ที่ห้องประชุมบางคนที
ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม วันที่ 8 กรกฎาคม 2556 ชมรมรักมวยไทยต้านภัยยาเสพติด
จังหวัดสมุทรสงคราม ร่วมประชุมคณะกรรมการเพื่อปรึกษาหารือในการเตรียมจัดงานรำลึกถึงจอมนักเตะแห่งบางนกแขวก“อภิเดช
ศิษย์หิรัญ”
นักกีฬาแชมป์มวยไทย และมวยสากลผู้ซึ่งสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดสมุทรสงคราม โดยมีนายสำราญ
ตันเรืองศรี ปลัดจังหวัดสมุทรสงครามในฐานะประธานดำเนินงานรำลึกจอมนักเตะแห่งบางนกแขวก
ในวันที่ 1 กันยายน 2556 โดยที่ประชุมได้หารือถึงการแต่งตั้งคณะทำงานรำลึกจอมนักเตะแห่งบางนกแขวก
รูปแบบการจัดงาน และการจัดสร้าง “อภิเดชสถาน”เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแก่“อภิเดช ศิษย์หิรัญ” และอื่นๆ เพื่อเป็นการรำลึกถึงและเชิดชูเกียรติคุณงามความดีแก่“อภิเดช ศิษย์หิรัญ” ที่ได้สร้างชื่อเสียงให้แก่จังหวัดสมุทรสงคราม
รวมทั้งเพื่อเป็นการอนุรักษ์กีฬามวยไทยให้เป็นมรดกตกทอดถึงอนุชนรุ่นหลัง ในวันที่ 1กันยายน
2556 ซึ่งตรงกับวันเกิดและเป็นวันที่ครบรอบ 72 ปี ของ“อภิเดช ศิษย์หิรัญ” สำหรับ“อภิเดช ศิษย์หิรัญ” หรือ นายณรงค์
ทรงมณี เกิดเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2484 ที่
ต.บางนกแขวก อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม เป็นผู้ที่มีใจรักด้านกีฬามาตั้งแต่เด็ก
จนได้เป็นนักกีฬาของโรงเรียนวัดเจริญสุขารามวรวิหาร เริ่มหัดชกมวยไทยตั้งแต่อายุ 13
ปี ขึ้นชกมวยครั้งแรกที่อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี และคว้าชัยชนะมาได้ จากนั้นจึงตระเวนชกมวยไทยทั้งใน
จังหวัดสมุทรสงครามและจังหวัดใกล้เคียงจนเริ่มเป็นที่รู้จักโดยเฉพาะลีลาการเตะที่หนักหน่วง
กระทั่งถูกชักชวนชวนเข้าสู่สังเวียนผ้าใบ โดยใช้ชื่อ"อภิเดช ลูกพรชัย"
ต่อมาปี พ.ศ.2500 ได้ย้ายไปสังกัดค่ายมวย"ศิษย์หิรัญ" และใช้ชื่อ
"อภิเดช ศิษย์หิรัญ"
และใช้พลังแข้งที่หนักหน่วงเอาชนะคู่ต่อสู้นับไม่ถ้วนจนได้ฉายา “จอมเตะแห่งบางนกแขวก” โดยช่วงที่รุ่งโรจน์ที่สุดของอภิเดชคือช่วงปี
2503-2514 โดยเฉพาะในปี 2507 ได้ครองแชมป์เปี้ยนรุ่นเวลเตอร์เวททั้งมวยไทยและสากล
รวมถึงแชมป์เปี้ยนมวยสากลภาคตะวันออกไกลรวม 7 เส้น และได้ครองแชมป์คราวเดียวกันถึง
5 รุ่น หลังจากที่หาคู่ชกยากขึ้น อภิเดช ศิษย์หิรัญ
จึงหันไปชกมวยสากลรุ่นเวลเตอร์เวท และได้แชมป์ทั้งเวทีราชดำเนินและเวทีลุมพินี
จากนั้นก็ได้ขึ้นชกกับนักมวยต่างชาติ กระทั่งอายุมากขึ้นจึงได้แขวนนวมและห่างหายไปจากวงการมวยหลายปีก่อนจะหวนกลับมาสู่วงการมวยไทยอีกครั้งด้วยการเป็นเทรนเนอร์ให้นักมวยค่าย"แฟร์เท็คซ์"และจังหวัดสมุทรสงครามได้เคยจัดงานยกย่องเชิดชูเกียรติเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชนรุ่นหลังพร้อมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม2548
ซึ่งนับเป็นเกียรติประวัติครั้งสุดท้ายก่อนจะล้มป่วยและเสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็ง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น