ท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้นัดประชุมผู้เกี่ยวข้องเป็นประจำในการตรวจสอบสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งในการปรับแผนการปฏิบัติต่างๆหลายๆส่วน
โฆษก ตร.ได้กล่าวให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ผมมีอยู่ 3-4 ประเด็นที่จะชี้แจงให้รับทราบว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการปรับแผนปฏิบัติอย่างไรบ้าง เรื่องที่ 1 ตั้งแต่เมื่อคืนวานท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งเอากำลังของตำรวจภูธรและตำรวจตระเวนชายแดน เข้ามาเสริมกำลังการปฏิบัติของกองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1 ในเบื้องต้นเดินทางมาตั้งแต่เมื่อวานเย็น จำนวนทั้งหมด 6 กองร้อย ประกอบด้วย จากภูธรภาค 2 มีจังหวัดจันทบุรี และระยอง จังหวัดละ 1 กองร้อย รวมเป็น 2 กองร้อย จากภาค 4 จังหวัดละ 1 กองร้อย คือ อุดรธานี และขอนแก่น จากภาค 7 คือ เพชรบุรี และกาญจนบุรี รวมทั้งหมด 6 กองร้อยนั้น เดินทางไปรายงานตัวกับผู้บังคับบัญชาดังนี้ สำหรับภูธร 2 ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ของฝั่งธนบุรี ด้านปิ่นเกล้าและกรุงธน ไปรายงานตัวปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับผู้บังคับการตำรวจนครบาล 7 ตำรวจภูธร 4 ให้ไปรายงานตัวปฏิบัติหน้าที่ในกรุงเทพฝั่งเหนือ โดยรายงานตัวกับผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ในการปฏิบัติหน้าที่ ภูธร 7 ให้ช่วยเหลือฝั่งตะวันตกของกรุงเทพ ด้านฝั่งบางแค ภาษีเจริญ ให้รายงานตัวกับผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 ขณะนี้ ทั้งหมดได้ลงไปสู่พื้นที่เรียบร้อยแล้ว ได้มอบหมายการปฏิบัติภารกิจทั้งหมดอยู่ 3 ประการ ครับ ประการที่ 1 ในการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่พื้นที่ในการออกตรวจตราในการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชน ข้อที่ 2 ครับ อำนวยความสะดวกจราจรโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่น้ำท่วมกำลังจะเข้าไปถึง ที่เราเรียกกันหัวน้ำต่างๆ จะเข้าไปช่วยเหลือในการเคลื่อนย้ายรถที่เสีย ช่วยในการจัดการจราจรกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ และประการที่ 3 ครับ จะลงเข้าไปร่วมกับอาสาสมัคร และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่ต้องการความช่วยเหลือในบริเวณน้ำเข้าท่วมถึงแล้ว ในบ้านเรือนต่างๆ โดยจะนั่งรถขนาดใหญ่และเรือ เข้าไปกับเจ้าของพื้นที่นะครับ เบื้องต้นเราจะวางกำลังทั้งหมด 6 กองร้อย ออกเป็นหมวดหมู่ อย่างต่ำหมู่ละ 12 นาย ในจุดที่สำคัญๆ ต่างๆ ผมยกตัวอย่างเช่น ในพื้นที่ฝั่งธนบุรีนั้น เนื่องจาก น้ำกำลังไปหนักมาก ก็จะวางกำลัง 1 หมวดเป็นหลัก คือไม่น้อยกว่า 50 นาย ในการที่จะรวมจุดสำคัญๆ เช่น บริเวณแยกท่าพระ บริเวณเดอะมอลล์บางแค บริเวณเชิงสะพานพระปิ่นเกล้า หรือ สะพานซังฮี้ ส่วนพื้นที่ บก.น. 2 บก.น. 4 นั้น เป็นพื้นที่ที่น้ำค่อยๆทยอยออกไป ก็จัดกำลัง ชุดละ 12 คน เข้าปฏิบัติในพื้นที่ ในกลางวันจะเน้นในการบริการประชาชนเป็นหลักก่อน ระหว่างบริการประชาชนจะเข้าไปตรวจตราด้วย กลางคืนจะเน้นในการตรวจ และเมื่อกี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งกำลังเสริมขึ้นอีก 10 กองร้อย ประกอบด้วยภูธรภาค 3,4,5,8,9,สอบสวนกลาง และตระเวนชายแดนเพิ่มขึ้นอีก 10 กองร้อย ประมาณเกือบ 2,000 นาย ให้เตรียมพร้อม ณ ที่ตั้ง สามารถเคลื่อนย้ายกำลังได้ทันทีเมื่อมีการสนับสนุน ข้อที่ 2 ครับ ในกรณีที่ ศปภ.ได้แจ้งเตือนพี่น้องประชาชนช่วยกับดูแลและอย่าทำลาย บิ๊กแบ๊ก ที่วางตั้งแต่แนวของพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 และบางส่วนถึงกรุงเทพมหานคร ท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการไปยังผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และภูธรภาค 1 ในการจัดกำลังคอยตรวจตราดูแลไม่ให้มีผู้มาทำลายในเบื้องต้นนะครับในวันนี้ เวลา 14.00 น. ท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือจะมอบหมายให้ผู้บังคับบัญชาของ ตร. ขึ้น เฮลิคอปเตอร์ ไปตรวจตราแนวบิ๊กแบ๊ก เพื่อจะได้วางแผนในการปฏิบัติ โดยเครื่องจะออกที่สนามฟุตบอลท่าเรือไปตรวจและให้วางแผนการตรวจทั้งกลางวันกลางคืน สายบตรวจบิ๊กแบ๊กจะมีทั้งทางอากาศ ทางเรือ และในพื้นที่ และขอความร่วมมือจากพี่น้องมวลชนครับ เรื่องที่ 3 ครับ ขณะนี้ในเรื่องความขัดแย้งและการเปิดประตูระบายน้ำ จะมีอยู่เฉพาะในพื้นที่ของคลอง8 9 10 และที่ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจาคือคลอง 9 เท่านั้นเอง ท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเกรงว่าจะเกิดปัญหากระทบต่อเนื่องก็เลยให้ไปตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าเป็นการถาวร ณ บริเวณคลอง 8 9 และ10 ส่งกำลังตำรวจภูธรสมุทรปราการหนึ่งกองร้อยไปเสริมการปฎิบัติของพื้นที่ปทุมธานี และตำรวจคอมมานโดอีกหนึ่งหมวด ลงอยู่ประจำตลอด 24 ชั่วโมง คอยคลี่คลายสถานการณ์อยู่ เบื้องต้นขณะนี้ไม่มีปัญหานะครับ และมอบให้รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงไปกำกับการปฏิบัติด้วยตนเอง ทราบเบื้องต้นว่าเป็น พล.ต.ต.ชิษณุพงศ์ ยุกตะทัต ลงไปดูแลนะครับ เรื่องต่อมาครับ ท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้สำรวจบริเวณจุดที่ประชาชนเอาทรัพย์สินหรือยานพาหนะไปไว้เยอะๆ เช่น จุดรวมรถหรือจุดรวมทรัพย์สินที่พักพิงนั้น ให้จัดกำลังทั้งของพื้นที่และหน่วยที่ร่วมปฏิบัตินั้น ลงไปดูและตลอด ณ จุดนั้น 24 ชั่วโมง เป็นศูนย์ส่วนหน้าย่อยครับ และผู้บังคับบัญชาระดับผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินั้นจะลงไปสุ่มตรวจในทุกจุดนะครับ และช่วยเสริมในการปฏิบัติในหลายส่วน ต่อมานะครับ วันพรุ่งนี้ครับ ท่านนายกรัฐมนตรีจะมอบเรือให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกอบทั้งตำรวจนครบาล ภูธร1 และภูธร7 ภูธร1 ก็คือปทุมธานี นนทบุรี เป็นหลัก ภูธร7 คือ นครปฐมและสมุทรสาคร ในนครบาลด้วยเป็นหลักนะครับส่วนใหญ่ พรุ่งนี้ประมาณ 1,000 ลำ ท่านผู้บัญาการตำรวจแห่งชาติและคณะผู้บัญชาการตำรวจภูธรก็จะไปร่วมรับเรือจำนวน 1,000 ลำ ที่ ศปภ. วันนี้นะครับก็ได้มีการกำหนดแผนปฏิบัติที่ชัดเจนทั้งสายตรวจเรือและสายตรวจบิ๊กฟุตที่จะเข้าไปตรวจในพื้นที่ต่างๆ นั้น เพื่อความอุ่นใจของพี่น้องประชาชน กำหนดให้เรือและรถทุกคันนั้นต้องติดตราสัญลักษณ์ของตำรวจที่ชัดเจน มีไฟวาบๆ นะครับ มีสติ๊กเกอร์พ่นนะครับ ตัวตำรวจต้องรายงานว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีเครื่องเปล่งเสียงที่ชัดเจนนะครับ อันนี้เพื่อความอุ่นใจของพี่น้องประชาชน และวันนี้ครับทางสถานนีวิทยุ สวพ 91 ก็ได้จัดเสริมอาสาสมัครเข้ามาร่วมรับโทรศัพท์เพิ่มเติมในศูนย์ 1599 นะครับ ที่จะรับโทรศัพท์ของพี่น้องประชาชนได้เพิ่มมากขึ้นครับ ประการสุดท้ายครับ ขณะนี้ได้มอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลนั้น และในทุกพื้นที่นั้นไปกำหนดแผนการปฏิบัติในกรณีที่อาสาสมัครรถออฟโรดต่างๆ ที่มาช่วยกันปฏิบัติการนั้น กำหนดแผนการปฏิบัติที่ชัดเจนในการเข้าตรวจพื้นที่ต่างๆ และจะเชิญชวนพ่อแม่พี่น้องสื่อมวลชนภาคสนามที่เราเข้าไปตรวจนั้นเข้าร่วมดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยและอาสาสมัครด้วยนะครับ ประเด็นวันนี้ ประเด็นหลักๆใหญ่อยู่ตรงนี้นครับ ส่วนเพิ่มเติมก็คือ ผู้บังคับบัญชาในระดับผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ลงไปกำกับดูแลในพื้นที่ บก.น.1-9 ต่างๆ นั้น ก็ได้รายงานถึงสิ่งที่ปฏิบัติและข้อเสริมเพิ่มเติมเข้าไป ยกตัวอย่างเช่น ในขณะนี้ ใน ศภจ. ต่างๆ นั้น ได้รับความช่วยเหลือจากอาสาสมัครและพี่น้องประชาชนค่อนข้างจะเยอะมาก ซึ่งก็ขอบคุณนะครับ เราจะเป็นตัวกลางในการเอาทรัพย์สินสิ่งของต่างๆนั้นเข้าไปสู่พื้นที่ของพี่น้องประชาชนเยอะที่สุด วันนี้ก็ได้สั่งให้จัดรถสิบล้อขนาดใหญ่ ไปขนส่งตามบริเวณจุดใหญ่ๆ ถนนใหญ่ๆ ที่มีน้ำท่วม และเอาเรือขาดเล็กส่งพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่ประสบภัยต่อนะครับ วันนี้เราได้ดำเนินการในสิ่งที่ดำเนินการต่อเนื่องครับ ท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นห่วงเรื่องของกรณีของการแสดงตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่ ท่านก็เป็นห่วงว่าการเข้าไปทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในแต่ละพื้นที่นั้นขอให้ปฏอบัติหน้าที่เป็นกลุ่มก้อน และมีสัญลักษณ์ที่ชัดเจน และเน้นในภารจิกหลักของตำรวจ ที่ผมนำเรียนอยู่ 3 อัน อันที่ 1 คือ การดูและความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนทั้งตัวคนและทรัพย์สิน อันที่ 2 คือการสัญจรไปมาของพี่น้องประชาชนนะครับเส้นทางจราจร และอันที่ 3 คือเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยนะครับ เน้นภารกิจหลักตรงนี้ อีกอันหนึ่งที่ท่านได้เน้นย้ำ คือเน้นย้ำในเรื่องของการปรับพื้นที่หรือปรับจุดบริการในสถานีตำรวจต่างๆ นั้น ให้ทันต่อความต้องการของพี่น้องประชาชน เมื่อมีศูนย์ ศภจ. ใหญ่ ของ บก. แล้ว ให้พิจารณาจัดตั้ง ศภจ. ของสถานีตำรวจ ณ ในจุดที่มีน้ำท่วมไปถึง ให้พี่น้องประชาชนเข้าถึงได้อย่างชัดเจนมากขึ้นครับ ที่เป็นห่วงอยู่ 2 เรื่องนี้ครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น