pearleus

วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

จากวันนั้น..ถึงวันนี้นับเวลาได้เกือบ 3 ปี กว่าจะได้ตัวผู้กระทำความผิด...คดียิงนายก อบจ.สมุทรสาครป้อนชื่อรายการ

        ครรชิต ทับสุวรรณ จากวันนั้น..ถึงวันนี้นับเวลาได้เกือบ 3 ปี กว่าจะได้ตัวผู้กระทำความผิด...คดียิงนายก อบจ.สมุทรสาคร
ศาลจังหวัดสมุทรสาคร นัดฝ่ายโจทย์และจำเลยฟังคำพิพากษา คดียิงนายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อปี 2554 ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว ย้อนไปเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2554 เกิดขึ้นเมื่อมีคนร้ายบุกยิงนายอุดร เสียชีวิตอย่างอุกอาจที่บริเวณหน้าห้องน้ำ ปั๊มน้ำมัน ปตท. คลองครุ ถนนเศรษฐกิจ ซึ่งก่อนที่นายอุดร จะถูกยิง ได้นั่งรถฟอจูนเนอร์สีเทา หมายเลขทะเบียน กก 2424 สมุทรสาคร มาพร้อมกับคนขับรถ และได้จอดแวะปั๊มน้ำมัน จากนั้นได้ลงจากรถเพื่อไปล้างหน้าภายในห้องน้ำ และจะไปร่วมงานณาปนกิจศพนายแผน ตราชู ที่วัดคลองครุ ทันใดนั้น ได้มีรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า 4 ประตู สีบลอนทอง ขับมาจอด และได้มีคนร้ายลงมากระหน่ำยิงนายอุดรเข้าที่ศีรษะจำนวน 6 นัด เสียชีวิตทันที ต่อมา ทางด้าน พ.ต.อ.จำแรง สุดใจ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร ได้สั่งการให้ทางพนักงานสอบสวนได้นำหมายเรียกวัตถุพยานที่ไปขอมาจากศาลไปที่บ้านของนายครรชิต ทับสุวรรณ ที่ถูกระบุว่าเป็นผู้ต้องสงสัย โดยให้นายครรชิตนำรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าสีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน กฉ 4124 นครศีธรรมราช และอาวุธปืนยี่ห้อกล๊อกขนาด.40 หมายเลข กท 54222747 มาตรวจสอบ หลังจากนั้นก็ได้มีการนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยมีการสืบพยานทั้งฝ่ายโจทย์และจำเลย หลายปากเสร็จสิ้นไปแล้ว ซึ่งใช้เวลาเกือบ 3 ปี และในที่สุดศาลจังหวัดสมุทรสาคร ก็ได้นัดทั้งสองฝ่ายมารับฟังคำพิพากษา ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงเช้าของวันพุธที่ 12 พ.ย. 2557พ.ต.อ.จำแรง สุดใจ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร IMG_14768348149258 IMG_14741248289703 อุดร ไกรวัตนุสสรณ์ 20141112_084921 20141112_084009 20141112_083918

ที่ศาลจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อเวลา 08.40 น.ของวันที่ 12 พ.ย.2557 นายครรชิต ทับสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมาถึง โดยได้กล่าวกับสื่อมวลชนก่อนที่จะขึ้นศาลว่า วันนี้คำตัดสินของศาลจะออกมาเป็นอย่างไรนั้นขอให้ทุกคนเคารพในคำตัดสินของศาล ซึ่งผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ยังคงสามารถสู้กันในศาลชั้นต่อไปได้ ต่อจากนั้น เมื่อเวลา 08.45 น. นายมณฑล ไกรวัฒนุสสรณ์ นายก อบจ.สมุทรสาคร ได้เดินทางมาถึงและให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ในตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ตนและครอบครัวรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่มีมีความสุขเลย ส่วนการมาฟังคำตัดสินของศาลในวันนี้เชื่อมั่นว่าคำตัดสินของศาลจะออกมาอย่างยุติธรรม และถ้าหากผลของคำตัดสินออกมาไม่เป็นอย่างที่คาดไว้ ก็จะยังไม่ขอออกความคิดเห็นใดๆเพิ่มเติม......ส่วนทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการจัดกองร้อยรักษาความปลอดภัย เข้ามาดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย เพื่อคอยระงับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในเบื้องต้น ซึ่งตลอดในช่วงเช้าที่ผ่านมาสถานการณ์ยังคงอยู่ในความสงบเรียบร้อย ภายหลังศาลจังหวัดสมุทรสาครอ่านคำพิพากษาสำนวนคดียิง นายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2554 บริเวณหน้าห้องน้ำ ปั๊มน้ำมัน ปตท. คลองครุ ถนนเศรษฐกิจ ซึ่งนายครรชิต ทับสุวรรณ ได้ตกเป็นจำเลยในคดีนี้นั้นล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 11.45 น. ศาลก็ได้อ่านคำพิพากษาโทษประหารชีวิตแก่ นายครรชิต ทับสุวรรณ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามมาตรตรา 289 รวมถึงต้องจ่ายค่าสินไหมเลี้ยงดูบุตรอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งภายหลังการฟังคำพิพากษา นายครรชิต ทับสุวรรณ มีสีหน้าปกติ ไม่ได้แสดงอาการหวาดกลัวแต่อย่างใด โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมตัว และหลังจากนั้นทีมทนายฝ่ายจำเลยก็ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัว จำนวน 1.4 ล้านบาท

วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

จับกุมโจรร่วมกันชิงทรัพย์

   183348 เมื่อ 8 พ.ย.57 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พ.ต.อ.จำแรง สุดใจ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร พ.ต.ท.ทรงศักดิ์ แก้วพลน้อย รอง ผกก.ป.ฯ สั่งการให้ พ.ต.ท.ประกิต ต้นไม้ทอง สวป.ฯพ.ต.ท.จักรพัฒน์ จันทร์เที่ยง สวป.ฯ พ.ต.ต.สุทธิพงษ์ อ่อนลออ สวป.ฯพ.ต.ต.สุรศักดิ์ สิทธิโชคธรรม สวป.ฯกำลังชุด ปจร. และสายตรวจท่าฉลอมทำการจับกุมตัว
1.นายวุฒิกร หรือต้อง เขตวันชัย อายุ 19 ปี 223/1 ต.ท่าฉลอม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ผู้ต้องหาที่ 1
2. นายวงศ์ริศ หรือเมฆ พิมพ์โคตร อายุ 19 ปี 24/134 ม.3 ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ผู้ต้องหาที่ 2
พร้อมด้วยของกลาง
1.สร้อยคอโลหะสีเงินจำนวน 1 เส้นพร้อมพระ 1 องค์
2.สร้อยคอโลหะสีทองจำนวน 1 เส้นพร้อมพระ 1 องค์
3.อาวุธปืนยี่ห้อซีแซดรุ่น CZ75Bสีเงินขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก
4.ซองบรรจุกระสุนจำนวน 1อัน
5.เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 12 นัด
6.ซองพกอ่อนสีดำจำนวน1อัน
7.ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1(ยาบ้า)จำนวน 27 เม็ด
8.ยาเสพติดประเภทที่2(ยาอี)จำนวน1เม็ด
9.เงินสดจำนวน 1,640 บาท
10.รถยนต์กระบะ4ประตู ยี่ห้ออีซูซู 4ประตูสีเทาหมายเลขตัวรถ MP1TFR86H7T122502หมายเลขเครื่อง 4JK1EF3857ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 1คัน
โดยกล่าวหาว่า 1.ผู้ต้องหาที่ 1 ร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีอาวุธปืนโดยใช่ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหนือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อเพื่อให้พ้นการจับกุม,มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหรือหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร,มียาเสพติดให้โทษให้โทษประเภทที่1 (ยาบ้า)ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
2.ผู้ต้องหาที่2 ร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดและพาทรัพย์นั้นไป,มียาเสพติดให้โทษแระเภทที่ 2(ยาอี)ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย
พฤติการณ์ในการจับกุม เมื่อ (8 พ.ย. 57) เวลา 11.30น.เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุนรสิงห์ว่ามีคนร้าย 2 คนก่อเหตุชิงทรัพย์สร้อยคอสแตนเลสพร้อมพระ,สร้อยนาคพร้อมพระ โดยใช้อาวุธปืนคนร้ายใช้รถยนต์กระบะ4ประตูสีเทาไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนที่บริเวณเส้นทาง กระซ้าขาวม. 6 ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาครเมื่อได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงออกติดตามคนร้ายโดยทันทีและติดตามมาทันทีที่บริเวณหน้าเมรุในวัดช่องลมพบรถยนต์คันดั่งกล่าวลักษณะตรงตามรับแจ้ง จอดอยู่เจ้าพนักงานตำรวจจึงแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจขอตรวจค้นผลการตรวจค้นชาย 2 คนที่นั่งอยู่ในรถทราบชื่อภายหลังว่าชื่อนายวุฒิกร หรือต้อง เขตวันชัย(ผู้ต้องหาที่ 1)และนายวงศ์วริศ หรือเมฆ พิมพ์โคตร(ผู้ต้องหาที่ 2) สอบถามทั้ง 2 ให้การยอมรับว่าได้ร่วมกันก่อเหตุชิงทรัพย์มาก่อนหน้านี้จริง จึงตรวจค้นตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ผลการตรวจค้นตัวนายวุฒิกรฯพบ อาวุธปืนเหน็บอยู่ที่เอวด้านหน้าข้างขวามือโดยมีเครื่องกระสุนปืนบรรจุอยู่ในรังเพลิง 1นัดและในซองกระสุนปืนอีก 11นัดและพบยาบ้าจำนวน27เม็ดอยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านขวามือและพบเงินสดจำนวน 980 บาทที่กระเป๋ากางเกงด้านซ้ายมือ และผลการตรวจค้นตัวนายวงศ์วริศฯ พบสร้อยคอสีเงิน(สแตนเลส)พร้อมพระแขวนอยู่ที่คอนายวงศ์วริศฯและสร้อยนาคพร้อมพระอยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหน้าข้างขวาและพบยาอี1เม็ดกับเงินอีกจำนวน 660 บาทอยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหน้าข้างขวามือ  จึงได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป

183349 183347

วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

จับบ่อนไฮโล ต.หลักสาม อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร

เมื่อ 2 พ.ย.57 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ สนธิกำลัง ลาดตระเวนที่ อ.บ้านแพ้ว เพื่อตรวจสิ่งผิดกฏหมายและยาเสพติด ผลการปฏิบัติ:ได้พบการเล่นการพนันประเภทไฮโล ภายในบริเวณบ้านเลขที่ ๓๙ หมู่๖ ต.หลักสาม อ.บ้านแพ้ว จว.ส.ค. โดยมีผู้เล่นประมาณ ๑๐ คน จึงได้เข้าดำเนินการควบคุมตัวและยึดของกลางเ เงินสดจำนวน ๒,๐๒๘ บาท ลูกเต๋า ๑๔ ลูก จานเชิง ๓ ชุด โทรศัพท์มือถือ ๑ เครื่อง กระเป๋าหิ้ว ๑ ใบ กุญแจรถจยย. ๒ ดอก ผ้าปู ๑ ผืน พร้อมบัตรประชาชน ที่ตกอยู่ในวง 1 ใบ ไม่สามารถควบคุมตัวผู้เล่นได้ ทั้งนี้ของกลางที่ยึดได้ ได้ดำเนินการส่งมอบของกลางพร้อมทั้งลงบันทึกประจำวัน ณ สภ.บ้านแพ้วเรียบร้อยแล้ว

วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

“โครงการปลูกป่าชายเลน เพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเล”

3

ตามนโยบายของพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ให้จังหวัดชายทะเล ให้ความสำคัญกับการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง โดยการปลูกป่าชายเลน และสร้างแนวไม้ไผ่ป้องกันการกัดเซาะในสถานที่ที่เหมาะสม และได้มอบให้กรมโยธาธิการและผังเมืองประสานกับจังหวัดต่างๆ ดำเนินการให้บรรลุผล และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์จังหวัด/กลุ่มจังหวัด เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลนในบริเวณชายฝั่งทะเลอ่าวไทย และทะเลอันดามันเนื่องจากป่าชายเลน เป็นระบบนิเวศน์ที่มีความสำคัญ และมีประโยชน์มากมาย เช่น เป็นแนวป้องกันทางธรรมชาติ ที่ช่วยรักษาแนวชายฝั่งทะเลไม่ให้ถูกกัดเซาะโดยคลื่นลมและกระแสน้ำ

วันอาทิตย์ ที่ 2 พฤศจิกายน 2557 ปลัดกระทรวงมหาดไทย (นายวิบูลย์ สงวนพงศ์)และคณะได้เดินทางมายังที่ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 2 ตำบลโคกขาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อเป็นประธานในโครงการปลูกป่าชายเลน โดยมี การปลูกโกงกางใบใหญ่จำนวน 5,000 ต้น พื้นที่ 7ไร่ ซึ่งมีราษฎร นักเรียน กว่า 700 คน เข้าร่วมโครงการ และเป็นโครงการนำร่องที่จะมีแผนการปลูกในจังหวัดต่างๆ เพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเล ตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทยในกลุ่มโครงการ “เมืองสวย น้ำใส” (จาก 8 กลุ่มโครงการ) ซึ่งเป็นการสนองพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในการที่จะช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศป่าชายเลน ซึ่งเป็นป่าไม้ที่สำคัญประเภทหนึ่งของประเทศไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ร่วมกับจังหวัดสมุทรสาคร กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ เอกชน และประชาชนทุกหมู่เหล่า ได้ร่วมแรงร่วมใจ ขับเคลื่อนโครงการปลูกป่าในครั้งนี้ ให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติต่อไป

2 1