตัวเป็นกลางไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย หากเกิดความขัดแย้งต้องสามารถไกล่เกลี่ยและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายได้ รวมทั้งต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจถึงปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นที่จะส่งผลเสียต่อประเทศชาติ 2. การให้บริการของศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ซึ่งได้มีการพัฒนางานบริการมาอย่างต่อเนื่อง เช่น  การเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานอื่นๆ การนำระบบApplication และเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาใช้ ในส่วนของการทำงานในพื้นที่จึงขอให้อำเภอทำงานเชิงรุกมากขึ้น โดยค้นหาปัญหาในพื้นที่และร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เข้าไปแก้ไขให้โดยเร็ว และให้นายอำเภอกำกับดูแลการปฏิบัติงานของศูนย์ดำรงธรรมอำเภออย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะงานที่เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลและกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน เช่น งานกองทุนยุติธรรมจังหวัดที่จะช่วยเหลือประชาชนที่ยากจนและด้อยโอกาสทางสังคม การจดทะเบียน SMEs การแก้ไขหนี้นอกระบบ การจัดให้มีศูนย์บริการร่วม เป็นต้น 3. การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การจัดระบบแรงงานต่างด้าว และการป้องกันและปราบปรามการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง ขอให้ตรวจสอบการใช้แรงงานทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย สอดส่องตรวจตราผู้หลบหนีเข้าเมือง   ผู้นำพา และผู้ให้ที่พักพิงในพื้นที่อย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้เร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการถึงผลกระทบที่จะเกิดต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ในส่วนของการจัดระบบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา ให้ดำเนินการ      ให้เป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาลและมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2558 ที่กำหนดให้มีการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 30 มิถุนายน นี้ 4. การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ต้องแก้ไขให้เห็นผลชัดเจนและมีคุณภาพมากขึ้น โดยเฉพาะงานด้านการข่าวเพื่อให้ได้ตัวผู้ค้ารายใหญ่ ที่เป็นต้นตอของปัญหา โดยให้ดำเนินการตามมาตรการ        5 ด้าน คือ การปราบปราม การบำบัดฟื้นฟู การสร้างความเข้มแข็งหมู่บ้าน/ชุมชน การป้องกันเยาวชนกลุ่มเสี่ยงนอกสถานศึกษา และการจัดระเบียบสังคมในพื้นที่เสี่ยง ทั้งนี้ นายอำเภอต้องติดตามสถานการณ์ปัญหายาเสพติดในพื้นที่     ของตนเองทุกด้านทั้งผู้ค้า ผู้เสพ แหล่งมั่วสุม ปริมาณยาเสพติด รวมถึงผู้มีอิทธิพล โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกระดับ
 ที่อาจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง การช่วยเหลือผู้ผ่านการบำบัด เพื่อให้บุคคลเหล่านี้มีชีวิตใหม่และดำรงอยู่ในสังคมได้อย่าง     มีความสุขยิ่งขึ้น โดยให้ดูแลเรื่องการฝึกอาชีพ หาอาชีพ และสนับสนุนการศึกษาอย่างต่อเนื่องรวมทั้งให้ความสำคัญต่อการพัฒนาเยาวชนให้ห่างไกลจากยาเสพติด ส่งเสริมให้มีกิจกรรมการกีฬาต่างๆ และเข้มงวดตรวจตราป้องกันไม่ให้มีแหล่งมั่วสุมในพื้นที่  5. การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ขอให้ทุกคนช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตภายในองค์กร          อย่าให้มีการทุจริตโดยเด็ดขาด รวมไปถึงการกำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง       การบริหารงบประมาณ ต้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ 6.การดำเนินงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนและเขตเศรษฐกิจพิเศษ ให้ยึดยุทธศาสตร์/นโยบายรัฐบาลในการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับประชาชนกับประเทศเพื่อนบ้าน และเพิ่มความสัมพันธ์ในรูปแบบอื่นๆ เช่น การค้า การลงทุน การพัฒนาพื้นที่ชายแดน นโยบายการเปิดจุดผ่านแดน เป็นต้น สำหรับในพื้นที่    เขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งขณะนี้ได้มีการเตรียมความพร้อมในทุกๆด้าน ในฐานะเจ้าของพื้นที่ขอให้ร่วมสนับสนุนและอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่และให้ความสำคัญกับ ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านการลงทุน” (One Stop Service : OSS) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนที่จะเข้าไปลงทุนในพื้นที่ด้วย และ 7. การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอให้นายอำเภอให้ความสำคัญกับการดำเนินงานตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ที่อยู่พื้นที่ เพื่อเป็นศูนย์รวมใจของประชาชน น้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทาน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา มาเป็นหลักในการปฏิบัติงาน และมุ่งเน้นการทำงานตามแนวทางสันติวิธี โดยนายอำเภอต้องประสานการปฏิบัติระหว่างพลเรือน ทหาร ตำรวจ เพื่อร่วมกำหนดแนวทางปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่สุดท้ายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำให้ปลัดจังหวัดและนายอำเภอนำนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยไปสู่การปฏิบัติในพื้นที่ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยขอให้ทุกคนร่วมกันทำงานกันอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และร่วมกันสร้างความสุขให้กับประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียม
          จากนั้น นายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบนโยบายในเรื่องของการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติ เน้นการแก้ไขปัญหาพื้นที่แล้งซ้ำซาก โดยให้ดำเนินการตามยุทธศาสตร์บริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ และ    ให้เตรียมแผนเผชิญเหตุรองรับสถานการณ์ภัยพิบัติต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น พายุฤดูร้อน การจัดระเบียบและภูมิทัศน์เมือง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวขอให้วางแผนการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบพร้อมกับการรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้สมบูรณ์เพื่อสร้างรายได้เข้าสู่พื้นที่ การแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอย โดยให้ดำเนินการตามโครงการนำร่องเพื่อเป็นต้นแบบในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ การลดความเหลื่อมล้ำของสังคมให้เกิดความเท่าเทียม โดยแก้ไขปัญหาความยากจน กระจายรายได้ และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก             การช่วยเหลือเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยเน้นการลดต้นทุนการผลิตและการดูแลเรื่องค่าเช่านาให้เกิดความเป็นธรรม รวมทั้งให้เตรียมเรื่องกระจายผลิตผลทางการเกษตรออกสู่ตลาด และการจัดสรรที่ดินทำกินให้กับผู้ยากไร้โดยขอให้พื้นที่ตรวจสอบความถูกต้องว่าบุคคลที่จะรับการช่วยเหลือเป็นผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจริง


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น