สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ New Economy Academy หรือ NEA หน่วยงาน
ภายใต้กระทรวงพาณิชย์ ตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการกลุ่มต่างๆให้เข้าใจวิธีการทำการค้าขายยุคใหม่ในด้านดิจิทัล ด้านบริหารจัดการธุรกิจสู่สากล ความรู้เบื้องต้นเพื่อการส่งออก ความรู้เฉพาะด้านการตลาดระหว่างประเทศ
นายพรวิช ศิลาอ่อน ผอ.NEA เปิดเผยว่า NEA เป็นสถาบันฯที่มุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการในการเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันทั้งในและต่างประเทศด้วยองค์ความรู้เพื่อรองรับเศรษฐกิจยุคใหม่ นอกจากนี้ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีหลายอย่างในปัจจุบันที่ได้เปลี่ยนรูปแบบในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ รวมถึงลักษณะการประกอบธุรกิจต่างๆ ไปอย่างรวดเร็ว สถาบันฯ ก็จะทำเป็นเสมือนพี่เลี้ยงในการเสริมสร้างให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการไทย โดยเร่งพัฒนาผู้ประกอบการและเกษตรกรให้เป็น Smart Entrepreneur และ Smart Farmer ที่จะก้าวสู่การพัฒนาประเทศตามนโยบาย Thailand 4.0 พร้อมกระจายองค์ความรู้ไปสู่ทุกภูมิภาคของประเทศเพื่อเสริมสร้างความเข็มแข็งให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่นต่อไป
"ทั้งนี้ ทางสถาบันฯ เรายังมีเครือข่ายที่เป็นแรงผลักสำคัญในการกระจายองค์ความรู้ไปยังทุกภูมิภาคของประเทศและเข้าถึงผู้ประกอบการในระดับชุมชนท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ เครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาที่พร้อมจะผนึกกำลังเพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการของเรามีความขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก ปัจจุบันทางสถาบันฯ ได้มีพันธมิตรรวมทั้งหมดกว่า 68 หน่วยงาน โดยมีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือไปแล้วกว่า 19 หน่วยงาน"
อย่างไรก็ตามสถาบันฯมีแนวทางในการผลักดันผู้ประกอบการยุคใหม่ ผ่าน 5 หลักสูตร สำคัญได้แก่ 1.หลักสูตร New Economy Amplifier เพื่อเตรียมความพร้อม ให้ความรู้และสร้างความชำนาญในด้านเทคนิควิธีการถ่ายทอด สำหรับผู้ที่จะต้องนำองค์ความรู้ไปกระจายต่อกับบุคคลที่สนใจทั่วไป อาทิ โครงการสร้างพี่เลี้ยงทางการค้า (Train the Trainers) ระยะเวลาตั้งแต่ เดือนมกราคม – เดือนกรกฎาคม
2561 จำนวน 6 ครั้ง โดยดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วมีจำนวนผู้เข้าร่วมทั้ง 2 ครั้ง 415 ราย ในจังหวัดชลบุรี
เชียงใหม่ โดยอีก 4 ครั้งที่เหลือ จะเป็นที่ ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี และกรุงเทพ มีกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด
1,200 ราย
2. หลักสูตร New Economy Foundation เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับผู้ประกอบการใหม่หรือผู้ที่สนใจจะ
ประกอบธุรกิจ เป็นหลักสูตรที่จะสร้างผู้ประกอบการใหม่ให้มีศักยภาพในตลาดโดยเน้นตลาดในประเทศ
อาทิ โครงการสัมมนา "เรียนรู้ เรียนลัด มุ่งการส่งออก (Express Exporter) ในจังหวัด 5 โดยในกลุ่มเป้าหมาย 1,200 ราย 1.ครั้งที่ 1 วันที่ 26-28 มีนาคม 2561 (จ.กาญจนบุรี) 2.ครั้งที่ 2 วันที่ 13– 15 มิถุนายน2561 (จ.ลำปาง) 3. ครั้งที่ 3 วันที่ 27 – 29 มิถุนายน 2561 (จ.สงขลา) 4. ครั้งที่ 4 วันที่ 18 – 20 กรกฎาคม 2561 (อุบลราชธานี) 5.ครั้งที่ 5 วันที่ 1 – 3 สิงหาคม 2561 (จ.จันทบุรี)
โครงการ “สร้างความรู้พื้นฐานเศรษฐกิจยุคใหม่ Express Exporter Plus ในจังหวัด 5 โดยในกลุ่มเป้าหมาย 1,200 ราย นั้น นายพรวิช กล่าวถึงโครงการนี้ว่า เป็นการให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการส่งออก ระเบียบศุลกากร ทรัพย์สินทางปัญญา การจดเครื่องหมายการค้า การเตรียมเอกสารเกี่ยวกับแบงค์โดยร่วมมือกับเอกซิมแบงค์ มีการปูพื้นฐานสำหรับผู้ยังไม่เคยส่สงออกเลย คอร์สนี้จะสอนในต่างจังหวัด 5 ครั้ง โดยไปทุกภาค ซึ่งครั้งที่ 1 จะมีขึ้นในที่จังหวัดอุดรธานี วันที่ 4-5 เมษายนศกนี้
โดยเหมาะสำหรับผู้ประกอบการยุคใหม่ที่สนใจจะเข้าร่วมโครงการอบรมเสริมสร้างความรู้พื้นฐาน
"เศรษฐกิจยุคใหม่" หัวข้อการบรรยายที่่สนใจของการอบรม ได้แก่ "Logistic & Supply Chain : การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ" ในวันที่ 4 เมษายน 2561 และ วันที่ 5 เมษายน 2561 ณ โรงแรมนภาลัย จ.อุดรธานี เข้าใจกระบวนและพิธีการทางด้านการขนส่งและการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศครบถ้วน หัวข้อ พูดได้ ขายคล่องด้วยการเจรจา การค้าระหว่างประเทศ เรียนรู้ เคล็ดลับในการเจรจาทั้งเป็นฝ่ายรับและฝ่ายรุก ทำอย่างไรให้การเจรจาสำเร็จ (เน้นปฏิบัติ) อบรมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย สนใจเข้าร่วมอบรม ติดต่อ 085-057-3865 / 096-985-9039 หรือ www.nea.ditp.go.th ส่วนครั้งที่ 2.วันที่ 24– 25 พฤษภาคม 2561 (จ.สุราษฎร์ธานี) ครั้งที่ 3.วันที่ 7 – 8 มิถุนายน 2561 (จ.นครสวรรค์) ครั้งที่ 4. วันที่ 21 – 22 มิถุนายน 2561 (จ.ระยอง) ครั้งที่ 5. วันที่ 5 – 6 กรกฎาคม 2561 (พระนครศรีอยุธยา
3.หลักสูตร New Economy Driver หลักสูตรขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่ เพื่อฝึกอบรมสำหรับผู้ประกอบ
การวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพื่อพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถทางการแข่งขัน ให้สามารถแข่งขันได้ ในตลาดการค้าทั้งในและต่างประเทศ (Local to Global) อาทิ โครงการ “พัฒนาธุรกิจสู่การค้าระหว่างประเทศ Passport to Global 5 ครั้ง ได้แก่ ตรัง เชียงราย ขอนแก่น จันทบุรี และกทม. โครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ "ผู้ส่งออกอัจฉริยะ : Smart Exporter ระหว่างเดือน เมษายน-กรกฎาคม 2561
4.หลักสูตร New Economy Connector หลักสูตรสร้างเครือข่ายการค้าสำหรับผู้บริหาร เป็นหลักที่สร้างเวทีเครือข่ายและแลกเปลี่ยนแนวคิดระหว่างบุคลากรชั้นนำทั้งภาครัฐ และเอกชนตามความเหมาะสมในแต่ละกลุ่มภูมิภาค โดยในระยะเริ่มต้นจะได้เน้นภายในกลุ่มประเทศ CLMVT เพราะปัจจุบันเป็นกลุ่มเป้า
หมายของการส่งออกจากประเทศไทยเป็นอันดับ 1 และมีเป้าหมายที่จะขยายต่อไปในระดับโลก สร้าง
ศักยภาพบุคลากรจากมุมมองธุรกิจจริง เน้นข้อมูลเชิงลึกสำหรับการสร้างมูลค่าเพิ่ม การทดลองปฏิบัติ
ด้วยวิธีต่างๆ และการศึกษาวัฒนธรรมของประเทศคู่ค้า ผ่านโครงการ CLMVT Executive Program on New Economy และ โครงการสร้างภาคีเครือข่ายพันธมิตรของสถาบันฯ
5.หลักสูตร IT 4 SME (E-Business) ถือว่าเป็นหลักสูตรสำคัญในยุคที่ใช้เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจโดยหลักสูตรจะส่งเสริมสร้างองค์ความรู้ด้าน IT ให้กับผู้ประกอบการ SME ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ด้วยทักษะด้าน E-Business รวมไปถึงความเข้าใจในธุรกิจ และกระบวนการต่างๆ เช่น การตลาดดิจิทัล(Digital Marketing) ระบบการชำระเงินออนไลน์ และระบบการขนส่ง โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อพัฒนาต่อยอดสมรรถภาพของธุรกิจเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถทำการค้าออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันการค้าออนไลน์ในตลาดโลกได้เช่นกัน อาทิ โครงการสัมมนาการตลาดดิจิทัลหลากหลายรูปแบบ
โครงการสัมมนาเพื่อพัฒนาและส่งเสริมผู้ประกอบการขยายตลาดส่งออกผ่านอาลีบาบา และโครงการ
หลักสูตรการเรียนรู้ออนไลน์ในระบบการเรียนอิเล็กทรอนิกส์ (E-Academy)" จะเห็นได้ชัดเลยว่า ทุก
โครงการเราทำเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการทุกระดับชั้นและทุกภูมิภาคเพื่อให้เกิดเอสเอ็มอีใหม่ๆในทุก
มุมจังหวัด ก่อเกิดการสร้างรายได้และการจ้างงานขับเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบ"นายพรวิช กล่าวและว่า
วางเป้าหมายของ NEA ในการเป็นพี่เลี้ยงหลักทางการค้า ว่าการเติบโตของธุรกิจ SMEs ในปีที่ผ่านมาผลการสำรวจธุรกิจการค้าและอุตสาหกรรม การส่งออกของ SME ในเดือนมกราคม ปี 2561 มีมูลค่า
156,937.7 ล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 6.0 และเมื่ออยู่ในรูปดอลล่าร์สหรัฐ มูลค่าการ ส่งออกขยายตัวร้อยละ 16.5 โดยสัดส่วนของการส่งออกของ SME ต่อการส่งออกรวม เท่ากับร้อยละ 24.1 โดย SMEs ยังคงมีมูลค่าการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนมากที่สุด มีมูลค่า 47,051 ล้านบาทรองลงมาได้แก่ประเทศจีน มีมูลค่าการส่งออก 18,069ล้านบาท และประเทศญี่ปุ่น มีมูลค่าการส่งออก 13,939 ล้านบาท สำหรับสินค้าส่งออก สำคัญ 3 อันดับแรก ได้แก่ หมวดอัญมณีและเครื่องประดับ หมวดพลาสติก และของทำด้วยพลาสติก และหมวดอุปกรณ์ไฟฟ้าและส่วนประกอบ ด้านธุรกิจภาคการค้าและบริการคือผลงาน
"ปัจจุบันตัวเลขการจ้างงานของ SME มีทั้งสิ้น 11,747,093 ราย เทียบกับปีก่อนมีทั้งสิ้น 10,751,965 ราย
เพิ่มขึ้น 995,128 ราย หรือเพิ่มขึ้น 9.30% เป็นการเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้นจากภาคบริการ 552,532 ราย ภาคการค้า 325,907 ราย ภาคการผลิต 113,722 ราย และภาคธุรกิจการเกษตร 2,967 ราย จะเห็นได้ว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยลักษณะการทำธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเป็นยุคที่คนตัวเล็กอยากเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเองทำให้มีธุรกิจเอสเอ็มอีเกิดขึ้นมาก นับเป็นความท้าทายของ
NEA ที่จะจัดหลักสูตรให้เข้าถึงผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั้งหมด อีกเรื่องคือการทำความเข้าใจเทรนด์ตลาดและความคิดของกลุ่มอสเอ็มอีในแต่ละกลุ่มว่ามีความต้องการพัฒนาความรู้แบบใด ในส่วนนี้เราจะต้องทำการวิเคราะห์เทรนด์ของการฝึกอบรมด้านการค้าระหว่างประเทศที่ทันสมัยที่สุด รวมทั้งใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลมาช่วยประมวลผลข้อมูลผู้ประกอบการที่เข้าร่วมอบรมว่าทำธุรกิจอะไรและมีความสนใจเรื่องใดเป็นพิเศษ เพื่อนำไปวิจัยออกแบบหลักสูตรให้สามารถพัฒนาศักยภาพเอสเอ็มอีไทยสู่การเป็น Smart SMEs อย่างแท้จริง"
นายพรวิช กล่าวด้วยว่า สถาบันฯยังให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศเพื่อนบ้านอย่าง
CLMVT ทั้ง 5 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม และไทย ที่ขานรับนโยบายของท่าน ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจเพื่อสนับสนุนให้มีการกระจาย
การส่งออกไปยันประเทศเพื่อนบ้านและยังถือว่าเป็นการสร้างรายได้เข้าประเทศได้อย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น สถาบันจึงผลักดันในมีการร่วมมือให้เกิดผลประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้ประเทศไทยเป็นฐานบริหาร
จัดการห่วงโซ่การผลิต ยกระดับให้ไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียน ซึ่งกลุ่มประเทศ CLMV นับว่าเป็น
กลุ่มคู่ค้าที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยในปี 2560 มีมูลค่าการส่งออก กว่า 25.13 พันล้าน US เมื่อเทียบกับ
ช่วงเดียวกันของปี 2559 ที่มีมูลค่าการส่งออก 22.047 พันล้าน US เพิ่มขึ้นกว่า 13%"
พร้อมระบุว่า สำหรับคอร์สยอดนิยม จะเป็นการทำ e commerce หรือการค้า online และคอร์สการรู้จัก
ตลาดเพื่อนบ้าน เจาะตลาด CLMV เป็นทีนิยมมากของผู้ประกอบการเพราะใกล้ตัว มีความรู้และเข้าใจ
ตลาดมากกว่าและโอกาสมีมากกว่าจะเห็นว่าตัวเลขการค้าขึ้นสูงสุดเมื่อเทียบกับยุโรป สินค้าส่งออกที่ไป
ส่วนใหญ่เป็นของอุปโภคบริโภค เครื่องสำอาง คอร์สเจาะตลาด กัมพูชา จะมีกิจกรรมของกรมส่งเสริม
การค้าระหว่างประเทศ ด้านแมชชิ่ง การออกบูธ เราสามารถแนะนำได้ว่าควรจะทำอย่างไร ต้องไปพัฒนา
ผลิตภัณฑ์ การเตรียมความพร้อมของตนเอง
นอกจากนี้ในภูมิภาคก็มีแผนทำกิจกรรมคล้ายๆกัน ที่จะจัดเร็วๆนี้ คือที่จังหวัดอุดรธานี โครงการอบรม
เสริมสร้างความรู้พื้นฐาน "เศรษฐกิจยุคใหม่" ได้เชิญเทสโก โลตัส ไปเพื่อให้ความรู้กับผู้ประกอบการ เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเสนอสินค้ากับบริษัทที่มาร่วม ในอนาคตจะมีบริษัทอื่นๆด้วย กิจกรรมจะไม่ใช่แค่ให้ความรู้แต่ต้องสามารถนำมาใช้จริงได้ ทุกอย่างต้องจบที่ตลาด พัฒนาสินค้า เตรียมความพร้อมและขายของได้ในตลาดในออนไลน์ได้จริง
"จากการจัดโครงการอบรมต่างๆ ทั่วประเทศ ผมมองว่า จุดแข็งของคือการให้ความรู้ เรามีความเชี่ยวชาญด้านตลาด มีความพร้อมในการที่จะต่อยอด ในที่สุดผลก็จะอยู่ในการที่เราเห็นความสำเร็จของผู้ประกอบการที่มาเรียนกับ NEAไปถึงดวงดาว ตอนนี้มีหลายบริษัทที่เคยมาเรียนกับเราและประสบความสำเร็จในต่างประเทศแล้ว"ผอ.NEA กล่าวและว่า อีกเรื่องหนึ่งคือ การที่จะทำให้ความรู้ต่างๆ มีความยั่งยืนและกระจายไปสู่ประชาชนและผู้ประกอบการได้กว้างขวางที่สุดคือ โครงการหลักสูตรการเรียนรู้ออนไลน์ในระบบการเรียนอิเล็กทรอนิกส์ E-Academy ตอนนี้มี 10 กว่าวิชา ไม่ว่าจะเป็นพื้นฐานการส่งออก เริ่มการค้าออนไลน์ การเจรจาธุรกิจ วิชาใหม่ๆ English for Business การสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ สามารถ สมัครเรียนที่ได้ทางเวปไซต์ของ NEA ไม่มีข้อจำกัดใดใด
พิเศษในช่วงนี้เพิ่งเปิดตัวสถาบัน ให้เรียนฟรี ปัดฝุ่นวิชาต่างๆ ใหม่ อยากให้ทุกท่านเข้ามาเรียน ตอนนี้เริ่มลงทะเบียนได้แล้วและเริ่มเรียนตั้งแต่ 1 เมษายน สำหรับผู้ประกอบการ บุคคลทั่วไป นักศึกษา เป็นการเรียนแบบมี interactive จะมีการประเมินผล แต่ละช่วงของการเรียน คอร์สหนึ่งใช้เวลา 30 - 40 ชั่วโมง คอร์สใหม่ๆ ที่จัดทำจะมีการใช้วิดีโอ สัมภาษณ์ทูตพาณิชย์ ผู้ประกอบการ
"อยากเชิญชวนให้ผู้ประกอบการทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการรูปแบบไหน จะเป็นสตาร์ทอัพหรือเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญแล้ว เรามีกิจกรรมทั้งภายในกรงเทพฯ และต่างจังหวัด มี online academyสามารถ
เข้าสมัครได้ทุกเมื่อ ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดกิจกรรมทาง facebook live สมัครได้ง่ายมาก www.nea.ditp.go.th"
******************
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น