3 ครอบครัวบุก รพ.สค.
ขอคำชี้แจงกรณีลูกเพิ่งคลอดเสียชีวิต
เวลา 11.30 น.ของวันที่ 4 เมษายน 2562
ได้มีสามครอบครัวที่เป็นผู้สูญเสียลูกไปจากการที่มาคลอดที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร
พร้อมกับญาติ มาขอคำชี้แจงกับทางโรงพยาบาลสมุทรสาคร เนื่องจากยังรู้สึกติดใจว่า
การเสียชีวิตของเด็กนั้น น่าจะมีสาเหตุมาจากการทำงานของทางโรงพยาบาล
ไม่น่าจะเกิดจากความผิดปกติที่เกิดจากตัวเด็ก ซึ่งครั้งนี้ก็มีนายแพทย์ ธรรมวิทย์
เกื้อกูลเกียรติ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลสมุทรสาคร
มาเป็นผู้ชี้แจง
โดยบอกว่า บุตรที่เสียชีวิตของนางนพมาศ คำแหง
และนายมนตรี ทับทิมพันธ์ เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมา เด็กคนดังกล่าวได้คลอดที่โรงพยาบาลสมุทรสาครเมื่อวันที่
22 มีนาคม 2562 เวลา 13.20น. โดยการผ่าคลอดตามระยะครรภ์ที่สมบูรณ์
เพราะเป็นครรภ์ที่สองและครรภ์แรกก็คลอดโดยการผ่า ซึ่งแรกเกิด
เด็กมีอาการปกติทุกอย่าง จึงย้ายมาอยู่ห้องหลังคลอดปกติ หลักจากนั้นประมาณ 30 นาที เด็กมีอาการผิดปกติ ออกซิเจนต่ำ ซึ่งเป็นอาการเบื้องต้นของการติดเชื้อ
และอาการก็ทรุดลง แพทย์จึงทำการรักษาตามขั้นตอน
จนต้องมีการใส่เครื่องช่วยหายใจ และให้ยาเพิ่มความดันโลหิต
หลังจากนั้นหนึ่งวันเด็กหัวใจหยุดเต้น แพทย์จึงต้องทำการปั้มหัวใจ แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตได้
จนเด็กเสียไปในเวลา ตี2 ของวันที่ 24
มีนาคม ซึ่งสิ่งที่ครอบครัวผู้สูญเสียคาใจก็คือ ทำไมเด็กจึงติดเชื้อได้
ติดจากขั้นตอนไหนของการแพทย์ เพราะเกิดมาแพทย์บอกว่าสมบูรณ์ปกติดีทุกอย่าง
และที่ผู้สูญเสียอยากรู้ก็คือ
ทำไมทางโรงพยาบาลจึงไม่ให้ญาติได้เห็นขั้นตอนการดูแลเด็ก ซึ่งต่างจากที่อื่นที่จะเห็นขั้นตอนการดูแลเด็กผ่านห้องกระจกได้
และสุดท้ายก็คือ ทำไมแพทย์จึงเอาเครื่องช่วยหายใจออกทั้งๆที่ครอบครัวบอกให้รอก่อน
ซึ่งนอกจากกรณีนี้แล้ว
ยังมีอีกสองครอบครัวที่สูญเสียลูกไปด้วยอาการที่คล้ายกันก็คือปอดติดเชื้อ
อย่างเช่นครอบครัวของนายมรกต ชมฤทธิ์ และนางนิภาวรรณ ยงบรรทม
ที่เสียลูกไปเมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา
ซึ่งกรณีนี้คลอดแบบธรรมชาติ ในระยะครรภ์ 8 เดือนเมื่อวันที่ 11 มีนาคม แพทย์บอกว่าครรภ์สมบูรณ์ ไม่มีภาวะเสี่ยง แต่หลังจากคลอดไม่นาน
แพทย์ได้แจ้งว่าปอดติดเชื้อ จนเด็กต้องอยู่ในห้องไอซียู ซึ่งครอบครัวนี้สงสัยเรื่องขั้นตอนของการทำคลอด
ที่ปล่อยให้ผู้เป็นแม่รอการคลอดเพียงลำพัง จนศีรษะโผล่ออกมาแล้ว
จึงมีแพทย์พยาบาลเข้ามาทำคลอดให้ และเมื่อเด็กคลอดก็ไม่มีการโทรแจ้งญาติ
มาแจ้งอีกทีเมื่อทราบว่าเด็กมีอาการปอดติดเชื้อ
ส่วนอีกหนึ่งครอบครัว คือ นายหม่อง กับ นางสาวสุวรรดี
ไทรสังขดำรงพร ที่เสียลูกไปเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2561 หลังจากที่คลอดเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2561 โดยอายุครรภ์นั้นเกินกำหนดมา 1 สัปดาห์ คลอดแบบธรรมชาติ แต่แพทย์ใช้เครื่องดูดออก
เพราะคลอดยากซึ่งสาเหตุที่แจ้งคือ ปอดติดเชื้อ เลือดไม่พอ ปอดแตก ความดันตก ซึ่งสิ่งที่สามครอบครัวและญาติๆคาใจคือ
ทำไมเด็กถึงติดเชื้อ
และทางโรงพยาบาลดูแลเรื่องการคลอดและการดูแลเด็กหลังคลอดดีแค่ไหน
ส่วน นายจีรศักดิ์ ทับทิมพันธ์
ประธานสมุทรสาครไบค์วีค นำน้องชายน้องสะใภ้หาคำตอบ กล่าวว่า อย่างที่ทราบกันว่าทารกที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนั้นส่วนใหญ่จะเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
และพยาบาลก็ไม่ค่อยดูแลเด็กหรือใส่ใจสักเท่าไหร่ จนเกินความสูญเสีย
บางคนก็ได้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดีเพื่อจะรับเด็กไปเลี้ยงดู
แต่สุดท้ายกลับต้องมารับศพเด็กไปแทน เด็กที่เกิดส่วนใหญ่ร่ายกายจะไม่ค่อยแข็งแรงหรือไม่ก็ปวดติดเชื้อ
แต่ที่ต่างประเทศเด็กที่เกิดมาจะมีโอกาสเสียชีวิตแบบนี้ได้น้อยมากมี 1000 คน เสียชีวิต 2 คน
ประเทศไทยนั้นกลับพบว่าเด็กที่เกิดขึ้นมานั้นส่วนใหญ่เสียชีวิตกันเยอะมากอย่างน่าตกใจ
และทางพ่อแม่ของเด็กก็อยากรอคำตอบจากหมอ ว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นมันมาจากอะไร
แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบจากหมออย่างชัดเจนนั้นแสดงให้เห็นว่าโรงพยาบาลสมุทรสาครนั้น
ทำงานกันอย่างไม่มีคุณภาพจนต้องเกิดการสูญเสียเกิดขึ้นและเครื่องมือของโรงพยาบาลนั้นมีจำกัด ทำให้ไม่ค่อยมีคนมาใช้บริการทำคลอนที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร
เพราะทุกคนต่างก็ไม่ไว้ใจและกลัวจะเกิดการสูญเสียขึ้นอีก และยังไม่มีทางแก้ปัญหาได้ 100 เปอร์เซ็นต์และทางโรงพยาบาลเองก็ปิดข่าวเพราะกลัวจะเสียชื่อเสียง
ด้านนายแพทย์ธรรมวิทย์ เกื้อกูลเกียรติ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์
โรงพยาบาลสมุทรสาคร ชี้แจงว่า การเสียชีวิตของเด็กแรกเกิดโดยอาการปอดติดเชื้อ
เกิดขึ้นได้ โดยสถิติในสหรัฐอเมริกา เกิดขึ้น 0.2 เปอร์เซ็นต์ ส่วนของโรงพยาบาลสมุทรสาครจะมีมากกว่านี้นิดหน่อย
ส่วนสถิติเด็กแรกเกิดที่เสียชีวิตของโรงพยาบาลสมุทรสาครมีการเก็บข้อมูลไว้อยู่แล้ว
แต่วันนี้ไม่ได้เตรียมมาชี้แจง แต่สามารถบอกได้
ส่วนสาเหตุปอดติดเชื้อของเด็กนั้นก็มาจากหลายสาเหตุทั้งติดเชื้อในครรภ์
ติดเชื้อระหว่างคลอด และติดเชื้อหลังคลอด
ซึ่งหากติดเชื้อเร็วก็มีโอกาสเสียชีวิตสูง
แต่การจะทำให้เด็กที่เกิดมาเสียชีวิตเป็นศูนย์นั้น เป็นไปได้ยาก
เพราะมีเหตุปัจจัยหลายอย่าง และการสูญเสียนั้นทางโรงพยาบาลก็ไม่ได้อยากให้เกิดขึ้น
และจะนำข้อคิดเห็นในหลายเรื่องจากผู้เสียหายไปเข้าที่ประชุม และยืนยันว่าทางโรงพยาบาลมีการใส่ใจในเรื่องนี้
ไม่ได้ปล่อยปละละเลย ส่วนเรื่องการถอดเครื่องช่วยหายใจออกโดยไม่แจ้งญาตินั้น
ยืนยันว่าได้ถอดออกหลังจากเด็กเสียชีวิตแล้ว
ส่วนเรื่องพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่ไม่เหมาะสมนั้นทางโรงพยาบาลยอมรับว่ามีอยู่บ้าง
แต่เป็นส่วนน้อย ซึ่งก็จะนำเรื่องนี้ไปพัฒนาปรับปรุงเช่นกัน
ส่วนข้อมูลสถิติเด็กแรกเกิดที่เสียชีวิตจะแจ้งให้ได้ทราบต่อไป
เพราะเป็นข้อมูลที่เปิดเผยได้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น