เมื่อวันที่
6 กรกฎาคม 2556 พล.ต.ต.ธยาน์ฤทธิ์ เอกเผ่าพันธุ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พร้อมด้วย
พ.ต.อ.ชุมพล ฉันทะจำรัสศิลป์ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พ.ต.อ.จำแรง สุดใจ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร
พ.ต.ท.ทรงศักดิ์ แก้วพลน้อย รอง ผกก.ป.สภ.เมืองสมุทรสาคร
และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้ร่วมกันนำตัวผู้ต้องหา 5 คน
ในคดีลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ภายในสถานที่ราชการที่จอดไว้ใต้อาคารสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาครมาแถลงผล
มีนายพรชัย หรือเอ็ม เจริญสุข อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 120/58 ต.แม่กลอง อ.เมือง
จ.สมุทรสงคราม ซึ่งเป็นผู้ลงมือก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ นายพาณิชย์ อินทร์สมบัติ
อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61/2 หมู่ที่ 2 ต.ลาดใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม
นายสมโภชน์ นกอินทรีย์ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88/519 หมู่ที่ 11 ต.ลาดใหญ่
อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม นายอนุรักษ์ นิลมาศ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56 หมู่ที่ 5
ต.บางคนที อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม และนายปิยพงศ์ เต็มเปี่ยม อายุ 28 ปี
อยู่บ้านเลขที่ 1/2 หมู่ที่ 9 ต.บางคนที อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดย 4 คนนี้เป็นผู้รับซื้อของโจร
และมีของกลางเป็นรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ 11 คัน โครงรถจักรยานยนต์
ตัวถังรถจักรยานยนต์และอะไหล่รถจักรยานยนต์อีกจำนวนหนึ่ง
นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ที่ใช้การก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์เป็นเหล็กหกเหลี่ยมเจียปลายแหลม
9 อัน ปะแจปากตาย 1 อัน ปะแจบล็อกหกเหลี่ยม 1 อัน ไขควงเจียปลาย 1 อัน
และกระเป๋าสะพายสีดำสำหรับใส่อุปกรณ์ข้างต้นอีก 1 ใบ
ซึ่งในการแถลงผลการจับกุมครั้งนี้ก็มีผู้เสียหายมาชี้รถจักรยานยนต์ของตนเองที่ถูกลักขโมยไปด้วย
นายพรชัย เจริญสุข หนึ่งในผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนเองเป็นคนจังหวัดสมุทรสงคราม(เมืองแม่กลอง)
ได้นั่งรถเมล์ผ่านเข้ามาที่จังหวัดสมุทรสาคร(เมืองมหาชัย)ในตอนค่ำ
ก็เห็นว่าทั้งด้านหน้าและใต้อาคารของโรงพักเมืองสมุทรสาคร
มีรถมอเตอร์ไซด์จอดอยู่เป็นจำนวนมาก
จึงได้ลองเดินเข้ามาดูเมื่อสบโอกาสช่วงที่ไม่ใคร จึงได้ใช้อุปกรณ์ลักรถจักรยานยนต์ที่พกติดตัวมา
ทำการเสียบลงไปในเบ้ากุญแจและทำลายเบ้ากุญแจเสีย จากนั้นก็นำรถจักรยานยนต์ไป
โดยเมื่อลักไปได้แล้วก็เอาไปขายให้แก่ผู้ต้องหาและพวกอีก 4 คนที่ถูกจับกุมได้
ซึ่งตนเองจะได้ในราคาคันละ 3,000 – 4,000 บาท จากนั้นผู้ที่รับซื้อ ก็จะเอาไปชำแหล่ะขายเป็นอะไหล่ในตลาดบางแก้ว
จังหวัดสมุทรสงครามต่อไป โดยในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานั้น
ตนเองเข้ามาก่อเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ที่โรงพักเมืองสมุทรสาครนี้ไปทั้งหมด 11
คันด้วยกัน โดยจะเลือกเอาเฉพาะรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าฟีโน่ ซึ่งเป็นรถตามใบสั่ง
และต้องเลือกขโมยเฉพาะรถที่ไม่ได้ปิดรูเสียบกุญแจไว้เท่านั้น
เพราะรถที่ปิดรูกุญแจไว้ อุปกรณ์ที่เตรียมมาจะไม่สามารถทำลายได้
ส่วนช่วงเวลาที่ก่อเหตุก็จะเลือกเอาตอนมืดๆค่ำๆ เพราะปลอดคน ส่วนผู้เสียหายรายหนึ่งบอกว่า
ตนได้นำรถจักรยานยนต์มาจอดไว้ที่โรงพักเพื่อไปทำงานกะดึก ก็เพราะคิดว่าน่าจะปลอดภัยที่สุดแล้ว
แต่ก็มาถูกขโมยไปจนได้
ขณะที่ พล.ต.ต.ธยาน์ฤทธิ์ เอกเผ่าพันธุ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร เปิดเผยว่า
จากการประชุมเพื่อติดตามผลการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจประจำเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
พบว่าสถิติรถจักรยานยนต์หายในพื้นที่อำเภอเมืองสมุทรสาครนั้น
มีรถที่นำมาจอดไว้ใต้อาคารของสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาครกับกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาครหายไปด้วย
จึงได้มอบหมายให้ตำรวจสืบสวนของภูธรจังหวัดและ สภ.เมืองสมุทรสาคร
ร่วมกันสืบค้นหาตัวคนร้ายมาให้ได้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เฝ้าสังเกตการณ์และตรวจดูจากกล้องวงจรปิดก็พบว่า
ที่ผู้ที่เข้ามาก่อเหตุจะอาศัยช่วงจังหวะที่ปลอดคนคือช่วงค่ำมืด
เดินเข้ามาภายใต้อาคารโรงพักจากนั้นเมื่อสบโอกาสก็จะใช้เหล็กปลายแหลมที่เตรียมมาทำลายเบ้ากุญแจ
ก่อนจะขับรถออกไปทันที ซึ่งในการนี้ก็ขอเตือนเจ้าของรถทั้งหลายว่า
ทุกๆที่ย่อมมีโอกาสให้พวกมิจฉาชีพเข้ามาขโมยทรัพย์สินของท่านไปได้
ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของรถจักรยานยนต์หากท่านจอดทิ้งไว้ในยามวิกาลเพื่อไปทำงานหรือไปธุระที่ใดเป็นเวลานานๆ
ก็ขอให้ปิดรูเสียบกุญแจให้เรียบร้อย โดยเฉพาะรถรุ่นใหม่ๆ จะมีที่ปิดรูกุญแจ ซึ่งหากท่านปิดรูกุญแจไว้พวกมิจฉาชีพก็จะไม่สามารถใช้เหล็กทำลายเบ้ากุญแจและขโมยรถของท่านไปได้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น