ช่วงเดือนที่ผ่านมา
นอกเหนือจากเรื่องจับโจรปล้นร้านทองที่ลพบุรีแล้ว การแพร่ระบาดหนักของเชื้อไวรัสโคโรน่า
ในเมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน ก็ถือเป็นอีกข่าวใหญ่ ซึ่งขณะนี้เชื้อรุกลามหนักออกนอกประเทศจีนไปกันใหญ่แล้ว
ทั้งในเอเชีย ยุโรป อเมริกา ส่วนแอฟริกายังไม่ชัด เพราะประชาชนไม่เหลือเลือดจะให้ไวรัสสูบแล้วว…555
ไวรัสชนิดนี้ระบาดหนักและน่ากลัวมากน้อยเพียงใด อันนี้พาลทะเลไม่ใช่หมอ
คงต้องไปหาอ่านกันเองในกูเกิ้ล แต่นี้แน่ๆ หน้ากากปิดปากหายากขึ้นทุกที ที่มีขายอยู่ก็แพงเหลือเกิน
บางยี่ห้ออันละเกือบ 20 – 30 บาท บางครั้งมีตังค์ก็ไม่สามารถหาซื้อได้
เพราะพวกเล่นกักตุนกันสนุกสนาน
งานนี้เหมือนเตะหมูเข้าปากหมา
ไวรัสมาพ่อค้าหาโอกาสโก่งราคาหน้ากากกันสบายกระเป๋า ไม่รู้เป็นเกมส์ปั่นราคาหน้ากากหรืออเมริกาก่อสงครามปล่อยไวรัสเข้าจีนหรือป่าว
(เค้าลือกันอย่างนี้หนา)
เรื่องราคาและปริมาณหน้ากากปิดปากปิดจมูก
ถือเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญที่รัฐบาลต้องเข้ามาแก้ไขอย่างเร่งด่วน ล่าสุดเห็นออกประกาศ"หน้ากากอนามัย-เจลล้างมือ" กลายเป็นสินค้าควบคุม
1 ปี
ฮึ้ม ๆ ว่า ถ้าเห็นผู้ใดฉวยโอกาส ขายหน้ากากอนามัยเกินราคา พวกบอกให้แจ้งสายด่วน
1569 ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนราคาสินค้า
ส่วนผู้ค้าที่ไม่ปิดป้ายราคามีโทษ ปรับ 10,000
บาท ขายแพงเกินควร กักตุนสินค้า และปฏิเสธการจำหน่าย มีโทษจำคุก 7
ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ หนักหนาท่านพ่อค้าแม่ค้า ร้านขายยาทั้งหลาย
อย่าเอาเปรียบผู้บริโภคเชียว
รัฐบาลพี่บิ๊กท่านเอาจริง
ว่าถึงเรื่องการระบายของไวรัสชนิดนี้
เค้าว่าน่ากลัวยิ่งนัก
ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา ที่รพ.ในจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งแหล่งข่าวมาจากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ข้อความว่า
เมืองกาญจนบุรี พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 1 คน โดนกักตัวอยู่ที่รพ.
ทางกระทรวงสาธารณสุข ตื่นตระหนักกันทั้งภาคกลาง
ปรากฏว่าพอเช็คไปเช็คมา กลายเป็นเรื่องโอละพ่อ ข่าวปลอมซะอย่างนั้น แต่ที่นครปฐมเป็นของจริง รายนี้เป็น อาม้าวัย 73 ปี
ชื่อ นางใจ้ม่วย แซ่อึ๊ง อายุ 73 ปี ชาวตำบลบ่อพลับ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม
ซึ่งเป็นคนไทยรายแรกที่ติดเชื้อ อาม้ามีประวัติเดินทางไปท่องเที่ยวที่เมืองอู่ฮั่น
สาธารณรัฐประชาชนจีน
นางใจ้ม่วย แซ่อึ๊ง เล่าว่า หลังกลับจากเมืองจีนเริ่มรู้สึกเมื่อยตัว
มึนงง และรู้สึกเหมือนมีอาการเป็นไข้ คิดว่าอาจเป็นเพราะโรคประจำตัว คือ โรคหัวใจ
ไม่คิดว่าจะติดเชื้อไวรัสโคโรนา เมื่อทราบผลการตรวจว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนา อาม้าบอกรู้สึกตกใจนิดหน่อย แต่ก็ยังไม่สติแตกตีโพยตีพาย จิตตกไปกับโรคที่ผจญอยู่ เมื่อใจดี กายก็ดีตาม ซ้ำยังได้รับการดูแลจากทีมแพทย์ของโรงพยาบาลนครปฐม สุดท้ายคนก็ชนะโรค หายกลับมาเป็นปกติ แฮปปี้กันทุกฝ่าย
ที่นี่มาที่จ.สมุทรสาคร
ต้นสังกัดของหนังสือพิมพ์ชี้ชัดเจาะลึกของท่านบรรณาธิการ มานพ เทียนมณี ก็เป็นข่าวกับเค้าเหมือนกัน อีกตอนแรกได้ยินว่า มีการกักตัวผู้ต้องสงสัยดูอาการ
โคโรน่า 2 คน
โดยอยู่ที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร 1 ราย เป็นเด็ก 2 ขวบ ที่กลับมาจากประเทศจีน และที่โรงพยาบาลกระทุ่มแบน 1 ราย เป็นเด็ก 6 ขวบ กลับมาจากประเทศจีนเช่นเดียวกัน
โดยทั้งสองรายอาการดีขึ้น และจากการประเมินในเบื้องต้นของแพทย์ระบุว่าไม่น่าจะติดเชื้อ
เพราะเดินทางมาจากคนละเมืองที่มีการระบาด เท็จจริงเป็นอย่างไรไม่รู้
รู้แต่ว่าสุดท้ายแล้วแพทย์บอกให้กลับบ้านได้ ไม่มีการติดเชื้อ เป็นไข้ปวดหัวตัวร้อนธรรมดา
อะไรประมาณ…. ก็เชื่อหมอครับ ว่ายังไงว่าตามกัน ไม่เชื่อหมอแล้วจะไปเชื่อหมีที่ไหนล่ะ
สมุทรสาครมีการระบาดของไวรัสโคโรนา
หรือเปล่าไม่รู้ล่ะ แต่ที่แน่ ๆ พ่อเมืองคนเก่ง เรียกขวัญและกำลังใจ
เข้าพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของบ้านเมืองอย่าง องค์เจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร โดย นำส่วนราชการ และภาคเอกชน ร่วมสักการะขอพรจากองค์เจ้าพ่อ
ฯ ขอให้ชาวเมืองอู่ฮั่นพ้นวิกฤตโรคไวรัสโคโรนา ซึ่งก็คงรวมถึงชาวสมุทรสาครและชาวไทยด้วยเช่นกัน
ไวรัสระบาดหนักแค่ไหน
ไม่มีใครรู้แน่ชัด แม้แต่หมอที่เป็นคนวงใน ข่าวสารปัจจุบันมีสารพัดจะออกมารายงานความเคลื่อนไหวต่าง
ๆ ทั้งในและต่างประเทศ จริงเท็จอย่างไร ก็ต้องค่อย ๆ สแกนดูกันอย่างมีสติ สำหรับประชาชนแล้ว การเริ่มจากดูแลตัวเองก่อน
คงเป็นวิถีทางที่สัมผัสได้ง่ายที่สุด ประมาณว่ากินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ
เอาแมสปิดปากจมูกกันไป ส่วนนอกเหนือจากนี้คงต้องเป็นหน้าที่ของภาครัฐและรัฐบาล
ว่าจะมีกึ๋นแค่ไหนในการบริหารจัดการด้านสาธารณสุข
รวมถึงการข่าวที่เชื่อถือยากขึ้นทุกที
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น