ทะเลเพลิงโหมกระหน่ำโรงงานรีไซเคิลพลาสติกวอด คนงานกว่า 70 หนีตายกลางดึก เจ้าหน้าที่ดับเพลิงระดมฉีดน้ำสกัดกั้นนาน 5 ชม.จึงควบคุมเพลิงไว้ได้ มูลค่าความเสียหายกว่า 100 บาท
เมื่อ 3 ก.ค.56 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ณรงค์ เพชรทอง พนักงานสอบสวนสภ.สระยายโสม ต.สระยายโสม อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี
ได้รับแจ้งจากนายองอาจ ศรีแสงจันทร์ อายุ 50 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.สระยายโสม ว่าเกิดเพลิงไหม้โรงงานสุนทรี
พลาสติกติด ถนนมาลัยแมน – สุพรรณบุรี จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น
ก่อนเดินทางไปตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.ชาติชาย
นาคะสุวรรณ ผกก.,พ.ต.ท.พิชกิจ นิจแสวง รอง ผกก.ป,พ.ต.ท.มีชัย ศรุตานันท์ รอง ผกก.ส.ส,
ร.ต.อ.บุญธรรม มีใจซื่อ รองสวป.
และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง พร้อมด้วยมูลนิธิกู้ภัยเสมอกัน,
มูลนิธิกู้ภัยจักรนารายณ์ก่อนประสานไปยังงานบรรเทาสาธารณะภัยใกล้เคียง
นำรถดับเพลิงกว่า 20
คันมาร่วมทำการฉีดน้ำสกัดกั้นเพลิงที่กำลังโหมลุกไหม้อย่างรุนแรง ที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นโรงงานฉีดเม็ดพลาสติกและผลิตสีสำหรับอุตสาหกรรมพลาสติกชื่อ
สุนทรีพลาสติก ปลูกสร้างเป็นอาคารสองชั้น มีกำแพงรั้วรอบขอบชิด บนเนื้อที่ประมาณ 3-4ไร่ เจ้าหน้าที่พบเพลิงกำลังโหมลุกไหม้อย่างรุนแรง
ท่ามกลางความโกลาหลของพนักงานลูกจ้างทั้งไทยและพม่า ที่ช่วยกันขนทรัพย์สินในโรงงานและบ้านพักที่พอขนออกมาได้หนีไฟกันจ้าละหวั่น
เนื่องจากเป็นภายในโรงงานมีพลาสติกเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้ไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็วและรุนแรง
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องระดมฉีดน้ำเข้าสกัดกั้นเพลิงไม่ให้ลุกลามไปยังโรงงานข้างเคียง
ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่า 5ชั่วโมง
จึงสามารถควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ นายแง อายุ 25 ปี สัญชาติพม่า
คนงานคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่าก่อนเกิดเหตุ
ขณะที่ตนกำลังนั่งดูทีวีอยู่กับเพื่อน ๆ ประมาณ 5 – 6 คน ก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะ
ๆ และเมื่อเปิดประตูออกไปดูก็ต้องตกใจเมื่อเห็นควันไฟพวยพุ่งออกจากโรงงานพลาสติกอย่างรวดเร็ว
จึงได้ตะโกนให้เพื่อนคนงานที่พักอยู่ในบ้านพักคนงานด้วยกันช่วยกันดับไฟ
จากนั้นก็ได้แจ้งไปยังนางสุนทรี แซ่เฮง อายุ 65 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานทราบ แต่ไฟได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็วตนและเพื่อนคนงานด้วยกันไม่สามารถดับเพลิงได้ทัน
นายเฉลา เล้าสมรุ่ง อายุ 62 ปี เจ้าของโรงงานทรัพย์ทวีพลาสติด
ซึ่งมีกำแพงรั้วติดกัน บอกว่า
ขณะนอนหลับพักผ่อนอยู่ก็ต้องตกใจตื่นเมื่อได้ยินเสียงคนงานตะโกนว่าไฟไหม้ๆ
รู้สึกตกใจมากจึงได้เรียกลูก ๆ ให้ตื่น และ
ช่วยกันเก็บของเท่าที่จำเป็นทยอยนำไปเก็บไว้ที่ที่ปลอดภัย
เพื่อว่าไฟอาจลุกลามมาถึงที่โรงงานของตนที่ตั้งอยู่ติดกัน
เพราะไฟได้ลุกไหม้อย่างรันแรงจนน่ากลัว ด้านนายประเสริฐศักดิ์ เนตรประพิศ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสระยายโสม
กล่าวว่า โรงงานดังกล่าวเป็นโรงงานรีไซเคิลพลาสติก
โดยการรับซื้อถุงพลาสติกจากชาวบ้านและสถานประกอบการทั่วไป แล้วนำมาล้าง
ก่อนหลอมแล้วนำมาฉีดเป็นเม็ดพลาสติกส่งลูกค้าที่ประกอบการด้านผลิตสินค้าพลาสติก
มีคนงานทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวรวมกว่า 60 คน
ซึ่งส่วนใหญ่จะพักอาศัยอยู่ภายในบ้านพักคนงานที่ปลูกสร้างอยู่ในบริเวณพื้นที่ของโรงงาน
และขณะเกิดเหตุต่างก็ตื่นตกใจช่วยกันนำน้ำไปดับไฟ
แต่ด้วยบริเวณที่เกิดไฟลุกไหม้นั้น เป็นบริเวณที่เก็บถุงพลาสติก และเม็ดพลาสติก
ทำให้มีการลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ไม่สามารถดับได้ทัน
บางส่วนก็ช่วยกันขนย้ายทรัพย์สินของตัวเองภายในห้องพักออกกันอย่างจ้าละหวั่นทันท่วงที
ก่อนที่เพลิงจะลุกไหม้จนวอดไปทั้งโรงงานและบ้านพัก
แต่ก็โชคดีที่สามารถควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัด
ไม่ลุกลามไปยังโรงงานใกล้เคียงที่อยู่ติดกัน ไม่เช่นนี้คงเกิดความเสียหายอย่างมาก นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสระยายโสม
กล่าวต่ออีกว่า
เบื้องต้นทางเทศบาลได้ทำการช่วยเหลือคนงานผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน
โดยการนำน้ำและอาหารไปแจกจ่าย ก่อนที่จะทำการปรึกษาหารือกับเจ้าของโรงงาน
ถึงการช่วยเหลือด้านที่พักอาศัยชั่วคราว ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร
ด้านความช่วยเหลือส่วนตัวได้ประสานพูดคุยกับเพื่อน ๆ
ว่าจะมีการระดมเงินช่วยเหลือครอบครัวของคนงานที่ได้รับความเดือดร้อนที่ไม่สามารถขนย้ายทรัพย์สินออกมาได้ทันบ้างเป็นบางส่วน
ก่อนที่จะดำเนินการต่อไป พ.ต.ท.ณรงค์ เพชรทอง
พนักงานสอบสวน สภ.สระยายโสม กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า
ไฟได้ลุกไหม้โรงงานทั้งหลังพร้อมทั้งบ้านพักคนงานและบ้านพักอาศัยของเจ้าของโรงงานไปหมด
รวมทั้งทรัพย์สินที่อยู่ภายในโรงงานประกอบด้วย เครื่องฉีดเม็ดพลาสติก จำนวน 6 เครื่อง ,รถจยย. จำนวน 15 คัน ,เม็ดพลาสติกที่เตรียมส่งลูกค้าจำนวน กว่า 50 ตัน และอื่น ๆ อีกจำนวนมาก รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท ส่วนสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้นั้น
สันนิฐานว่าน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร
และจากการตรวจสอบพบว่าต้นเพลิงมาจากกองพลาสติกด้านหลังโรงงาน ซึ่งมีสายไฟเป็นจำนวนมาก
ส่วนสาเหตุที่แท้จริงนั้นคงต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสถานที่เกิดเหตุ
มาทำการตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุในการเกิดเพลิงไหม้ที่แท้จริงต่อไป
มงคล สว่างศรี ,นิคม หลิวเลิศพิพัฒน์
สุพรรณบุรี
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น