pearleus

วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2562

ตร.มหาชัย รวบ 2 สาวค้ายาไอซ์


สายตรวจมหาชัย ตั้งด่านจับสองสาว  ขณะนำยาไอซ์ไปส่ง..รับใบสั่งให้ไปหยิบของที่วางไว้ข้างเสาไฟฟ้าใกล้ ห้างสรรพสินค้าโลตัส มหาชัย ซ.เทศบาล 8 ก่อนขับรถไปรับเพื่อนในซอย ร้านทำป้าย ริมถนนคู่ขนานพระราม 2 นำยาเสพติดไปวางตามคำสั่งใกล้ร้านสะดวกซื้อ คลองครุ ท่าทราย ระหว่างทางเจอด่านตำรวจสายตรวจ(ก้าวสกัดจับ) พบพิรุธเรียกจอดขอตรวจแต่รถคันดังกล่าวพยายามหลบหนี ตรวจพบยาไอซ์ ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าถือ ระหว่างค้นเจ้าหน้าที่เห็นผู้ต้องหาได้นำยาบางส่วนโยนทิ้งก่อนคุมตัวมาสอบ ทั้งสองเปิดปากรับสารภาพว่าเสพยา และมีคนที่อ้างว่าไม่รู้จักโทรมาปลายเรียกว่า "พี่" ให้ช่วยนำงานไปวาง เมื่อตรวจสอบโทรศัพท์พบว่าเบอร์ที่ใช้ติดต่อถูกลบทิ้งไม่พบข้อมูล ส่วนคนที่โทรเข้ามาสั่งงานปิดเครื่อง ติดต่อไม่ได้จากคำพูดของต้องหาทั้งสองทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ปักใจเชื่อเพราะพูดจาวกวน..
.เมื่อเวลา 03.15 น.วันที่ 29 มีนาคม 2562 เจ้าหน้าที่ตำรวจ  สภ.เมืองสมุทรสาคร ภายใต้การการควบคุมของ พ.ต.อ.จิระวุฒิ ตัณฑศรี ผกก.พ.ต.ท.เสรีฐกาญจน์ จันทร์ด้วง รอง ผกก.ป.พ.ต.ต.สุขุม เพาะไธสง สวป.ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.กฤษดา พูลมาก รอง สวป.พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจรถจักรยานยนต์ ขุดที่ 4 นำกำลังตั้งจุดตรวจ "ก้าวสกัดจับ" เพื่อป้องกันตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมาย บริเวณค่ายลูกเสือ  ถ.เศรษฐกิจ 1 ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร พบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ มิชซูบิชิ  วิ่งผ่านมาด้วยท่าทางมีพิรุธจึงเรียกขอตรวจค้นเป็นหญิงสาวสองคนทราบชื่อภายหลัง
คนขับคือ นางสาว สุนันท์ หรือเป๊ะ แซ่อึ้ง อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1300/101 ถ.เอกชัย ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร   และ นางสาว เพ็ญพิสุทธิ์ หรือนะ ศรีรังกรณ์ อายุ 27 อยู่บ้านเลขที่ 44/1 หมู่ 2 ต.ทุ่งระยะ อ.สวี จ.ชุมพร  นั่งด้านหน้าก่อน เชิญตัวออกจากรถแสดงความบริสุทธิ์ใจขอตรวจค้นพบว่าทั้งสองมีอาการเป็นพิรุธพบยาเสพติดให้โทษ (ยาไอซ์) อยู่ในถุงพลาสติกใส่แบบซิปกระเป๋าถือใส่เครื่องสำอางค์ ระหว่างกำลังตรวจค้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นว่า 1 ใน 2 โยนกระเป๋าใส่สตางค์ สีแดง ทิ้งลงพื้นจึงได้หยิบขึ้นมาเปิดดูพบยาไอซ์ อยู่ภายในแบ่งบรรจุ 5 ถุงเมื่อนำมาชั่งรวมกันมีน้ำหนัก  8.68 กรัม และตรวจยึดรถยนต์เก๋ง มิชูซูบิชิ สีดำ คัน โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง  กระเป๋าถือ 1ใบ กระเป๋าผ้า สีดำ 1 ใบ และกระเป๋าสตางค์ สีแดง 1 ใบ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา นางสาว สุนันท์ หรือเป๊ะ แซ่อึ้งและนางสาว เพ็ญพิสุทธิ์ หรือนะ ศรีรังกรณ์ ว่ามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ไว้ในความครอบเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย คุมตัวส่ง พ.ต.ท.ประวิทย์ นันจันที สารวัตเวร สภ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อดำเนินคดี.









รมว.ท่องเที่ยว ฯ มอบนโยบายสมาชิกสมาคมสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย


เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2562 เวลา 15.30 น. นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ (รมว.กก.) เป็นประธานมอบนโยบายการทำงานร่วมกับชุมชนให้กับสมาชิกสมาคมสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (TFOPTA) และแนะนำคณะทำงานโครงการการพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดการท่องเที่ยวโดยชุมชนอย่างยั่งยืน ณ โรงแรมเดอะพาลาสโซ ชั้น 5 กรุงเทพฯ






ผู้ว่าสมคิด ฯ มอบรางวัลข้าราชการดีเด่นจ.สมุทรสาคร


เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2562 เวลา 09.00 น. ที่ลานสาครบุรี ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานในพิธีวันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า ประจำปี 2562 โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ข้าราชการพลเรือน ตุลาการ อัยการ ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัด ภาคเอกชน และประชาชน ร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ในการนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้เป็นประธานในพิธีอ่านพระราโชวาทของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันข้าราชกพลเรือน พร้อมอ่านสารของนายกรัฐมนตรี
จบแล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครมอบประกาศเกียรติคุณให้แก่ข้าราชกพลเรือนดีเด่น ระดับจังหวัด จำนวน 7 ราย ได้แก่ นางศศิญารัชต์ นันทไพบูลย์ พยาบาลวิชาชีพชํานาญการ, นายอุดม สมพร้อม ผู้อํานวยการโรงเรียนพันท้ายนรสิงห์, นายสมชาย สุเทศ นักวิชาการพัฒนาชุมชนชํานาญการ, นางรัตนา หนูเพชร นักวิชาการอบรมและฝึกอาชีพชํานาญการ นายสมหมาย ฮะวังจู นายช่างโยธาชํานาญงาน นางสาวนันทนา จามจุรีย์ ครู คศ.1 และ นางราตรี กลิ่นฉุน หัวหน้าพนักงานประกอบอาหาร โรงพยาบาลสมุทรสาคร















วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2562

พส. เตรียมจัดกิจกรรม Happy Kid in Summer 2019 ภายใต้ โครงการพัฒนา เพื่อการแบ่งปันที่ยิ่งใหญ่ Shift and share

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่  28 มีนาคม 2562 เวลา 13.30 น. ณ บริเวณโถงกลาง ชั้น 1 กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการนางนภา เศรษฐกร อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ร่วมแถลงข่าวการขับเคลื่อนภารกิจกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในประเด็นค่ายกิจกรรม HAPPY KIDS in SUMMER 2019 ภายใต้ โครงการพัฒนา เพื่อการแบ่งปันที่ยิ่งใหญ่ Shift and share







นางนภา กล่าวว่า กิจกรรม HAPPY KIDS in SUMMER 2019 เป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้ โครงการพัฒนาเพื่อการแบ่งปันที่ยิ่งใหญ่ Shift and share ที่จัดขึ้นในช่วงปิดภาคเรียน เพื่อส่งเสริมความรู้ เน้นกระบวนการคิดสร้างสรรค์ที่มีประโยชน์ต่อสังคม และปลูกฝัง “จิตอาสา” ให้แก่เด็กและเยาวชน เพื่อสร้างประโยชน์สุขกับตนเอง ครอบครัว ชุมชน  ซึ่งปัจจุบันดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 30 เมษายน 2562  ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กอายุ 5 – 15 ปี จำนวน 70 คน การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เน้นกระบวนการพัฒนาเด็กอายุระหว่าง 5 – 15 ปี

โดยใช้หลักสูตรการเรียนรู้ 3R 8C มาพัฒนาคุณลักษณะเด็กไทยในศตวรรษที่ 21 3R ประกอบด้วย Reading อ่านออก W[R]iting เขียนได้ A[R]ithmetic การคำนวณ และ 8C ประกอบด้วย C1: Critical Thinking and Problem Solving การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และแก้ไขปัญหาได้ C2: Creativity and Innovation คิดอย่างสร้างสรรค์ คิดเชิงนวัตกรรม C3: Collaboration Teamwork and Leadership ความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นา C4 : Communication Information and Media Literacy ทักษะในการสื่อสาร และการรู้เท่าทันสื่อ C5: Cross-cultural Understanding ความเข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรม C6: Computing and ICT Literacy ทักษะการรู้เท่าทันเทคโนโลยี C7 : Career and Learning Skills ทักษะทางอาชีพ และการเรียนรู้ และ C8 : Compassion      มีคุณธรรม มีเมตตา กรุณา มีระเบียบวินัย

กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ คาดหวังให้การจัดโครงการในครั้งนี้ เป็นการพัฒนาเด็กและเยาวชนให้ได้รับการพัฒนาทักษะวิชาการ ทักษะสังคม ทักษะชีวิต มีพฤติกรรมเชิงบวก มีจิตอาสาสามารถทำประโยชน์ให้แก่ตนเอง ครอบครัว ชุมชนได้ สามารถปรับตัวและเข้ากับสังคม ใช้เวลาว่างในช่วงปิดภาคเรียนให้เกิดประโยชน์คุ้มค่า และมุ่งมั่นที่จะพัฒนาองค์กรเพื่อเป็นต้นแบบการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์พัฒนาเด็กและเยาวชนด้านจิตอาสาต่อไป นางนภา กล่าวในตอนท้าย

สค. ร่วมกับมูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม จัดงาน “เครือข่ายวิชาการครอบครัวศึกษา” ครั้งที่ 1

เผย ร่าง พรบ. ส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัว พ.ศ. .... อุดช่องว่างที่เป็นอุปสรรคในการปฏิบัติตามกฎหมายฉบับเดิม ช่วยเจ้าหน้าที่ทำงานสะดวกและรวดเร็วขึ้น ผู้ถูกกระทำความรุนแรงได้รับความคุ้มครองและช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ส่วนผู้กระทำความรุนแรงมีบทลงโทษทางอาญา และมีมาตรการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 มี.ค.62  เวลา 09.30 น. ณ โรงแรมปรินซ์ตัน ปาร์ค สวีท ดินแดง กรุงเทพ นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ได้นำเสนอร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัว พ.ศ. .... ในการประชุมเวทีวิชาการ “เครือข่ายวิชาการครอบครัวศึกษา” ครั้งที่ 1 ซึ่งจัดขึ้นโดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับมูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม และเครือข่าย โดยการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

โดยอธิบดี สค. ได้กล่าวถึง เจตนารมณ์ในการตรา ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองครอบครัวฉบับใหม่นี้ โดยต้องการจะปิดช่องว่างของ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 โดยพรบ.ฉบับใหม่ ได้ยกเลิกความผิดฐานกระทำความรุนแรงในครอบครัวที่สามารถยอมความได้ แต่ให้มาใช้เป็นคดีอาญาและดำเนินการควบคู่ไปกับการคุ้มครองและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งจะทำให้ผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัวเกิดความเกรงกลัวและยับยั้งไม่กระทำผิดซ้ำ เพื่อให้การป้องกันและ
แก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ยังมีข้อดีและให้ประโยชน์แก่ประชาชนได้มากกว่า พรบ.ฉบับเดิม เช่นการกระทำความรุนแรงในครอบครัวถือเป็นความผิดทางอาญา และผู้ที่กระทำความรุนแรงในครอบครัว ต้องรับผิดทั้งทางอาญา และเข้ารับการคุ้มครองสวัสดิภาพ เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม “เป็นการทำผิดครั้งเดียวรับผิดสองทาง” ซึ่งจะทำให้ผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัวเกิดความเกรงกลัวและยับยั้งไม่กระทำผิดซ้ำ และมีกลไกการดำเนินงานครอบคลุมทุกภาคส่วน ทั้ง 3 ระดับ ได้แก่ระดับชาติ ระดับจังหวัดและระดับท้องถิ่น และกำหนดให้ผู้ใดพบเห็นหรือทราบการกระทำ ให้แจ้งต่อหนักงานเจ้าหน้าที่ตามที่ร่าง พ.ร.บ. นี้กำหนด ทำให้ตำรวจหรือพนักงานเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือและคุ้มครองสวัสดิภาพได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้ผู้เสียหายร้องทุกข์ และผู้ที่กระทำความรุนแรงทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถกล่าวโทษเป็นคดีอาญาได้ทันที และให้ผู้กระทำความรุนแรงสามารถเข้ารับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งหากฝ่าฝืนคำสั่ง ศาลเยาวชนและครอบครัวสามารถสั่งขังได้ ซึ่งใน พรบ.ฉบับไม่ได้มีกำหนดไว้สิ่งสำคัญเมื่อ พรบ.ฉบับใหม่นี้ประกาศใช้อย่างเป็นทางการแล้ว เครือข่ายทุกภาคส่วน กลไกการดำเนินงานในทุกระดับต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปด้วยความถูกต้องและเข้มแข็ง และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน

RISE จัด “Corporate Innovation Summit 2019” ครั้งแรกสุดยิ่งใหญ่ ดึงนวัตกรระดับโลกเข้าร่วมแชร์มุมมอง นวัตกรรมองค์กร


Regional Corporate Innovation Accelerator สถาบันเร่งสปีดนวัตกรรมองค์กร ระดับภูมิภาค ร่วมมือกับเหล่าบริษัทยักษ์ใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และหน่วยงานภาครัฐ เปิดงาน “Corporate Innovation Summit 2019” งานสัมมนารูปแบบใหม่ครั้งแรกในเอเชียที่เน้นการลงมือทดลองปฏิบัติจริง เพื่อให้สามารถนำเอาทั้ง Mindset, Skill set และ Toolset กลับไปใช้ในองค์กรได้ทันที ตั้งเป้าช่วยขับเคลื่อนให้จีดีพีของประเทศเติบโต 1 %   โดยภายในงานมี CEO ระดับโลก ผู้บริหารองค์กรขนาดใหญ่ทั่วเอเชียกว่า 2,000 คน จาก 35 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วมงาน ระหว่างวันที่ 28-29 มีนาคม 2562  ณ เซ็นทาราแกรนด์แอนด์บางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ แอท เซ็นทรัล เวิลด์


นายแพทย์ศุภชัย ปาจริยานนท์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RISE – Regional Corporate Innovation Accelerator กล่าวในงาน Corporate Innovation Summit 2019 ว่า นวัตกรรมองค์กรจะเกิดขึ้นได้นั้น บุคคลที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญก็คือผู้นำองค์กร ผู้บริหารที่นั่งอยู่หัวโต๊ะในที่ประชุม ซึ่ง Mindset สามอย่างที่ผู้บริหารในยุคนี้ต้องมี คือ หนึ่ง Speed over Scale องค์กรยุคนี้ต้องเน้นความเร็วมากกว่าขนาด เหมือนที่เขาบอกกันว่า ไม่ใช่ยุคของปลาใหญ่กินปลาเล็กอีกต่อไป แต่ยุคของปลาเร็วกินปลาช้า ซึ่งองค์กรขนาดใหญ่ส่วนใหญ่มักจะช้าในการสร้างนวัตกรรม แต่ความจริงของทุกวันนี้คือ วันหนึ่งปลาเร็วจะตัวใหญ่ขึ้น และมาทดแทนปลาใหญ่ที่ช้า คำถามคือทำอย่างไรให้องค์กรใหญ่และหน่วยงานภาครัฐเป็นปลาใหญ่ที่เร็วด้วย ผ่านการสร้างนวัตกรรมองค์กร สอง Risk over Safety ในยุคนี้ ความเสี่ยงควรมองว่าเป็นโอกาส เพราะนวัตกรรมในยุคนี้สามารถสร้างได้ในต้นทุนที่ต่ำลงกว่าแต่ก่อนมาก เนื่องจากเทคโนโลยีมีการพัฒนามากขึ้นและมีต้นทุนที่ถูกลง และสุดท้าย Practice over Theory เน้นภาคปฏิบัติมากกว่าภาคทฤษฎี เพราะทฤษฎีหรือประสบการณ์ที่องค์กรเคยมีหรือใช้มานานอาจจะไม่ได้เหมาะกับโลกในยุคใหม่ที่มีองค์ความรู้หรือวิธีปฏิบัติใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลาอีกต่อไป ดังนั้นองค์กรควรลงมือทำให้ไวขึ้น เพื่อเรียนรู้จากการลงมือทำให้ได้เร็วที่สุด




ดังนั้น Corporate Innovation Summit 2019 – Asia’s First Experiential Conference งานสัมมนาด้านนวัตกรรมองค์กรระดับภูมิภาคเอเชีย ในครั้งนี้จะเป็นที่ที่ผู้บริหารและคนในองค์กรทุกท่านได้เปลี่ยน Mindset และเรียนรู้ Skill Set และ Toolset ใหม่ ๆ ผ่านการลงมือทำจริง เพื่อจะนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากงาน Corporate Innovation Summit 2019 ในครั้งนี้ มาสร้างและพัฒนานวัตกรรมที่ขับเคลื่อนองค์กร

ขณะนี้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับความคาดหวังว่าจะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก พร้อมทั้งการขยายโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ๆ ซึ่งจะเป็นขุมทองแหล่งใหม่ของโลก และประเทศไทยคือเป้าหมายในการเป็น “Corporate Innovation Hub” ของการลงทุน และการพัฒนานวัตกรรมองค์กรได้อย่างแท้จริง โดยมีองค์กรธุรกิจและหน่วยงานภาครัฐคอยขับเคลื่อนในลักษณะทำงานร่วมกันเพื่อเร่งสปีดความเติบโตของนวัตกรในองค์กร เช่นเดียวกับการจัดงาน “Corporate Innovation Summit 2019” ครั้งนี้ ซึ่งจะเกิดขึ้นไม่ได้หากผู้เข้าร่วมงานไม่ได้ลงมือทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง

“ผมไม่เชื่อว่า Disruption จะเหมาะกับภูมิภาคนี้ แต่ผมเชื่อว่า Collaboration หรือความร่วมมือ การผนึกกำลังร่วมกัน ทั้งคอร์ปอเรท และสตาร์ทอัพที่จะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมขึ้นเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับภูมิภาค เพื่อเป็นศูนย์นวัตกรรมองค์กรระดับโลก” นายแพทย์ศุภชัย กล่าวทิ้งท้าย

ผบก.ปอศ. แถลงผลทลายเครือข่ายลักลอบผลิต-จำหน่ายหมึกปลอม เสียหาย 6 ล้าน



เมื่อเวลา 13.45 น. วันที่ 29 มี.ค. ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด  ผบก.ปอศ. พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมพล อิสสระเสรี รองผบก.ปอศ. พ.ต.อ.พิทักษ์ สุทธิกุล  ผกก.4 บก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ปอศ. ร่วมกันแถลงการทลายเครือข่ายลักลอบผลิตและจำหน่ายหมึกปลอมเครื่องหมายการค้าหลายยี่ห้อ อยู่ในย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี พร้อมยึดของกลาง ตลับหมึกปลอมเครื่องหมายการค้า ยี่ห้อ เอชพี แคนนอน บราเธอร์ ซัมซุง พร้อมด้วยอุปกรณ์การผลิต กล่อง ถุงบรรจุภัณฑ์ สติ๊กเกอร์เรืองแสงทั้งที่ปลอม และที่ตัดจากกล่องสินค้าของแท้ และของกลางอื่น ๆ รวมจำนวนกว่า 37,600 ชิ้น  มูลค่าความเสียหายกว่า  6 ล้านบาท

พล.ต.ต.ไมตรี  กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ปอศ.ได้รับแจ้งจาก นายทรงกรด  ชูศรี ตัวแทนจาก ผู้กล่าวหา  รับมอบอำนาจจาก  เอชพี  ฮิลเล็ตต์  แพ็คการ์ด  กรุ๊ป  แอลแอลซี  ผู้เสียหาย ว่า มีผู้จับกุมผู้ลักลอบผลิตและจำหน่ายหมึกพิมพ์ปลอมเครื่องหมายการค้าหลายยี่ห้อ ในพื้นที่บางบัวทอง จ.นนทบุรี จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ 4 บก.ปอศ. สายลับ ดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ตั้งแต่เดือนมกราคม 2562 เรื่อยมาจนกระทั่งสามารถขอหมายค้นจากศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ เข้าตรวจค้นสถานที่ในเครือข่ายดังกล่าวได้จำนวน  7 แห่ง ซึ่งเป็นบ้านพัก ในต.พิมลราช,ต.พิมลราช,ตบางคูรัด  ทั้งหมดอยู่ในอ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ภายหลังการตรวจค้นเจ้าหน้าที่สามารถยึดของกลางได้ดังกล่าว

ผบก.ปอศ. กล่าวอีกว่า ของกลางทั้งหมดมีแหล่งผลิตในพื้นที่บางบัวทอง จ.นนทบุรี แต่นำเข้าผงหมึกมาจากต่างประเทศ เช่น ประเทศจีน โดยรับซื้อหลอดหมึกที่ใช้แล้วจากร้านขายของเก่า เอาหมึกมาเติมบรรจุเข้าไปใหม่ เป็นสินค้าที่ปลอมทั้งหมด ส่วนราคาต่างกันแค่หลักร้อย ขายผ่านโซเชียล จากการตรวจค้นเมื่อวานนี้7เครือข่าย พบคนเฝ้าสินค้า3คน ตำรวจกันไว้เป็นพยาน หลังจากนี้จะมีการสืบสวนขยายผลถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด สำหรับประชาที่ซื้อสามารถตรวจสอบได้จากช่องทางจัดจำหน่าย โดยลักษะเครื่องหมายการค้าจะแตกต่างกันพอสมควร ทั้งการบรรจุภัณฑ์

อย่างไรก็ตามทางบก.ปอศ. ขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนผู้บริโภคทราบว่า  ไม่ควรซื้อหรือให้การสนับสนุนสินค้าที่ละเมิดเครื่องหมายการค้าหรือละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะอาจได้สินค้าที่ไม่มีคุณภาพและอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ อีกทั้งยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ประเทศไทยถูกกีดกันทางการค้าในเวทีการค้าโลก อันจะทำให้เกิดความเสียหายต่อภาคเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของประเทศไทย







สมุทรสาครกำหนดจัดพิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์


สมุทรสาครกำหนดจัดพิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์
เมื่อวันศุกร์ที่ 29 มีนาคม 2562 เวลา 9:30 น. นายสมคิด จันทมฤก  ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานการประชุมการจัดเตรียมแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์และสถานที่ประกอบพิธีทำน้ำอภิเษกของจังหวัด
                ทั้งนี้จังหวัดสมุทรสาคร ได้จัดเตรียมแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์และสถานที่ประกอบพิธีทำน้ำอภิเษกของจังหวัด โดยจัดพิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธ์ ในวันเสาร์ ที่ 6 เมษายน พุทธศักราช 2562 ณ วัดหลักสี่ราษฏร์สโมสร ตำบลยกกระบัตร อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร และในวันจันทร์ที่ 8 เมษายน 2562 จัดพิธีทำน้ำอภิเษก ณ วัดเจษฎาราม พระอารามหลวง  ส่วนวันอังคารที่ 9 เมษายน 2562 ทำพิธีเวียนเทียนสมโภชน้ำอภิเษก ณ วัดเจษฎาราม พระอารามหลวง และในวันพุธที่ 10 เม.ย. 2562 ทำพิธีเชิญคนโทน้ำอภิเษกมาเก็บไว้ที่กระทรวงมหาดไทย ณ วัดเจษฎาราม พระอารามหลวง