ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2561 ณ ห้องประชุมกรุงเทพ 2 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานโครงการสนับสนุนกลไกการพัฒนาองค์ความรู้สถานการณ์ความรุนแรงในครอบครัวต่อผู้หญิงและบุคคลในครอบครัวซึ่งกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.)

นายเลิศปัญญา กล่าวว่า ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบ ในหลายมิติของสังคม ผลการเก็บข้อมูลผู้ขอรับบริการ จากศูนย์ช่วยเหลือสังคม โทร 1300 พบว่า ในปี 2560 มีข้อมูลเหตุการณ์ความรุนแรงในครอบครัว จำนวนทั้งสิ้น 1,869 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ซึ่งมีจำนวน 1,578 ราย (เพิ่มขึ้น 291 ราย) แสดงให้เห็นว่า สถิติความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มขึ้นทุกปีและข้อมูลจากเว็บไซต์ www.violence.in.th พบว่า ความรุน
แรงในครอบครัวที่เป็นคดี ในปี 2559 มีจำนวน 797 คดี และในปี 2560 มีจำนวน 1,207 คดี แสดงว่าความรุนแรงในครอบครัวที่เป็นคดียังคงมีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ซึ่งเชื่อว่าส่วนหนึ่งเกิดจากการคุ้มครองช่วยเหลือไกล่เกลี่ยจนยุติไม่เป็นคดี ทั้งนี้ กระทรวง พม. มีความพยายามในการรวบรวมข้อมูลจำนวนผู้ประสบปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิงและความรุนแรงในครอบครัว แต่ทว่า เป็นข้อมูลที่จำกัดเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่เข้ามารับบริการ โดยไม่รวมถึงผู้ประสบปัญหาที่ไม่ได้เข้ามารับบริการอีกเป็นจำนวนมาก จึงถือเป็น “ช่องว่างด้านข้อมูล”

อธิบดีกรมกิจการสตรีฯ กล่าวต่ออีกว่า เป็นที่น่ายินดี ที่คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โดยศูนย์จัดการความรู้ความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งมี ศาตราจารย์นายแพทย์รณชัย คงสกนธ์ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ ได้นำเรื่องสำรวจข้อมูลปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิงและบุคคลในครอบครัว ที่สามารถเป็นตัวแทนข้อมูลระดับประเทศ ชี้ให้เห็นถึงขนาดและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ปัญหาจากการสำรวจ กลุ่มตัวอย่าง 2,280 ครัวเรือน พบว่ามีความรุนแรงต่อผู้หญิงและบุคคลในครอบครัว จำนวน 787 ครัวเรือน คิดเป็นความชุก ร้อยละ 34.6 เมื่อแยกตามลักษณะภูมิภาค จะเห็นว่า ภาคใต้มีความรุนแรงในครอบครัวสูงสุด (ร้อยละ 48.1) อันดับ 2 ภาคกลาง (ร้อยละ 42.5) อันดับ 3 ภาคเหนือ (ร้อยละ 33.7) อันดับ 4 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ร้อยละ 32.7) และอันดับสุดท้ายคือ กรุงเทพมหานคร (ร้อยละ 26)
“การพัฒนาการจัดเก็บข้อมูลดังกล่าว สค. เห็นถึงประโยชน์และความสำคัญของการจัดเก็บและใช้ประโยชน์ข้อมูลเพื่อเป็นฐานข้อมูลที่ชัดเจน ในการกำหนดยุทธศาสตร์และทิศทางการดำเนินงานเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงต่อสตรีและความรุนแรงในครอบครัว ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น และคาดหวังว่าการประชุมในครั้งนี้ ทุกท่านจะได้รับรู้ข้อมูลสถานการณ์ความรุนแรงฯ และมีส่วนร่วมในการเติมเต็มความคิดเพื่อพัฒนาการเก็บข้อมูลความรุนแรงได้อย่างเป็นระบบต่อไป” นายเลิศปัญญา กล่าวในตอนท้าย
pearleus














0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น