เมื่อ 22 มิถุนายน 2556 ณ
หอประชุมพญางำเมือง มหาวิทยาลัยพะเยา อ.เมือง จ.พะเยา หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล
รองปลัดกระทรวงมหาดไทย
ได้แสดงปาฐกถาพิเศษแก่คณาจารย์บุคลากร และนิสิตมหาวิทยาลัยพะเยา เนื่องในวันประสูติครบ
151 ปี ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมพระยาดำรงราชานุภาพ องค์พระบิดาแห่งมัคคุเทศก์ไทย
ซึ่งทางราชการประกาศให้วันที่ 21 มิถุนายนของทุกปีเป็น “วันมัคคุเทศก์ไทย”
หม่อมหลวงปนัดดา
กล่าวถึงความพร้อมของทั้งภาครัฐและเอกชนที่จะต้องทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในทุกบริบท ก่อนการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี พ.ศ. 2558 ซึ่งการท่องเที่ยวไทยถือเป็นอุตสาหกรรมรายได้และสร้าง“โลโก้”ที่ยั่งยืนแก่ประเทศไทยมาเป็นเวลาต่อเนื่องยาวนาน นิสิตต้องมีกระบวนวิธีบริหารจัดการทางความคิด ที่ทันต่อเหตุการณ์และความเปลี่ยนแปลงทางสังคมโดยตลอดเวลา
ว่าทำอย่างไรจะทำให้ตนมีความรู้ความชำนาญในการเสริมสร้างเกียรติภูมิแห่งประเทศชาติและความประทับใจที่เป็นเลิศแก่ผู้มาเยี่ยมเยือนประเทศไทย สิ่งนี้ที่เรียกว่า “ปัญญาแห่งความรอบรู้ทางการบริหารจัดการ”
ที่ถือเป็นพรสวรรค์เฉพาะตัว
ภายใต้การบริหารจัดการที่ดีดังกล่าว ได้แก่
การไม่เอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว
การดูแลความปลอดภัย สถานที่ท่องเที่ยวมีความสวยงามและเป็นระเบียบเรียบร้อย อาหารที่มีรสชาติอร่อยและราคาไม่แพงจนเกินไป ที่สำคัญคือน้ำใจไมตรีจิตของเจ้าของบ้าน
นั่นคือ คนไทยทุกคนต้องช่วยกันฟื้นฟูเอกลักษณ์ประจำชาติประการนี้ให้กลับมาปรากฏความโดดเด่นเป็นสง่าแก่สังคมไทยอีกครั้ง
ไม่ใช่สังคมที่ปราศจากน้ำใจไมตรีอย่างที่ชาวต่างชาติวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเปลี่ยนแปลงไปของสังคมไทยในยามหลังนี้ อันเป็นสาเหตุมาจากหลาย ๆ ปัญหาทางสังคม
“ผมขอใช้คำพูดว่า
ความมีไมตรีจิตและความอ่อนน้อมถ่อมตนเข้าหากันของคนไทย
ถือเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติที่บรรพชนอบรมสั่งสอนเรามา อีกเรื่อง คือ ความไม่คดโกง ซึ่งเดี๋ยวนี้มาตรฐานถดถอยลงไปมากอย่างน่าห่วงใย โดยเฉพาะในแวดวงราชการ ผมขอให้นิสิตทุกท่านได้ช่วยกันฟื้นฟูภาพลักษณ์แห่งความดีงามของประชาชนคนไทยให้กลับคืนสู่ประชาคมโลก”
หม่อมหลวงปนัดดา กล่าว
รองปลัดกระทรวงมหาดไทยกล่าวด้วยว่า
ตนเหลืออายุราชการอีกเพียง 3 ปีเท่านั้น จึงต้องเร่งทำงานแข่งกับเวลา ตนมองว่าเรื่องความสมัครสมานสามัคคีของคนในชาติมีความสำคัญเป็นอันดับแรกในอันที่จะมุ่งเสริมสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้เกิดขึ้นแก่บ้านเมือง
และอยากเห็นการตั้งกลุ่มงานยุทธศาสตร์ในระดับอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขึ้น เพื่อขับเคลื่อนภารกิจ AEC และการปราบปรามทุจริตคอร์รั่ปชั่น
เพื่อประสานแผนการดำเนินงานกับกลุ่มยุทธศาตร์จังหวัดและสำนักงานป.ป.ช. อย่างเป็นระบบ โดยทุกจังหวัด
กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา ต้องเร่งแข่งขันเสริมสร้างยุทธศาสตร์ทั้งในบริบทของ
AEC และความโปร่งใสของระบบราชการ ทั้งนี้ให้มีการติดตามประเมินผลอย่างเป็นรูปธรรม.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น