pearleus

วันพุธที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

จัดเสวนา “ร้อยรวมใจเพื่อใต้สันติสุข” สร้างเครือข่ายความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

วันที่  27  พฤษภาคม  2556  นายนรกิจ  ศรัทธา สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม  ได้กล่าวเปิดกิจกรรมการเสวนา  “ร้อยรวมใจเพื่อใต้สันติสุข”  เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจและความเชื่อมั่นให้กับประชาชนทุกเชื้อชาติ  ศาสนา  ให้มีความรักความสามัคคี  และสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข  อีกทั้งนำหลักคำสอนทางศาสนาพุทธและศาสนาอิสลามที่ถูกต้อง  ไปใช้ในการดำรงชีวิต  เพื่อความสันติสุขในสังคม  ตลอดจนสร้างและพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้  โดยมีผู้เข้าร่วมรับฟังการเสวนาฯ  ประกอบด้วย  สื่อมวลชน  อาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้านและชุมชน  และนิสิต-นักศึกษา  กว่า  30  คน  นอกจากนี้ได้มีการถ่ายทอดเสียงและภาพทางสถานีวิทยุกระจายสียงเครือข่ายสมาคมวิชาชีพวิทยุโทรทัศน์ภาคตะวันตก  และทางเว็บไซต์ออนไลน์นิวส์  เพื่อให้ประชาชนในจังหวัดนครปฐมและประชาชนทั่วไปได้รับฟังและรับชมอีกด้วย นายนรกิจ  ศรัทธา  ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม  กล่าวว่า  จากปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี  2547  เป็นต้นมา ภาครัฐและภาคส่วนต่างๆ  ในสังคมได้มีความพยายามดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง  ทำให้สถานการณ์และปัญหาความรุนแรงได้รับการแก้ไขระดับหนึ่ง  แต่สถานการณ์ความรุนแรงก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น  สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม  ในฐานะเป็นหน่วยงานประชาสัมพันธ์ภาครัฐ  จึงได้กำหนดจัดเสวนา ร้อยรวมใจเพื่อใต้สันติสุข ขึ้น  โดยได้รับเกียรติจากอาจารย์ญาณภัทร  ยอดแก้ว  ผู้ช่วยคณบดี  คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์  มหาวิทยาลัยราชภัฎนครปฐม  ร่วมเวทีเสวนาในเรื่องของหลักปฏิบัติและหน้าที่ของชาวพุทธ  และนายบัณฑิต  จงกลบาน  ผู้แทนจากมัสยิดปากีสตานจังหวัดนครปฐม  ร่วมเวทีเสวนาในเรื่องของหลักปฏิบัติและหน้าที่ของชาวมุสลิม   ซึ่งผู้ร่วมเสวนาได้กล่าวถึงการนับถือศาสนา  ทุกศาสนามีหลักคำสอนและมีหลักในการประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นคนดี  ไม่ว่านับถือศาสนาใด  ก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข  

ปั้มน้ำมันเถื่อน...กร่าง คุยโว้ไม่กลัวใคร

ตำรวจชุดปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง เข้าจับกุมพ่อค้าหัวใสที่ลักลอบกักเก็บน้ำมันเตาหนีภาษีเกือบแสนลิตรไว้ใต้ดินอย่างมิดชิด

                เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. ของวันที่ 23 พฤษภาคม 2556 พ.ต.ท.พัฒนา ปรีชานันท์ รองผู้กำกับการสืบสวน กองบังคับการนครบาล 8 หัวหน้าชุดปฎิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง ส่วนกลางที่ 12 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเกือบ 10 นาย ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรสาครที่ ค 246 / 2556 เข้าตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 50 หมู่ที่ 7 ตำบลหลักสาม อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นบ้านที่ได้รับรายงานจากสาย ว่ามีการลักลอบเก็บน้ำมันเตาหนีภาษีไว้เป็นจำนวนมาก โดยลักษณะของบ้านที่เข้าตรวจค้น ถูกสร้างอย่างแน่นหนา มีกำแพงปูนล้อมรอบ และมีประตูเหล็กเปิดทางเข้าออกอย่างดี ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นนั้นพบว่านอกจากจะมีถังที่ใช้สำหรับเก็บน้ำมันเตาเกินกว่าที่ได้รับอนุญาตแล้ว ที่ใต้พื้นดินของโรงเก็บน้ำมันดังกล่าว ยังถูกขุดเจาะไว้สำหรับเป็นที่ลักลอบเก็บน้ำมันเตาจำนวนเกือบ 1 แสนลิตรอีกด้วย โดยขุดเป็นบ่อมีฝาปิดแล้วเอาปูนมาก่อทับไว้อีกชั้น จากนั้นก็เอาเศษเหล็กมากองถมทับไว้อีกเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจและบุคคลภายนอก ซึ่งจากการเข้าตรวจในครั้งนี้พบน้ำมันเตาหนีภาษีที่ถูกลักลอบเก็บน้ำมันเตาจำนวนเกือบ 1 แสนลิตรอีกด้วย โดยขุดเป็นบ่อมีฝาปิดแล้วเอาปูนมาก่อทับไว้อีกชั้น จากนั้นก็เอาเศษเหล็กมากองถมทับไว้อีกเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจและบุคคลภายนอก ซึ่งจากการเข้าตรวจในครั้งนี้พบน้ำมันเตาหนีภาษีที่ถูกลักลอบนำมาเก็บไว้ทั้งข้างบนและใต้ดินรวมกันเป็นปริมาณถึง 129,000 ลิตร ซึ่งขณะที่ผู้สื่อข่าวเข้าไปบันทึกภาพเหตุการณ์ภายในนั้น ก็ถูก
เจ้าของบ้านออกมาขับไล่และบอกว่าไม่อนุญาตให้นักข่าวเข้ามาบันทึกภาพภายใน พร้อมกันนี้ยังได้ใช้กล้องโทรศัพท์มือถือถ่ายภาพนักข่าวรายหนึ่งไว้ด้วยด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเปิดเผยว่า การเข้าตรวจในครั้งนี้ เนื่องจากได้รับแจ้งจากสายว่าที่บ้านหลังนี้มีการลักลอบเก็บน้ำมันเตาหนีภาษี ที่รับมาจากเรือเดินทะเลไว้เป็นจำนวนมาก โดยจะนำมาลักลอบเก็บไว้ ก่อนที่จะนำไปขายต่อให้กับโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ในจังหวัดสมุทรสาครและพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อประมาณปลายเดือนธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา บ้านหลังนี้ก็เคยถูกจับกุมไปแล้วครั้งหนึ่งในลักษณะเดียวกันคือ ลักลอบเก็บน้ำมันเตาหนีภาษีแต่คราวนั้นยังไม่มีการขุดบ่อใต้ดิน ทั้งนี้เบื้องต้นก็ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ครอบครองว่า มีน้ำมันเตาและสิ่งอื่นๆ ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติ ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527 มาตรา 161(1)(2) มาตรา 162(1)(2) ซึ่งมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยผิดกฎหมาย หรือได้ใช้ หรือตั้งใจจะใช้ในการกระทำความผิด นอกจากนี้ยังมีความผิดตาม พระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิงที่กักเก็บโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกด้วย

วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ตำรวจภูธรภาค 4 รวบอีก 1 มือปืนยิงปลัด อบจ.ขอนแก่น


เจ้าตัวยังคงให้การปฏิเสธ ตำรวจคาดปมชู้สาว แก้แค้นแทนเจ้านาย พร้อมสั่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนมารับผิดชอบคดีนี้แล้ว โดยนายประพันธ์ ศรีพิลัย หรือขวัญ  อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาคดีร่วมกันยิง นายสุชาติ โคตรทุม ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น เสียชีวิตที่หน้าบ้านพักในจังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา ถูกตำรวจภูธรภาค จับกุมได้ภายในบ้านเช่าแห่งหนึ่ง ในอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และนำตัวมาแถลงข่าวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากการสอบสวน เบื้องต้นนายประพันธ์ ยังให้การปฏิเสธ แต่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ โดยระบุว่า นอกจากพันตำรวจโทสมจิตร และนายประพันธ์ ที่ร่วมกันยิงนายสุชาติ แล้วยังมีผู้ที่ร่วมกระทำผิดและยังหลบหนีอีก 1 คน ซึ่งขณะนี้ตำรวจทราบชื่อและข้อมูลเบื้องต้นแล้ว และอยู่ระหว่างการติดตามจับกุม ส่วนสาเหตุของการร่วมกันก่อเหตุ นายประพันธ์ อ้างว่า พ.ต.ท.สมจิตร ซึ่งรู้จักกันมาประมาณ 4-5 ปีเป็นผู้ชักชวนให้ไปก่อเหตุ โดยอ้างว่าแก้แค้นแทน "นาย" ที่มีปัญหากับผู้ตายเรื่องชู้สาว ขณะที่พลตำรวจเอกปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ขณะนี้ให้ตำรวจขยายผลว่า มีสาเหตุการสังหารนอกเหนือจากเรื่องส่วนตัวอีกหรือไม่ และให้กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 4 ตั้งคณะพนักงานสอบสวนมารับผิดชอบคดีแล้ว มั่นใจว่าการจับกุมครั้งนี้ จะเป็นอีกเบาะแสสำคัญในการขยายผล อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ตำรวจได้ควบคุมตัว ดาบตำรวจวีระศักดิ์ ชำนาญพล ผู้บังคับหมู่ป้องกันและปราบปราม สถานีตำรวจภูธรหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่พันตำรวจโทสมจิตร แก้วพรม รอง ผู้กำกับการป้องกันและปราบปราม สถานีตำรวจภูธรหนองเรือ ที่ถูกให้การซัดทอดว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ได้ติดต่อมอบตัวสู้คดีไปแล้ว

ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง แด่พระสงฆ์ 986 รูป


24 พฤษภาคม 56 นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง แด่พระสงฆ์ 986 รูป เนื่องในวันวิสาขบูชา วันสำคัญของโลก ประจำปี 2556 ณ พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม โดยมีนายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วยนางสว่างศรี วงษ์ชัยชนะ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา ประชาชนชาวจังหวัดนครปฐมและกรุงเทพมหานคร ร่วมกิจกรรมดังกล่าวเป็นจำนวนมาก เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ และถวายเป็นพระกุศล แด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และเป็นวันสำคัญของโลก ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน จึงนับเป็นวันที่มีความสำคัญและมีความอัศจรรย์ พุทธศาสนิกชนทั่วโลก จึงถือเอาวันนี้ เป็นวันประกอบกุศลพิธี รำลึก บูชา พระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงตรัสรู้ และทรงเผยแผ่หลักธรรม อนุเคราะห์ เกื้อกูลแก่ชาวโลก เพื่อให้เกิดสันติภาพ และสันติสุข แก่มวลมนุษยชาติอย่างยั่งยืน
สำหรับการจัดกิจกรรมเนื่องในวันวิสาขบูชา ณ บริเวณพุทธมณฑล   ได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 – 24พฤษภาคม 2556 ประกอบด้วย พิธีเจริญพระพุทธมนต์ของพระสงฆ์ไทยและพระสงฆ์นานาชาติ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ และถวายเป็นพระกุศล แด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก การปฏิบัติของพระสงฆ์และฆราวาส การแข่งขันสวดมนต์หมู่ทำนองสรภัญญะ การประกวดสุนทรพจน์ การประกวดมารยาทไทย การแสดงวัฒนธรรมไทยผ่านขบวนธรรมยาตรา การแสดงนิทรรศการทางพระพุทธศาสนา การทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน การแสดงพระธรรมเทศนา และการเวียนเทียนประทักษิณรอบพระประทานพุทธมณฑล ซึ่งมีพุทธศาสนิกชนจากทั่วทุกสารทิศ เดินทางมาร่วมกิจกรรมตลอดทั้งวัน

จังหวัดนครปฐมจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และเวียนเทียนรอบองค์พระปฐมเจดีย์ เนื่องในวันวิสาขบูชา ประจำปี 2556


วันที่  24  พฤษภาคม  2556  นายวันชาติ  วงษ์ชัยชนะ  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม  พร้อมด้วยนางสว่างศรี  วงษ์ชัยชนะ  นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม  รองผู้ว่าราชการจังหวัด  หัวหน้าส่วนราชการ  ข้าราชการ  องค์กรภาคเอกชน  นักเรียน  นักศึกษา  และประชาชนชาวจังหวัดนครปฐม  ร่วมประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์  บำเพ็ญกุศล  ณ  บริเวณวิหารหลวง  วัดพระปฐมเจดีย์   ราชวรมหาวิหาร  อำเภอเมือง  จังหวัดนครปฐม  และเวียนเทียนประทักษิณรอบองค์พระปฐมเจดีย์  เนื่องในวันวิสาขบูชา  ประจำปี  2556  ซึ่งเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา  และเป็นวันสำคัญของโลก  ตรงกับวันขึ้น  15  ค่ำ  เดือน  6  เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงประสูติ  ตรัสรู้  และปรินิพพาน  จึงนับเป็นวันที่มีความสำคัญและมีความอัศจรรย์  พุทธศาสนิกชนทั่วโลก  จึงถือเอาวันนี้  เป็นวันประกอบกุศลพิธี  รำลึก  บูชา  พระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงตรัสรู้  และทรงเผยแผ่หลักธรรม  อนุเคราะห์  เกื้อกูลแก่ชาวโลก  เพื่อให้เกิดสันติภาพ  และสันติสุข  แก่มวลมนุษยชาติอย่างยั่งยืน  และในปีนี้  เป็นปีสัมพุทธชยันตี  2600  ปีแห่งการตรัสรู้อนุตรธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  จังหวัดนครปฐมได้ร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด  จัดกิจกรรมสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลวิสาขบูชา  ระหว่างวันที่  18  -  24  พฤษภาคม  2556  โดยการเชิญชวนข้าราชการ  นักเรียน  นักศึกษา  และประชาชน  ร่วมรักษาศีลให้บริสุทธิ์  เข้าวัดทำบุญ  ตักบาตร  ฟังเทศน์  เวียนเทียน  ปฏิบัติธรรม  ณ  วัดใกล้บ้าน  ตลอดจน  ลด  ละ  เลิก  อบายมุขทั้งปวง  และแต่งกายชุดขาว  นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการถวายผ้าป่าพุทธชยันตี  เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา  และรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงตรัสรู้  และทรงเผยแผ่หลักธรรม  อนุเคราะห์  เกื้อกูลแก่ชาวโลก  เพื่อให้เกิดสันติภาพ  และสันติสุข  แก่มวลมนุษยชาติอย่างยั่งยืน

วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

สมุทรสาคร..ตรวจอายัดสารตะกั่วจำนวนมาก


วันที่ 22 พฤษภาคม 2556 เวลา 13.00 น. พ.ต.ท.ศุภเสริฐ  ภู่ประเสริฐ สว.กก.5.บก.ปทส. ,พ.ต.ท.พิบูลย์ เวียงจันทร์ รอง ผกก.กก. 5 บก.ปทส. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านแพ้ว เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเทศบาลตำบลหลัก 5 ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสมุทรสาคร และเจ้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมสมุทรสาคร ได้นำหมายศาลจังหวัดสมุทรสาคร เลขที่ 236/2556 เข้าตรวจค้น บ้านไม่มีเลขที่ หมู่ 6 ต.โรงเข้ อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ซึ่งตั้งอยู่บริเวณบ่อดินเก่าเนื้อที่31ไร่ เบื้องต้นพบนายบุญสันต์ คำภูษา อายุ 42 รับเป็นผู้ดูแล ซึ่งคนงาน 3 คน

โดยอ้างบ้านหลังนี้ได้ประกอบกิจการคัดแยกของที่ไม่ใช้แล้วที่เป็นของเสียอันตราย จากการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่พบวัตถุต้องสงสัยวางกองอยู่โดยบรรจุอยู่ในถุงบิ๊กแบ๊ค และวางกองอยู่รอบๆพื้นที่ โดยบรรจุในถุงบิ๊คแบ๊คจำนวน 178 ลูก น้ำหนักจำนวน 178 ตัน และเตาหลอมตะกั่วจำนวน 2 เตา กระทะ 2 พร้อมด้วยแม่พิมพ์ 15 ชิ้น และซากแบตเตอรี่อีกจำนวนมาก ขณะตรวจสอบไม่มีการหลอม แต่พบนายบุญสันต์ อายุ 42 ปี กำลังนำกากตะกอนตะกั่วมาตากแดด เพื่อรอให้แห้งก่อนนำไปบรรจุถุงบิ๊กแบ๊ค
                จากการสอบถามนายบุญสันต์ ทราบว่านายจ้างคือ นางรัตนา ได้มีการจ้างคนงานมาตากกากตะกอนตะกั่ว โดยมีรถมาส่ง ซึ่งทำงานมาเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย โดยอุตสาหกรรมจังหวัดได้เก็บตัวอย่าง จำนวน 11 ถุง เพื่อนำไปพิสูจน์ เพื่อตรวจหาสารพิษ เนื่องจากว่ามีเตาหลวมตะกั่ว เส้นผ่าศูนย์กลาง 80 ซม. ใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิง จำนวน 2 เตา ซึ่งมีแรงม้าเปรียบเทียบ 5 แรงม้า
               เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร แจ้งว่าการดำเนินกิจการดังกล่าวเป็นโรงงานซึ่งผู้ประกอบกิจการต้องขออนุญาตตามมาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 ฐานร่วมกันประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต
ขณะที่เจ้าพนักงานได้เก็บตัวอย่างน้ำและดินเพื่อส่งไปยังศูนย์ที่จังหวัดราชบุรีเพื่อพิสูจน์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการอายัดของกลางทั้งหมดจนกว่าจะมีการตรวจพิสูจน์  ด้านชาวบ้านในพื้นที่ เผยว่า ได้มีการร้องเรียนไปยังหน่วยงานราชการ 2 ครั้งแล้วซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาตรวจสอบ

สรรพสามิตจับบุหรี่หนีภาษีมูลค่ากว่า 2 ล้าน


หลังเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 เทพสตรีและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามกรมสรรพสามิต ได้รับรายงานว่า จะมีเรือประมงเดินทางจากเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย แล่นผ่านหน้าเกาะ3 ต.ตันหยงโป อ.เมือง จ.สตูล ลักลอบขนบุหรี่ต่างประเทศที่ไม่ผ่านขั้นตอนการเสียภาษีเป็นจำนวนมากเข้ามาในประเทศไทย จึงร่วมกันวางแผนสนธิกำลังเข้าจับกุมได้ผู้ต้องหา 3 
คน ของกลางบุหรี่หนีภาษี 150 ลัง มูลค่ากว่า 2 ล้าน ปรับภาษีจะมีมูลค่าถึง 160 ล้าน  เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 56 นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต นายธรรมศักดิ์ ลออเอี่ยม รองอธืบดี  พ.อ.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ หน.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหาราบที่ 5 กกล.เทพสตรี ร.ท.นิพนธ์ พันธุ์นวล ผอ.สนง.สส.ภ.9 นายประยุทธ มณีโชติ ผอ.ศภ.4 นายธวิช บุญเอี่ยม นายศักดิ์สุขรัฐ เสนะวงศ์ หัวหน้าชุดป้องกันปราบปรามกรมสรรพสามิต ป.11และ ป.12 พร้อมกับพวกได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัว นายดาวุธ มิลังโหลด นายท้ายเรือ นายสะมะแอ มาซุรี และนายวีรวัฒน์ หมันยาหมีน พร้อมด้วยขอกลางเรือประมงชื่อ P.ADISAK ทำด้วยไม้ความยาว 15 เมตร ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ HINO .ขนาด 100 แรงม้า จำนวน 1 ลำ บุหรี่ต่างประเทศหนีภาษี JOHN BACLK จำนวน 74,000 ซอง ที่ไม่ผ่านขั้นตอนการเสีย
ภาษีสรรพมิต มูลค่า 2,250,000 บาท หลังบุคคลทั้ง 3 ได้รับการว่าจ้างจากนายทุนนำเรือไปบรรทุกมาจากเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย แล่นผ่านเข้ามาหน้าเกาะ 3 ต.ตันหยงโป อ.เมือง จ.สตูล โดยชุดปฎิบัติการ สรรพสามิต ศุลกากร ทหารราบที่5เทพสตรี ได้รับแจ้งจากสายจึงประชุมโดยการสนธิกำลังวางแผนจับกุมได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางบุหรี่ต่างประเทศหนีภาษีจำนวนมาก จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันมีไว้เพื่อขายยาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบ มีโทษปรับถึง 161 ล้านบาท แต่ทึ้ง 3 ไม่มีเงินเสียค่าปรับจึงตัวพร้อมของกลางส่ง สภ.สตูล เพื่อดำเนินการต่อไป.

โครงการบ้านกาชาดนครปฐมรวมใจ เพื่อผู้ยากไร้


นางสว่างศรี วงษ์ชัยชนะ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วยสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัด ปลัดอำเภอบางเลน กำนันตำบลบางไทรป่า ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมบ้านของนางแจ่ม นุชเจริญ อายุ 55 ปี ตั้งอยู่บริเวณกลางทุ่งนา เลขที่ 91 หมู่ 4 ตำบลบางไทรป่า อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม หลังจากที่ทางอำเภอบางเลนได้คัดเลือกให้นางแจ่ม ได้รับอนุมัติเงินช่วยเหลือในการสร้างบ้านหลังใหม่ ตามโครงการบ้านกาชาดนครปฐมรวมใจ เพื่อผู้ยากไร้ เนื่องจากบ้านของนางแจ่ม เป็นบ้านพื้นดินชั้นเดียว หลังคามุงด้วยสังกะสีและจาก ผนังบ้านกั้นด้วยไม้ สังกะสี และจาก ไม่มีประตูบ้าน และมีสภาพทรุดโทรม ประกอบกับนางแจ่ม เป็นคนขยันทำมาหากิน มีความอดทน และสู้ชีวิตมาโดยตลอด นางแจ่ม เล่าให้ฟังว่า ตนมีอาชีพรับจ้างทำนาและรับจ้างทั่วไป ปลูกบ้านอาศัยอยู่กับสามี ลูกชาย ลูกสะใภ้ และหลาน รวม 6 คน บริเวณกลางทุ่งนามากว่า 6 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้ได้อาศัยอยู่ภายในหมู่บ้าน ต่อมาเจ้าของที่ดินได้ขอให้ตนย้ายไปอยู่ที่อื่น จึงได้ย้ายมาปลูกบ้านบริเวณกลางทุ่งนา ซึ่งเป็นที่ดินของบิดา โดยนำชิ้นส่วนจากบ้านหลังเก่ามาปลูก เนื่องจากมีฐานะยากจน ไม่มีเงินซ่อมแซมบ้าน ทำให้บ้านมีสภาพทรุดโทรม เวลาฝนตกหลังคารั่วซึม และถูกพายุลมพัดเสียหาย การที่ได้รับเงินช่วยเหลือในการสร้างบ้านหลังใหม่ ตนรู้สึกปลาบปลื้มและดีใจมาก และขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ได้ช่วยเหลือตนและครอบครัวได้มีบ้านหลังใหม่ นางสว่างศรี วงษ์ชัยชนะ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม ได้มอบเงินช่วยเหลือให้กับนางแจ่มและครอบครัว จำนวน 2,000 บาท และมอบเครื่องอุปโภค บริโภค พร้อมกล่าวว่า โครงการบ้านกาชาดนครปฐมรวมใจ เพื่อผู้ยากไร้ เป็นโครงการช่วยเหลือราษฎรที่มีฐานะยากจน และได้รับความเดือดร้อนในด้านที่อยู่อาศัย โดยได้มอบหมายให้ทั้ง 7 อำเภอ ลงพื้นที่สำรวจบ้านเรือนราษฎร และคัดเลือกผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ให้ได้รับเงินช่วยเหลือในการสร้างบ้านหลังใหม่ 1 อำเภอ 1 หลัง หลังละ 100,000 บาท โดยอำเภอเมืองนครปฐมจะได้รับการช่วยเหลือ จำนวน 2 หลัง ซึ่งขณะนี้ได้อนุมัติเงินให้สร้างบ้านให้กับราษฎรไปแล้วจำนวน 3 หลัง นอกจากนี้ได้อนุมัติเงินเพื่อปรับปรุงที่พักอาศัยแก่ราษฎรผู้ยากไร้ในพื้นที่อำเภอกำแพงแสน จำนวน 2 หลัง และอำเภอพุทธมณฑล จำนวน 1 หลัง

โครงกาประชุมสัสมนาจริยธรรมตำวจ

วันที่ 23 พ.ค. 2556 พล.ต.อ.อมรินทร์ อัครวงษ จตช. เป็นประธานในพิธีเปิดโครงกาประชุมสัสมนาจริยธรรมตำวจ (ตำวจสีขาว ดาวคุณธรรม) ณ สโมสรตำวจ ถนน วิภาวดีรังสิต

เหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐมลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวต่างด้าวที่ป่วยเป็นโรคไตเรื้อรังนานกว่า 3 ปี


เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2556 นางสว่างศรี วงษ์ชัยชนะ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม พร้อมคณะสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัด นายยุทธนา โพธิวิหค ปลัดอำเภอบางเลน นายชนะ ห้วยกรดวัฒนา สาธารณะสุขอำเภอบางเลน เข้าเยี่ยม นางสาวลิน ไม่มีนามสกุล ไม่มีสัญชาติไทย อายุ 29 ปี ที่อยู่ตามบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ชุมชนบนพื้นที่สูง(ไม่ใช่ชาวเขา) เลขที่ 1/ช หมู่ที่ 9 ตำบลท่าเสา อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งป่วยเป็นโรคไตเรื้อรัง ขาดเงินเข้ารับการรักษา เนื่องจากมีฐานะยากจนโดยอาศัยอยู่กับครอบครัวของสามีและลูกสาวภายในบ้านพักคนงานโรงสี ในพื้นที่หมู่ 2 ตำบลหินมูล อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม นางสาวลิน เล่าให้ฟังว่า ตนเข้ามาอยู่ประเทศไทยตั้งแต่ปี 2526 และได้แต่งานกับนายมงคล พึ่งบุญอยุยา อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45 หมู่ 6 ตำบลหินมูล อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม มีบุตรสาวด้วยกัน 1 คน อายุ 7 ปี สามีมีอาชีพรับจ้าง อยู่ที่โรงสีข้าวในพื้นที่ตำบลหินมูล ได้รับเงินเดือน 8,000 บาท และตนป่วยเป็นโรคไตเรื้อรัง ความดันโรหิตสูง ซึ่งป่วยมากว่า 3 ปี แต่การรักษา โดยการฟอกไตไม่ต่อเนื่องจึงเป็นสาเหตุให้น้ำในท้องเพิ่มมากขึ้นจนท้องโต น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ทำให้มีความยากลำบากในการใช้ชีวิต และไม่สามารถนอนหงายได้ต้องนอนตะแคงเพราะน้ำในท้องจะเอียงตามฝั่งที่ตนนอน และต้องเดินทางไปฟอกไตสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา อำเภอเมืองกาญจนบุรี เนื่องจากตนมีบัตรประกันสุขภาพ 30 บาท อยู่ที่โรงพยาบาลดังกล่าว โดยในแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายและค่าเดินทางกว่า 2500 บาท และเนื่องจากมีฐานะยากจนจึงไม่สามารถเดินทางไปรักษาตัวตามที่หมอนัดได้ นางสว่างศรีกล่าวว่า หลังจากทราบข่าวจึงเดินทางมาเยี่ยมเยียนพร้อมมอบเงินช่วยเหลือ 3,000 บาท พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค พร้อมทั้งเร่งประสานงานเรื่องบัตรต่างด้าว พร้อมจะติดต่อทางโรงพยาบาลดอนตูม เพื่อให้นางสาวลิน เข้ารับการรักษาที่ศูนย์ไตเทียมโรงพยาบาลดอนตูม ซึ่งกาชาดจังหวัดนครปฐมจะให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยไม่แบ่งเชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา สำหรับผู้ใจบุญ สามารถบริจาคเงินช่วยเหลือนาวสาวลิน ได้ที่ ชื่อบัญชีนายมงคล พึ่งบุญอยุธยา ธนาคารกรุงไทย สาขาบางเลน เลขบัญชี 702-1-28354-7

นครบาลจับชำแหละชินส่วนจักรยานยนต์


เมื่อ 23 พฤษภาคม 56 พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี ผบก.น.7 แถลงข่าวจับกุมแก๊งลักรถจักรยานยนต์ชำแหละชิ้นส่วน ฉายา โย จรัญ 13 พร้อมผู้ต้องหาและของกลางจำนวนมาก ที่ บช.น.

ชาวบ้านร้อง ผอ.รพ.สร้างโรงงานเถื่อน ชาวบ้านรอวันตายผ่อนส่ง


                 ชาวบ้านร้อง ผอ.รพชื่อดังแอบลักลอบเปิดโรงงานเถื่อน เผายางสกัดน้ำมันเตาขาย เกิดมลพิษ เขม่าควันดำ กลิ่นเหม็นฟุ้งกระจายทั่ว ชาวบ้านเริ่มป่วย ผวาตายผ่อนส่ง
                  ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้าน ม. 2 และ ม. 18 ต.สระสี่มุม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ว่ามีการสร้างโรงงานเถื่อนในพื้นที่ โดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมกับดำเนินกิจการ ที่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านในพื้นที่2 และพื้นที่หมู่ 18 ซึ่งเป็นพื้นที่ติดต่อใกล้เคียงเป็นจำนวนมาก จึงได้ประสานไปยังนายภูริ เนตรสุวรรณ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสระสี่มุม พบว่าโรงงานดังกล่าวนั้น เป็นของนายแพทย์สมชาย เจนลาภวัฒนกุล ผอ.โรงพยาบาลกำแพนแสน จ.นครปฐม ซึ่งดำเนินกิจการโดยไม่ได้มีการขออนุญาตก่อตั้งโรงงานหรือขออนุญาตประกอบกิจการกับทางองค์การบริหารส่วนตำบลสระสี่มุมแต่อย่างใด อีกทั้งยังได้ประกอบกิจการโดยการนำยางล้อรถยนต์เก่ามาเผา เพื่อสกัดเอาน้ำมันเตาและใยเหล็กในยางมาขาย ส่งกลิ่นเหม็นและควันพิษ ลอยไปทั่วในอากาศ จนทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน หายใจไม่สะดวก ไอ เจ็บคอและเริ่มป่วย
                    ต่อมาทางองค์การบริหารส่วนตำบลสระสี่มุม ได้มีหนังสือให้ทางโรงงานหยุดดำเนินการเพื่อมิให้เกิดมลพิษและก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ชาวบ้าน พร้อมทั้งให้ทางโรงงานมาติดต่อและดำเนินการขออนุญาตให้ถูกต้องตามขั้นตอนของระเบียบกฏหมาย แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือแต่อย่างใด ยังคงเผายางและดำเนินกิจการต่อไปอย่างไม่สะทกสะท้าน และไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่แต่อย่างใด จึงได้ร่วมเดินทางไปตรวจสอบยังบริเวณโรงงานดังกล่าว
โรงงานดังกล่าวตั้งอยู่เลขที่22/1 ริมคลองชลประทาน ม. 2 ต.สระสี่มุม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม บนเนื้อที่กว่า 5 ไร่ ภายในสร้างเป็นโรงงานชั้นเดียว ซึ่งได้ซื้อต่อจากโรงงานปุ๋ยชีวภาพที่เลิกกิจการไปแล้ว ล้อมรอบด้วยรั้วตาข่ายลวดและมีแสลนผืนใหญ่สีดำขึงทับล้อมรอบอีกชั้นหนึ่ง ภายในโรงงานมีกองยางรถยนต์ สุมทับกับเป็นจำนวนมาก ห่างกันเล็กน้อยพบใยลวดทองแดงกองรวมกันอยู่ใกล้ ๆ กับเผาขนาดใหญ่ จึงได้บันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน
                   นายภูริ เนตรสุวรรณ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล กล่าวว่า หลังจากได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน,ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน,ผู้ใหญ่บ้าน ว่ามีการสร้างโรงงานเผายางรถยนต์ในพื้นที่ ม. 2 ต.สระสี่มุม ก่อให้เกิดมลพิษ สร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านม. 2และชาวบ้าน ม. 18 ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้เคียงเป็นอันมาก จึงได้ทำการตรวจสอบพบว่าโรงงานดังกล่าวเป็นโรงงานเถื่อน ที่ก่อตั้งขึ้นมาเอง โดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีการก่อตั้งโรงงาน หรือขออนุญาตประกอบกิจการแต่อย่างใด ตนจึงได้มีหนังสือด่วนที่สุด นฐ 77903/134 ลงวันที่ 8 มีนาคม 2556 ส่งไปยัง ผอ.รพ.กำแพงแสน ซึ่งเป็นเจ้าของโรงงาน ขอให้หยุดดำเนินการ เพื่อมิให้เกิดมลพิษ และสร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้าน พร้อมทั้งให้ติดต่อมายังอบต.แต่ทางโรงงานหยุดดำเนินการเป็นเวลา2 วัน หลังจากนั้นก็จะแอบดำเนินการในช่วงกลางคืน และบางครั้งก็ดำเนินการเผายางอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นและเขม่าควันลอยไปทั่ว จนชาวบ้านเริ่มหายใจไม่สะดวกและเริ่มป่วย
                 ล่าสุดเมื่อเวลา 17.00 น.ของวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่าน นายจำนงค์ ใจคุณ ผช.ผญ.หมู่ 2ต.สระสี่มุม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ได้เดินทางเข้าพบร.ต.ท.บุญชาญ เทียนทัณฑ์เทศน์ พนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความดำเนินคดี กับเจ้าของโรงงาน แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจปัดไม่ดำเนินการให้ เพียงแต่ลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานเท่านั้น โดยอ้างว่าให้อุตสาหกรรมจังหวัด และสิ่งแวดล้อมมาเป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์เอง
               นายกอบต.กล่าวต่ออีกว่า เบื้องต้นนั้น การสร้างโรงงานเถื่อนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากอบต.นั้น อบต.และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เป็นผู้เสียหาย สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้เลย แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับปัดความรับผิดชอบ โยนไปให้อุตสาหกรรมจังหวัด และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเรื่องนั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่งไม่เกี่ยวกับการลักลอบสร้างโรงงาน ในฐานะที่ตนเป็นผู้นำท้องถิ่น หลังจากได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมายแล้ว ก็ได้ทำหนังสือถึงนายอำเภอกำแพงแสนเพื่อรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทราบ แต่จนบัดนี้เรื่องก็ยังเงียบหาย ไม่มีการดำเนินการแต่อย่างใด ตนจึงขอความช่วยเหลือจากสื่อมวลชน ให้ช่วยชาวบ้านด้วย อย่าให้ชาวบ้านรอวันตายผ่อนส่งเลย
                 นายสัมพันธ์ สระทองจันทร์ รองประธานสภาอบต.สระสี่มุม ซึ่งพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ ม. 18 ต.สระสี่มุม ซึ่งอยู่ติดกับพื้นที่ ม. 2 ต.สระสี่มุม บอกว่า ชาวบ้านที่ทำไร่ข้าง ๆ โรงงานได้มาร้องเรียนว่า มีการเผาอะไรก็ไม่รู้ กลิ่นเหม็น แสบจมูกมาก ขอให้ช่วยไปดูหน่วย เมื่อตนเข้าไปตรวจสอบก็พบว่ามีการเผายางรถยนต์ อยู่ในโรงงาน แต่ทางโรงงานก็ไม่ให้ความร่วมมือที่จะเข้าไปตรวจสอบภายในโรงงาน จึงได้ร้องเรียนมายังนายกอบต.เพื่อช่วยทำการตรวจสอบเพราะชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงเหม็นจนแสบจมูก หายใจไม่สะดวก อีกทั้งยังมีเขมาควันดำลอยไปทั่ว
                   รองประธานสภาฯ บอกต่ออีกว่า ในพื้นที่หมู่ 18 ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้เคียงนั้นมีชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการเผายางรถยนต์และการดำเนินกิจการของโรงงานกว่า100 หลังคาเรือน ส่วนในพื้นที่ ม. 2ซึ่งเป็นพื้นที่ตั้งของโรงงาน นั้นมีชาวบ้านกว่า 70หลังคาเรือนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

จังหวัดสมุทรสงครามจัดโครงการอบรมหลักสูตรภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน


เมื่อ 22 พฤษภาคม  56 นายสมชาย ปัญญเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นประธานและวิทยากรบรรยายให้ความรู้ในด้านทักษะภาษาอังกฤษ แก่ข้าราชการ ระดับหัวหน้ากลุ่มงาน หัวหน้าฝ่ายส่วนภูมิภาคจังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความสามารถในการฟังและการพูดภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐาน ทั้งในชีวิตประจำวัน และปฏิบัติงาน และเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ และสามารถต่อยอดความรู้และทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษในระดับที่สูงขึ้นต่อไป เนื่องจากปี พ.ศ. 2558 ประเทศไทยจะต้องเปิดประเทศเข้าสู่ ประชาคมอาเซียนซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของประชากร 600 ล้านคน ทั้งในด้านการเมืองและความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ในอนาคตประชาชนของอาเซียนจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น รวมทั้งระหว่างระบบราชการของไทย และประเทศสมาชิกอื่น จะมีการพบปะ เจรจา และประชุมกันมากขึ้น แลภาษาที่จะต้องใช้ในการพบปะ เจรจา และประชุมคือ ภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษากลางของอาเซียน (The working language of ASEAN shall be English) ดังนั้น สิ่งที่ภาคราชการไทยจะต้องรีบปรับตัวอย่างรวดเร็ว คือ ทักษะในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร การอบรมในครั้งนี้มีข้าราชการ ระดับหัวหน้ากลุ่มงาน หัวหน้าฝ่ายส่วนภูมิภาคจังหวัดสมุทรสงคราม เข้าร่วมอบรม กว่า 30 คน โดยระยะเวลาการอบรมตลอดหลักสูตร จำนวน 30 ชั่วโมง โดยจะอบรมในทุกวันพุธของสัปดาห์ ตั้งแต่เวลา 16.00 – 18.00 น. อบรมระหว่างเดือนพฤษภาคม สิงหาคม 2556

วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

จังหวัดสมุทรสงครามจัดสัมมนาผู้บริหารเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนตั้งครรภ์ไม่พร้อม


เมื่อ 22 พฤษภาคม 56  นายธนน เวชกรกานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นประธานเปิดการสัมมนา และบรรยายพิเศษ ผู้บริหารเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนตั้งครรภ์ไม่พร้อม ซึ่งจัดโดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสมุทรสงคราม และได้มีการจัดเสวนาในหัวข้อเรื่อง ทำอย่างไรเด็กและเยาวชนจังหวัดสมุทรสงครามจะข้ามพ้นวัยใสไป อย่างสวยงามเพื่อให้ผู้บริหารสถานศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาเด็กและเยาวชนตั้งครรภ์ไม่พร้อม และส่งเสริมความรู้ ทักษะ ให้ผู้ปฏิบัติงานด้านเด็กสามารถปฏิบัติงานบูรณาการร่วมกันในการช่วยเหลือบำบัด ฟื้นฟูด้านร่างกาย จิตใจ สังคมแก่เด็กและเยาวชนตั้งครรภ์ไม่พร้อม และเพื่อส่งเสริมให้เกิดการประสานงานทุกระดับเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
ผู้เข้าร่วมโรงการประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล บุคลากรด้านสาธารณสุข หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เด็กและเยาวชนจังหกวัดสมุทรสงคราม และเครือข่าย ครอบคลุม 3 อำเภอ ทั้งจังหวัด รวม 300 คน

“พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือการส่งเสริมให้ข้าราชการตำรวจและครอบครัวประกอบอาชีพเสริม”


สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน
ได้ร่วมกันจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง(MOU)ว่าด้วยความร่วมมือการส่งเสริมให้ข้าราชการตำรวจและครอบครัวประกอบอาชีพเสริม ขึ้น ในวันพุธที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๐.๐๐ น. ณ สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ โดยมี พล.ต.อ.ปานศิริ  ประภาวัติ  รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทน           ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้แทนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงนามบันทึกข้อตกลงฯ ร่วมกับ นายนคร ศิลปอาชา อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และ นางสินี  จงจิตต์ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน ทั้งนี้ สืบเนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.อดุลย์  แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำหนดนโยบายการบริหารราชการประจำปี พ.ศ.๒๕๕๖ เรื่อง การบริหารจัดการที่ดี       ด้านสวัสดิการ ให้มีการจัดระบบและดำเนินการด้านสวัสดิการส่งเสริมให้ข้าราชการตำรวจและครอบครัวประกอบอาชีพเสริม เพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดี ดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างมีศักดิ์ศรี ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ,กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน จึงได้ตกลงกันที่จะประสานความร่วมมือในการจัดฝึกอาชีพส่งเสริมการมีงานทำให้กับข้าราชการตำรวจและครอบครัว  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโอกาสและทางเลือกในการประกอบอาชีพ เป็นการเพิ่มรายได้ให้กับครัวเรือน ส่งเสริมและพัฒนาการรวมกลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้าน ตลอดจนส่งเสริม ความรู้ และทักษะในการฝึกอบรมด้านอาชีพให้แก่ข้าราชการตำรวจและครอบครัว  โดยมีแนวทางการดำเนินการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
๑. จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือการส่งเสริมให้ข้าราชการตำรวจและครอบครัวประกอบอาชีพเสริมขึ้น  เพื่อให้เกิดกิจกรรมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในระดับพื้นที่ของทั้งสามหน่วยงานครอบคลุมทั่วประเทศ มีกำหนดระยะเวลา ๓ ปี นับแต่วันที่ลงนาม
๒.  จัดนิทรรศการการฝึกอาชีพเสริม โดยคณะวิทยากรจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กรมการจัดหางาน และได้รับความร่วมมือจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.) จัดซุ้มนิทรรศการสาธิตและฝึกอาชีพ จำนวน ๒๑ กลุ่มอาชีพ สำหรับข้าราชการตำรวจและครอบครัว ในสังกัดหน่วยงานซึ่งมีที่ตั้งในกรุงเทพฯ ซึ่งมีผู้สนใจมาร่วมงานประมาณ ๔๐๐ คน โดยข้าราชการตำรวจและครอบครัวผู้สนใจ สามารถฝึกอาชีพได้ทันทีหลังจากเสร็จสิ้นพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงฯ สำหรับบางอาชีพสามารถลงชื่อไว้เพื่อไปรับการฝึกอาชีพต่อภายหลังได้ และบางอาชีพนอกจากได้รับการฝึกอาชีพแล้ว ยังสามารถรับงานกลับไปทำที่บ้านเพื่อนำผลิตภัณฑ์มาขายคืนให้กับผู้ประกอบการได้อีก
๓. สำหรับข้าราชการตำรวจและครอบครัว ซึ่งสังกัดในภูมิภาคต่างๆ ตั้งแต่ระดับ กองบัญชาการ กองบังคับการ ไปจนถึงระดับสถานีตำรวจทั่วประเทศ สามารถประสานขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และกรมการจัดหางาน ในพื้นที่นั้นๆ ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้และทักษะด้านอาชีพ เพื่อแนะแนวอาชีพ การประกอบอาชีพอิสระ การรับงานไปทำที่บ้าน  ตลอดจนการแนะนำแหล่งเงินทุนเพื่อให้สามารถประกอบอาชีพได้จริงและยั่งยืน  นอกจากนี้ยังสามารถที่จะฝึกอบรมให้แก่ข้าราชการตำรวจที่มีศักยภาพเพื่อเป็นวิทยากรขยายผลการฝึกอบรมให้แก่ข้าราชการตำรวจและครอบครัวต่อไปอีกด้วย

ขอเชิญร่วมงานประเพณีอัฏฐมีบูชา ประจำปี 2556



นางสาวอังคณา พุ่มผกา ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสมุทรสงคราม (สมุทรสงคราม นครปฐม สมุทรสาคร) เปิดเผยว่า จังหวัดนครปฐม ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม องค์การบริหารส่วนตำบลวัดละมุด องค์การบริหารส่วนตำบลศรีมหาโพธิ์ ททท. สำนักงานสมุทรสงคราม หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในจังหวัดนครปฐม กำหนดจัดงานประเพณีอัฏฐมีบูชา      ประจำปี 2556 ในวันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน 2556 ณ วัดใหม่สุคนธาราม ตำบลวัดละมุด อำเภอนครชัยศรี   จังหวัดนครปฐม งานประเพณีอัฏฐมีบูชาเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นวันถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหลังเสด็จดับขันธปรินิพพาน ตรงกับวันแรม 8 ค่ำ เดือนวิสาขะของทุกปี ซึ่งวัดใหม่สุคนธาราม ตำบลวัดละมุด อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยจัดขึ้นต่อเนื่องมา 100 กว่าปีแล้ว นับเป็นหนึ่งเดียวในภาคกลางที่จัดงานประเพณีนี้ สำหรับปี 2556 คณะกรรมการจัดงานแจ้งว่าได้จัดยิ่งใหญ่กว่าทุกปี ภายในงานมีพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา และการแสดงมหรสพ ถวายเป็นพุทธบูชา ประกอบด้วย การแสดงพระธรรมเทศนา การถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ ขบวนแห่คติธรรมตามพุทธประวัติ วิถีชีวิตไทย และผ้าป่าจากหมู่บ้านต่างๆ ขบวนสมมุติเหตุการณ์พิธีอัญเชิญพระบรมศพจำลอง นำโดยคณะสงฆ์ 500 รูป พร้อมด้วยคณะพราหมณ์ เทวดา นางฟ้า พระสาวกและสาธุชน เวียนทักษิณาวัตรรอบมณฑลพิธีที่จำลองให้เป็นมกุฏิพันธนเจดีย์ ซึ่งเป็นเนินสูงอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองกุสินารา แล้วอัญเชิญประดิษฐานเหนือจิตกาธานจำลองเพื่อประกอบพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ    นอกจากที่กล่าวมาแล้วยังมีการแสดงถ่ายทอดพุทธประวัติประกอบแสง สี เสียง ชุด “อัฏฐมีบูชา มหาปรินิพพาน” จากชมรมนาฏสัมพันธ์ ศิษย์วิทยาลัยนาฏศิลป์ แสดงนำและบรรยายโดย “ครูมืด ประสาท ทองอร่าม” นาฏศิลปิน      สำนักการสังคีตกรมศิลปากร  และ การสาธิตการแทงหยวก การแข่งขันตะไลลอดบ่วง และอื่นๆ อีกมากมาย จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชน นุ่งขาว ห่มขาว ร่วมพิธีวันอัฏฐมีบูชา ถวายเป็นพุทธบูชา และ ร่วมสืบทอดประเพณีที่ดีงามให้คงอยู่สืบไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ องค์การบริหารส่วนตำบลวัดละมุด โทร. 0 3438 9052,            08 7101 5252 หรือ ททท. สำนักงานสมุทรสงคราม  โทร. 0 3475 2847-8 E-mail : tatsmsk@tat.or.th หรือ TAT Call Center 1672

วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

คณะกรรมการจัดงานมหากุศลเก็บศพไร้ญาติมูลนิธิโพธิ์ง่วนตึ้ง “เต็กก่า” จีถงเกาะ


วันที่ 21 พฤษภาคม 2556 ที่มูลนิธิโพธิ์ง่วนตึ้ง เต็กก่าจีถงเกาะ ถนน 25 มกรา อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม นายวิญา วงศ์ลิขิตปัญญา อุปนายกสมาคมสหพันธ์การกุศล เต็กก่าแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยนายเย็นเกียรติ ธัญญกิตติกุล รองประธานมูลนิธิโพธิ์ง่วนตึ้ง เต็กก่าจีถงเกาะ นครปฐม และคณะกรรมการจัดงานมหากุศลเก็บศพไร้ญาติ ร่วมประกอบพิธีอัญเชิญปวงวิสุทธิเทพ เทวอาจารย์ ประกอบพิธีประทับทรง (คุยกี) ออกปลุกเสกใบชาทิพย์ (ฉูแต๊) รอบตลาดทั่วเมืองนครปฐม หลังจากการประกอบพิธีมหาประชุมเพลิงอัฐิผู้ไร้ญาติ โดย ฯพณฯ เผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีดังกล่าว เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งคณะกรรมการจัดงานมหากุศลเก็บศพไร้ญาติมูลนิธิโพธิ์ง่วนตึ้ง เต็กก่าจีถงเกาะ ร่วมกับชาวจังหวัดนครปฐม และผู้มีจิตศรัทธา ได้ร่วมกิจกรรมเก็บศพไร้ญาติ ล้างป่าช้า รวม 9 วัด ได้แก่ วัดห้วยจระเข้ , วัดลำน้ำ , วัดหนองกระโดน , วัดกำแพงแสน , วัดศาลาตึก , วัดยางหัก , วัดนิยมธรรมวราราม , วัดศรีเฉลิมเขต และวัดสระสี่มุม ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา สามารถทำการขุดศพไร้ญาติได้กว่า 500 ศพ ซึ่งขณะนี้ได้นำอัฐิไปประกอบพิธีบำเพ็ญกุศล และบรรจุ ณ สุสานสุขาวดี อำเภอเมืองนครปฐม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายเย็นเกียรติ ธัญญกิตติกุล รองประธานมูลนิธิโพธิ์ง่วนตึ้ง เต็กก่าจีถงเกาะ นครปฐม กล่าวว่าการประกอบพิธีอัญเชิญปวงวิสุทธิเทพเทวอาจารย์ ประกอบพิธีประทับทรง (คุยกี) ออกปลุกเสกใบชาทิพย์ (ฉูแต๊) รอบตลาดทั่วเมืองนครปฐม เพื่อเป็นการประทานพรและเสริมสิริมงคลให้กับห้างร้านบ้านเรือนของประชาชน โดยผู้ประทับทรงเทวอาจารย์ได้ทำการเจิมใบชาทิพย์ และประทานผ้ายันต์ (ฮู้) มงคล อันศักดิ์สิทธิ์รุ่น อยู่ดีมีสุข ค้าขายร่ำรวย ให้กับทุกๆบ้าน โดยชาวบ้านจะตั้งโต๊ะบูชารับเสด็จฯ ด้วยดอกไม้ ธูปเทียน น้ำ น้ำชา ใบชา ผลไม้ และเงินอั่งเปาตามกำลังศรัทธา เพื่อมอบให้กับมูลนิธิในการจัดงานมหากุศลครั้งต่อไป

ผู้ว่าฯ สมุทรสงคราม เปิดนิทรรศการสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลวัน วิสาขบูชาโลก ประจำปี 2556


21 พฤษภาคม 56 นายธนน เวชกรกานนท์    ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม  เป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชาโลก ประจำปี 2556 ระหว่างวันที่ 18- 24 เมษายน 2556 โดยมีข้าราชการ ประชาชน แต่งกายด้วยชุดสีขาวเข้าร่วมงานเพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระชนมายุครบ 86 พรรษา และวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ครบ 81 พรรษา  ภายในห้องโถงประกอบด้วย นิทรรศการพุทธประวัติ วันประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพานและในวันที่ 24 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชาจังหวัดจัดกิจกรรม ถือศีลปฏิบัติธรรม ทำบุญตักบาตร เวียนเทียน ฟังธรรม จัดตั้งองค์ผ้าป่าพุทธชยันตี อุปสมบทหมู่  เดิน-วิ่ง สมาธิวิสาขะพุทธบูชา ร่วมกันรณรงค์ทำความสะอาด ปรับปรุงภูมิทัศน์สถานที่สาธารณประโยชน์ นอกจากนี้ยังได้รณรงค์แต่งกายด้วยชุดสีขาวหรือชุดปฏิบัติธรรมสีขาว ลด ละ เลิก อบายมุขทั้งปวง

ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเขตตรวจราชการที่ 5 ประชุมคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดสมุทรสงคราม


เมื่อ 21 พฤษภาคม 56  นางวนิดา  สักการโกศล  ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 5 ในฐานะประธานกรรมาภิบาลจังหวัดสมุทรสงคราม    เป็นประธานประชุมคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดสมุทรสงคราม ครั้งที่ 2 ในประเด็น แผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2556 ของจังหวัดสมุทรสงคราม  โครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กทางเข้าวัดเกษม   อำเภออัมพวา ระยะทาง 60 เมตร  โครงการปรับปรุงลานกีฬาต้านยาเสพติดขององค์การบริหารส่วนตำบลบางช้าง  พร้อมพิจารณาเลือกคณะกรรมการทำหน้าที่รองประธาน  การแต่งตั้งที่ปรึกษาด้านวิชาการ การประชาสัมพันธ์ การจัดสรรภารกิจและการเตรียมการสอดส่องโครงการตามแผนปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ 2556  แผนการประชาสัมพันธ์การดำเนินงานของ    ก.ธ.จ. และการจัดทำโครงการสร้างเครือข่ายภาคประชาชนของ ก.ธ.จ รวมถึงปฏิทินการทำงานของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดสมุทรสงคราม

ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีติดตามงานที่สมุทรสงคราม

เมื่อ 21 พฤษภาคม 56 นายธนน  เวชกรกานนท์  ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ พร้อมด้วย พ.อ.อ.ปัญญา สระทองอุ่น นายสมชาย ปัญญเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ นางวนิดา  สักการโกศล  ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตที่ 5 ในการเดินทางมาติดตามผลการดำเนินงานด้านยาเสพติดของจังหวัดที่ได้ดำเนินการ รวมถึงติดตามผลการ การประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ ความเข้าใจในเรื่องของการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และจัดอบรมภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาเพื่อนบ้านให้แก่ผู้ที่สนใจบุคลากรของหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน โดยได้มอบหมายให้สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงครามดำเนินการด้านการเผยแพร่ให้ความรู้ ความเข้าใจผ่านช่องทางของสำนักงานฯ นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ยังได้ขอให้ทางผู้ตรวจราชการช่วยดำเนินการติดตามในกรณีที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีหนังสือขอรับการจัดสรรงบประมาณจากงบกลางจากคณะรัฐมนตรี ในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร ปี 2555 ที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ประสบภัยต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพราะล่วงเลยเวลามานานแล้ว ซึ่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีพร้อมที่จะสานต่อติดตามเรื่องดังกล่าวให้กับทางจังหวัดสมุทรสงครามต่อไป

จังหวัดสมุทรสงครามจัดอบรมผู้ประกอบกิจการและพนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม พรบ.ภาพยนต์และวีดีทัศน์ พ.ศ. 2551 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2556


 21 พฤษภาคม 2556 ที่ นายธนน เวชกรกานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นประธาน เปิดการอบรมผู้ประกอบกิจการและพนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม พรบ.ภาพยนต์และวีดีทัศน์ พ.ศ. 2551 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2556ซึ่งจัดโดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อให้ผู้ประกอบกิจการและพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ภายในจังหวัดมีความรู้ความเข้าใจในแนวทางการปฏิบัติเบื้องต้น ที่จะทำให้เป็นไปทิศทางเดียวกันอย่างถูกต้อง ปลอดภัย เป็นธรรม ตามเงื่อนไขของกฎหมาย รวมทั้งมีส่วนร่วมกับภาครัฐในการดูแลสังคมร่วมกัน นอกจากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ได้เน้นย้ำให้ผู้ประกอบกิจการและพนักงานที่เกี่ยวข้อง ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม เป็นหลักการอบรมครั้งนี้ มีผู้ประกอบกิจการและพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าอบรม จำนวน 120 คน และระยะเวลาการอบรม ระหว่างวันที่ 21 – 22 พฤษภาคม 2556 ซึ่งวันที่ 22 พฤษภาคม 2556 เป็นการอบรม เจ้าหน้าที่ของรัฐ จำนวน 50 คน การอบรมครั้งนี้ได้รับกาสนับสนุนงบประมาณดำเนินการ จากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม , สำนักงานตำรวจแห่งชาติสนับสนุนวิทยากรบรรยาย ให้ความรู้แก่ผู้เข้าอบรม , อำเภอเมืองสมุทรสงครามสนับสนุนสถานที่อบรม

พระองค์เจ้าโสมสวลีฯ เสด็จมาทรงเป็นประธานในพิธีมหาพุทธาภิเษกพระยูไลฯ‏


พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จไปยังวัดธรรมปัญญารามบางม่วง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ทรงเป็นประธานพิธีมหาพุทธาภิเษก พระยูไลไภษัชยคุรุพุทธเจ้าจำลองซึ่งเจ้าอาวาส ร่วมกับเจ้าคณะใหญ่อนัมนิกายแห่งประเทศไทย และศิษยานุศิษย์ จัดสร้างพระยูไลไภษัชยคุรุพุทธเจ้าจำลองขึ้น ตามโครงการอโรคยามหายาน ขนาดหน้าตักกว้าง 12 นิ้ว จำนวน 85 องค์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 85 พรรษา โดยจะนำไปประดิษฐานณ โรงพยาบาลต่างๆทั่วประเทศ เพื่อบำบัดทุกข์ให้แก่พระพุทธศาสนิกชน เป็นที่พึ่งทางใจในยามเจ็บป่วย รวมทั้ง เป็นที่สักการะและขวัญกำลังใจแก่แพทย์ พยาบาล พร้อมกับมอบเงินกองทุน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาล วัดธรรมปัญญารามบางม่วง เดิมเป็นโรงเจเก่ามีอายุประมาณ 150 ปีต่อมา ผู้มีจิตศรัทธาที่เลื่อมใสในพุทธศาสนา ได้ร่วมถวายที่ดินเพื่อจัดตั้งเป็นวัดพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน  และได้รับอนุญาตจัดตั้งวัดเมื่อปี 2548 ปัจจุบัน มีพระอาจารย์ พิสิษฐ์ เถี่ยนบ๊าว ได้รับพระราชทินนาม องสรภาณอนัมพจน์ เป็นเจ้าอาวาส โดยเมื่อปี 2554 ที่ประเทศไทยประสบอุทกภัย ทางวัดได้จัดตั้งโรงทาน เพื่อแจกจ่ายอาหารให้ผู้ประสบภัยทุกวัน และยังเป็นศูนย์กลางแจกพันธุ์เมล็ดข้าวให้กับเกษตรกรผู้ประสบภัยในจังหวัดปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ลพบุรี และสิงห์บุรีด้วย

แถลงข่าวจับยาบ้า

ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รอง นรม. เป็นประธานการแถลงข่าวจับยาบ้าโดยมี พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รรท.ผบ.ตร. , พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส. และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.โดยมีรายละเอียดจับกุมในที่เกิดเหตุ พีระโพธิ์แก้วแมนชั่น เลขที่ 97/377 ม.6 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร (ภายในห้องเลขที่ 302 และ 320) เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2556 เวลาประมาณ 12.00 น. โดยมีผู้ต้องหา ชื่อ นายสุทธิชัย กามา อายุ 22 ปี , นายสิงห์ แก้วพู (โชติ) อายุ 20 ปี และเยาวชน อายุ 16 ปี พร้อมของกลาง ปืน glock ขนาด 9 mm 1 กระบอก ขนาด .45 1 กระบอก ปืนลูกโม่ขนาด .38 1 กระบอก ปืนออโต้ steyr ขนาด 9 mm 1 กระบอก ลูกกระสุนปืน ขนาด 9/35 นัด .45/10 นัด .38/10 นัด และยาบ้าจำนวน 4490000 เม็ด ยาไอซ์ 60 กก. ณ. อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ชาวบ้านสมุทรสาคร สุดทนแขวนพวงหรีดไว้อาลัยท่อประปาบนถนนพระประโทน-บ้านแพ้ว 15 มิ.ย.ไม่แก้ไข ปิดถนนแน่นอน


หากวันนี้คุณเป็นผู้ใช้รถใช้ถนนเส้นพระประโทน บ้านแพ้ว แล้วผ่านต้องขับไปตรงหลักกิโลเมตรที่ 23 ขาออกมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครปฐม ตรงพื้นที่หมู่ที่ 8 ต.บ้านแพ้ว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ก็จะได้เห็นป้ายสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ 2 ป้าย ปักอยู่ริมถนน ติดกับท่อประปา 2 ท่อขนาดใหญ่ที่วางอยู่ตรงกลางถนน มีข้อความอักษรสีดำเขียนชัดเจน โดยป้ายแรกมีข้อความเขียนไว้ว่า ท่อประปาเจ้าปัญหา ขึ้นมาบนดิน สัญจรก็อันตราย ค้าขายไม่ได้ อยู่อย่างลำบาก ไม่รู้จะเสร็จกันเมื่อไหร่และห่างออกไปประมาณ 1 เมตรมีอีกป้ายปักไว้ว่า ถ้าไม่มาดำเนินการแก้ไข จะนัดชุมนุมปิดถนนทั้งสองฝั่ง 15 มิถุนายน 2556 (ทนไม่ไหวแล้วโว้ย)พร้อมกันนี้ยังมีพวงหรีดดอกไม้ปลอม แขวนอยู่ 1 พวง มีข้อความเขียนไว้ว่า ขอไว้อาลัยแด่ท่อประปา
            นายชูเกียรติ เฮ้งบริบูรณ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 ต.บ้านแพ้ว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ป้ายทั้ง 2 ป้ายพร้อมกับพวงหรีดที่เห็นนั้น ชาวบ้านได้ร่วมกันทำขึ้นมา เพราะสุดจะทนกับท่อประปาของการประปาส่วนภูมิภาค 2 ท่อที่วางอยู่ตรงกลางถนนมีเส้นผ่าศูนย์กลางท่อละ 60 เซนติเมตร ความยาวประมาณ 120 เมตร และห่างออกไปอีกประมาณ 10 เมตร ก็จะมีท่อประปาขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เมตร ความยาวใกล้เคียงกันวางอยู่กลางถนนอีก 1 ท่อ ซึ่งท่อประปาทั้งหมดนี้ เป็นท่อประปาที่ผู้รับเหมาก่อสร้างในความรับผิดชอบของการประปาส่วนภูมิภาคบ้านโป่ง ได้นำมาวางไว้ตั้งแต่เมื่อประมาณปลายเดือนกันยายน 2555 ทั้งนี้สาเหตุเนื่องมาจากแต่เดิม ตรงนี้เคยมีท่อประปาเก่าวางอยู่แล้ว แต่เมื่อมีการสร้างขยายถนนใหม่ ก็ทำให้ต้องมีการเจาะพื้นบริเวณคอสะพานฝังเข็มลงไปในคลอง แล้วเกิดไปถูกท่อประปาเก่าจนแตก ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนท่อประปาใหม่ตรงที่เกิดการชำรุดเสียหาย ซึ่งในช่วง 2 อาทิตย์แรกที่เกิดปัญหาท่อประปาแตก ทางการประปาส่วนภูมิภาคยังไม่มาแก้ไขก็ทำให้เกิดการพัดพาตะกอนบนฝั่งเช่น หิน ดิน ทราย ลงมาในคลอง จนคลองบริเวณใต้สะพานเกิดการตื้นเขิน เรือไม่สามารถสัญจรได้ เห็นบอกว่าจะขุดออกให้จนบัดนี้ก็ยังไม่มาขุด โดยเมื่อมาทำการปิดน้ำชั่วคราวเพื่อจะซ่อมแซม ปรากฏว่าท่อประปาขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เมตร ที่นำมาใช้ทีแรกนั้นไม่สามารถฝังลงไปในดินตามที่ช่างประปาบอกกับชาวบ้าน เพราะไม่สามารถที่จะอ้อมเสาเข็มของถนนไปได้ ซึ่งทางผู้รับเหมาฯ ก็ได้รีบแก้ปัญหาด้วยการหาท่อประปามาใหม่ 2 เส้น ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 60 เซนติเมตร แล้วนำมาวางไว้กลางถนนเลย โดยบอกกับชาวบ้านว่าขอวางท่อประปาทั้ง 2 เส้นนี้เป็นการชั่วคราว เพราะต้องหาทางส่งน้ำเข้าไปในนิคมอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาครให้ได้ ไม่เช่นนั้นทางการประปาฯ จะถูกฟ้องร้อง ซึ่งอีกไม่นานก็จะรีบหาทางแก้ไขปัญหาด้วยการฝังท่อประปาลงไปในผิวดิน เป็นการแก้ปัญหาอย่างถาวร แต่นี่เวลาผ่านมาเกือบจะชนปีแล้ว ท่อประปาทั้ง 3 เส้นเจ้าปัญหาก็ยังถูกวางอยู่บนถนน คือ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 60 เซนติเมตร 2 เส้นที่ใช้ส่งน้ำไปใช้ในนิคมอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาครที่ทางการประปาอ้างว่าจะใช้ชั่วคราวเท่านั้น กับอีกเส้นคือ เส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เมตร ที่นำมาใช้วางคราวแรกแต่วางไม่ได้ ก็ทิ้งไว้อย่างนั้นไม่มีการเก็บไปให้เรียบร้อย ซึ่งที่ผ่านมานั้นท่อประปาทั้ง 3 เส้นนอกจากจะทำให้ชาวบ้านบริเวณดังกล่าวเดือดร้อนเพราะไม่สามารถประกอบอาชีพได้ดังเดิม เช่น ร้านค้าก็แทบจะไม่มีคนเข้ามาซื้อของเพราะไม่มีที่จอดรถและไม่ทางเดินลงไป ขณะที่มอเตอร์ไซด์วินก็ต้องเลิกไป เรือไม่สามารถสัญจรผ่านไปผ่านมาได้แล้ว ยังทำให้การคมนาคมไปมาทางรถเป็นไปอย่างยากลำบาก อันตราย เกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง บางคนก็ขับรถมามองไม่เห็นท่อประปา เฉี่ยวชนจนเสียชีวิต บางคนเคยขับรถมุดเข้าไปในท่อประปาเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เมตร จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และอีกอย่างหนึ่งคือ ตรงที่วางท่อประปาไม่มีไฟฟ้าส่องสว่าง ยิ่งทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้นอีก โดยทั้งนี้ที่ผ่านมาก็ได้เคยยื่นหนังสือไปถึงการประปาส่วนภูมิภาคจังหวัดสมุทรสาครและแขวงการทางแล้วให้รีบมาดำเนินการแก้ไขในเรื่องนี้ แต่กลับได้รับคำตอบจากการประปาส่วนภูมิภาคฯว่า ไม่มีงบประมาณ เพราะต้องใช้งบกว่า 1 ล้านบาท จึงยังไม่สามารถดำเนินการได้
            ขณะที่ชาวบ้านหลายคนในพื้นที่บอกว่า สุดจะทนกับท่อประปาทั้ง 3 ท่อนี้แล้ว ยิ่งที่ผ่านมาเกิดอุบัติเหตุหลายครั้งมีทั้งสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส ยิ่งทำให้ชาวบ้านทนไม่ไหวกับการปล่อยปละละเลยของภาครัฐที่ไม่รับผิดชอบการทำงาน ดังนั้นจึงได้มีการร่วมกันเขียนป้ายทั้ง 2 ป้ายนี้ขึ้นมา เพื่อต้องการให้ผู้ที่รับผิดชอบรีบมาดำเนินการแก้ไข ทำอย่างไรก็ได้ให้ท่อประปาทั้ง 2 ท่อที่ใช้ส่งน้ำอยู่ในขณะนี้ กับอีก 1 ท่อที่วางไว้เฉยๆ กลางถนนออกไปเสีย เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านได้กลับมามีอาชีพตามปกติและผู้ที่ก่อสร้างถนน ก็จะได้ดำเนินการให้แล้วเสร็จ ซึ่งทางผู้รับเหมาก่อสร้างขยายถนนนั้นบอกว่าหากไม่มีการแก้ปัญหาท่อประปาภายในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2556 ผู้รับเหมาไม่สามารถทำถนนตรงบริเวณนี้ได้ ก็จะปล่อยทิ้งไปเลย แล้วค่อยไปว่าความทางกฎหมายกันในชั้นศาล ดังนั้นเมื่อผู้ที่รับผิดชอบนิ่งเฉยไม่สนใจความเดือดร้อนของชาวบ้าน จึงทำให้ชาวบ้านต้องออกมารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องการแก้ไขปัญหาท่อประปาเหล่านี้ โดยในวันที่ 21 พฤษภาคม ก็จะทำหนังสือร้องเรียนและไปมอบให้กับผู้อำนวยการการประปาส่วนภูมิภาคบ้านโป่งและแขวงการทาง จ.นครปฐม แต่ถ้าเรื่องยังเงียบต่อไปอีกในวันที่ 15 มิถุนายนนี้ ก็จะรวมตัวกันปิดถนนเส้นพระประโทน บ้านแพ้ว ทั้งสองฝั่งอย่างแน่นอน 

ปศุสัตว์จังหวัดสมุทรสงคราม เชิญชวนประชาชนร่วมสร้างพื้นที่ปลอดโรคพิษสุนัขบ้า


 นายสมเกียรติ  รุ้งพราย ปศุสัตว์จังหวัดสมุทรสงคราม  เปิดเผยว่า จากการที่องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (OIC) คาดหวังไว้ว่าภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ (ค.ศ.๒๐๒๐)  ทุกประเทศทั่วโลกจะต้องปลอดจากโรคพิษสุนัขบ้า ในส่วนของประเทศไทยกรมควบคุมโรค กรมปศุสัตว์ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น  สมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย สมาคมองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย และสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งแประเทศไทย ได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือการกำจัดโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งกรมปศุสัตว์ได้กำหนดกรอบแนวทางการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ประสบผลสำเร็จภายในปี ๒๕๖๓ ดังนี้  ปี ๒๕๕๗ ทุกจังหวัดเป็นพื้นที่ระดับ B เท่ากับ ร้อยละ ๘๐ ที่ผู้เลี้ยงต้องนำสุนัขมาขึ้นทะเบียน , ปี ๒๕๖๐ ทุกจังหวัดเป็นพื้นที่ระดับ A ขึ้นไป คือปลอดโรคด้วยการสุ่มนำหัวสุนัขที่ประสบอุบัติเหตุและป่วยตายไปตรวจ , ปี ๒๕๖๓ ทุกจังหวัดต้องปลอดจากโรคพิษสุนัขบ้า สำหรับสถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้าในประเทศไทย โดยภาพรวมยังคงมีการรายงานการพบโรคนี้ทั้งในคนและสัตว์อย่างต่อเนื่อง แต่มีแนวโน้มลดลง  ข้อมูล ณ วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ พบว่า ตั้งแต่ปี ๒๕๕๒ – ๒๕๕๕ มีการเกิดโรคในคน โดยปี ๒๕๕๒ มีผู้เสียชีวิต ๒๕ ราย/ปี ๒๕๕๓ มีผู้เสียชีวิต ๑๕ ราย/ปี ๒๕๕๔ มีผู้เสียชีวิต ๕ ราย และปี ๒๕๕๕ มีผู้เสียชีวิต ๔ ราย ส่วนการตรวจพบโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์ ปี ๒๕๕๒  จำนวน ๓๔๑ ตัว/ปี ๒๕๕๓ จำนวน ๒๑๕ ตัว/ปี ๒๕๕๔ จำนวน ๒๑๘ ตัว   และปี ๒๕๕๕ จำนวน ๑๗๗ ตัว โดยพาหะสำคัญที่นำโรคมาสู่คนคือสุนัขและแมว ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรค และมีหลายพื้นที่ซึ่งยังดำเนินการไม่ถึงร้อยละ ๘๐  รวมทั้งการที่นำสุนัขมาปล่อยทิ้งในที่สาธารณะซึ่งเป็นสาเหตุให้มีสุนัขจรจัดเพิ่มมากขึ้น และประชาชนบางส่วนก็ยังขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการป้องกันและควบคุมโรคพิษสุนัขบ้า ในส่วนของจังหวัดสมุทรสงคราม มีการรายงาน (ครั้งสุดท้าย) พบผู้เสียชีวิต ๑ ราย จากโรคพิษสุนัขบ้ากัด เมื่อปี ๒๕๓๙ และพบว่ามีการรายงาน (ครั้งสุดท้าย)  พบหัวสุนัขที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้าเมื่อวันที่ ๑๒ ม.ค. ๒๕๕๔  จากการสำรวจของสำนักปศุสัตว์จังหวัดสมุทรสงคราม พบในว่าพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม องค์การบริหารส่วนตำบล จำนวน ๒๘ แห่ง  ๑ เทศบาลเมือง และ ๖ เทศบาลตำบล  มีสุนัขจำนวน ๕๒,๒๐๗ ตัว  แมว จำนวน ๒๖,๕๘๐ ตัว  ซึ่งการนำสัตว์เลี้ยงทั้งสองชนิดมาขึ้นทะเบียนนั้น พบว่ายังไม่ครบตามจำนวนที่ได้สำรวจไว้  จึงขอความร่วมมือเจ้าของสุนัขและแมวให้รีบดำเนินการโดยด่วน เพราะหากสุนัขหรือแมวของท่านไปกัดหรือทำร้ายคนนอกบ้าน เจ้าของสุนัข/แมว จะมีความผิดทางคดีแพ่งและคดีอาญาได้ โดยประชาชนสามารถสอบถามรายละเอียดต่างๆ ได้ที่ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสมุทรสงคราม โทร. ๐๓๔ – ๗๑๑๖๙๙ ในวันและเวลาราชการ

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสงคราม จัดโครงการค่ายเยาวชนสมานฉันท์ ประจำปี 2556

                เมื่อ 20 พฤษภาคม 56 ที่ผ่านมานายธนน  เวชกรกานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นประธานปิดกิจกรรมโครงการค่ายเยาวชนสมานฉันท์ ประจำปีงบประมาณ 2556ซึ่งสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสงครามจัดขึ้น เพื่อเป็นการเสริมสร้างความเข้าใจอันดีและสร้างความสมานฉันท์สามัคคีระหว่างเยาวชนทุกศาสนาในจังหวัดสมุทรสงคราม ที่จะส่งผลให้เยาวชนเป็นคนดี และมีคุณภาพในสังคมต่อไป โดยมีเยาวชนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่นับถือศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม  จากสถานศึกษาในจังหวัดสมุทรสงคราม  80 คน โดยมีการบรรยายให้ความรูเกี่ยวกับการสร้างค่านิยมพื้นฐาน 5 ประการ การสร้างความเข้าใจในความแตกต่างทางเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม การอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ รวมทั้งการทัศนศึกษา ตามศาสนสถานของแต่ละศาสนาด้วย  ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ได้กล่าวแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อเสริมสร้างความสมานฉันท์ และนำกล่าวคำปฏิญาณ “เราคนไทยต้องรู้คุณชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ ต้องปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของกฎหมาย และยึดหลักความสงบสุข ความสันติ และรู้รักสามัคคี ต้องปกป้อง สถาบันชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ด้วยชีวิต”เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ  พร้อมกับกล่าวเปิดโครงการฯ ว่า มีความจำเป็นที่จะต้องส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนของสังคม หันมาร่วมมือกันในการสร้างความสันติสุขและความสมานฉันท์ให้กลับมาสู่วิถีชีวิตของสังคมไทยอย่างยั่งยืน โดยการเริ่มต้นที่นักเรียนซึ่งเป็นเยาวชนที่จะเป็นพลังสำคัญที่ควรรณรงค์ ส่งเสริมและปลูกฝังค่านิยมให้เกิดการเรียนรู้ในเรื่องของความสมานฉันท์และรักชาติในทางที่ถูกต้องเหมาะสม รวมทั้งเข้าใจและยอมรับในความแตกต่าง หลากหลายทางเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม และการมีคุณธรรมจริยธรรม ที่เอื้ออาทรต่อผู้อื่น ซึ่งเชื่อมั่นว่าเยาวชนที่เข้าร่วมกิจกรรมจะตระหนักและให้ความสำคัญต่อวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการ และจะช่วยกันคิด ทำ นำความรู้ที่ได้รับ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มกำลังความสามารถ

จังหวัดนครปฐมจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ ตามโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษา มหาราชินี

วันที่  17  พฤษภาคม  2556  นายวันชาติ  วงษ์ชัยชนะ  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม  พร้อมด้วยนายกเหล่ากาชาดจังหวัด  รองผู้ว่าราชการจังหวัด  นำหัวหน้าส่วนราชการและข้าราชการจากหน่วยงานต่างๆ  ภายในศาลากลางจังหวัด  ร่วมกันปลูกต้นพยุง  มะฮอกกานี  เหลืองปรียาธร  จิกทะเล  อินทนิล  ปีป  หว้า  และ  เสลา  จำนวน  360  ต้น  บริเวณพื้นที่ศาลากลางจังหวัดนครปฐม  กว่า  3.6  ไร่  ตามโครงการประชาอาสาปลูกป่า  800  ล้านกล้า  80  พรรษา  มหาราชินี  โดยนายพรศักดิ์  ภู่อิ่ม  ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครปฐม  กล่าวว่า  การจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ในครั้งนี้  เพื่อเฉลิมพระเกียรติ  แสดงออกถึงความจงรักภักดี  และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ  สมเด็จพระนางเจ้าฯ  พระบรมราชินีนาถ  เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา  80  พรรษา  12  สิงหาคม  2555  อีกทั้งเพื่อเป็นการสนองพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ  พระบรมราชินีนาถ  ในด้านการฟื้นฟูและรักษาทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อม  เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ของจังหวัดนครปฐม  โดยการดำเนินตามโครงการประชาอาสาปลูกป่า  800  ล้านกล้า  80  พรรษา  มหาราชินี  ปี  2556  -  2559  และรณรงค์ปลูกจิตสำนึกและสร้างความตระหนักให้ข้าราชการภายในศาลากลางจังหวัด  ได้มีส่วนร่วมในการดูแลรักษาต้นไม้  พื้นที่ป่า  ด้วยจิตอาสา  ได้รู้จักคุณและโทษของการตัดไม้ทำลายป่า  โดยมีส่วนร่วมในการรณรงค์  เพื่อบรรเทาปัญหาผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ  ลดปัญหาภาวะโลกร้อน  นอกจากนี้ยังเป็นการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ  เพิ่มความร่มรื่น  ความอุดมสมบูรณ์  บริเวณพื้นที่ศาลากลางจังหวัดอีกด้วย

สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครปฐม ตรวจสอบฉลากสินค้าประเภททองรูปพรรณ


วันที่  20  พฤษภาคม  2556  นางพรรชนี  ลิ้มสุคนธ์  นักวิชาการชำนาญการพิเศษ  สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครปฐม  พร้อมด้วย  นายวัชรพงษ์  ชัยโชติกิจ  หัวหน้าสำนักงานชั่ง  ตวง  วัด  เขต  0-3  นครปฐม  เจ้าหน้าที่จากสภาอุตสาหกรรม  ,  สำนักงานจังหวัด  ,  สำนักงานสาธารณสุข  และตำรวจภูธรจังหวัด  ซึ่งเป็นคณะทำงานตรวจสอบสินค้าที่ควบคุมฉลาก  ร่วมตรวจสอบฉลากสินค้า  ประเภททองรูปพรรณ  ตามร้านทองในพื้นที่อำเภอเมืองนครปฐม  รวมทั้งตรวจสอบเครื่องชั่งน้ำหนักทองคำให้ได้มาตรฐาน  เนื่องจากปัจจุบันทองคำมีการปรับราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง  ทำให้ผู้บริโภคมีความต้องการในการซื้อทองคำ  ทั้งทองคำแท่งและทองรูปพรรณเพิ่มมากขึ้น  เพื่อเก็งกำไรและเก็บเป็นสินทรัพย์  ซึ่งอาจทำให้ผู้ประกอบการบางรายปฏิเสธการจำหน่ายทองคำให้กับผู้บริโภค  และฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้บริโภคในช่วงเวลาดังกล่าว  นอกจากนี้เพื่อให้ผู้ประกอบกิจการจำหน่ายทองรูปพรรณ  จัดทำสลากสินค้าให้ถูกต้องตามกฎหมาย  โดยจะต้องระบุชื่อประเภท  หรือชนิดของสินค้า  เช่น  สร้อยคอ  สร้อยข้อมือ  แหวน  ต่างหู  พร้อมชื่อและที่อยู่ของผู้ผลิต  ชื่อและที่อยู่ของผู้ขาย  น้ำหนักทองรูปพรรณ  ซึ่งมาตรฐานจะอยู่ที่บาทละ  15.16  กรัม  ปริมาณความบริสุทธิ์ของทองรูปพรรณ  ซึ่งมีตั้งแต่  99.99  เปอร์เซ็นต์  96.5  เปอร์เซ็นต์  และ  90  เปอร์เซ็นต์   รวมทั้งแสดงราคา  ค่าแรงหรือค่ากำเหน็จ  ราคาทองในแต่ละวันและราคารับซื้อคืนทองรูปพรรณตามที่สมาคมค้าทองคำประกาศ  โดยราคาทองคำในวันที่ 20  พ.ค.  56  ทองคำแท่ง  96.5  เปอร์เซ็นต์  ราคารับซื้อบาทละ  19,050  บาท  ขายออกที่  19,150  บาท  ทองคำรูปพรรณ  96.5  เปอร์เซ็นต์  ราคารับซื้อบาทละ  18,768  บาท  ขายออกที่  19,550  บาท
                จากการตรวจสอบร้านทองในพื้นที่อำเภอเมืองนครปฐม  ไม่พบการกระทำผิดกฎหมาย  ทั้งฉลากสินค้าและเครื่องชั่งน้ำหนัก  ซึ่งคณะทำงานตรวจสอบสินค้าที่ควบคุมฉลาก  จะดำเนินการตรวจสอบฉลากสินค้า  ตามร้านทองในพื้นที่อำเภอต่างๆ  ในจังหวัดนครปฐมต่อไป  หากผู้ประกอบการรายใดฝ่าฝืน  ไม่จัดทำฉลากให้ถูกต้องตามกฎหมาย  จะมีโทษจำคุกไม่เกิน  6  เดือน  หรือปรับไม่เกิน  50,000  บาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ  

เหี้ยสร้างปัญหา..................


 นายไชยผดุง  พรหมสวัสดิ์  ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรสงคราม  เปิดเผยว่า  สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรสงคราม ได้รับแจ้งจากประชาชนว่าได้รับความเดือดร้อนจากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เหี้ย) มาทำลายทรัพย์สิน โดยเฉพาะบ่อปลา บ่อกุ้ง บ่อปู ฯลฯ  ทำให้มีรายได้ลดลง จึงขอให้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฯ แก้ไขปัญหาความเดือดร้อน และผลกระทบต่อการประกอบอาชีพของประชาชน สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรสงคราม จึงได้จัดทำโครงการเสริมสร้างศักยภาพการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน กิจกรรม แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เหี้ย) ปีงบประมาณ ๒๕๕๖ โดยดำเนินการสำรวจความเดือดร้อนจากสัตว์ป่าคุ้มครองฯ/สำรวจเส้นทางการเข้าพื้นที่แหล่งที่อยู่อาศัยด้วยการวางแผนในการดักจับเหี้ย/ดำเนินการสร้างแร้ว – วางแร้วดักจับ และขนส่งไปในพื้นที่ที่เหมาะสม เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในเบื้องต้นให้กับประชาชนในพื้นที่ และเพื่อลดจำนวนประชากรสัตว์ป่าคุ้มครอง (เหี้ย) และสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่  มีเป้าหมายให้ได้ จำนวน ๔๐๐ ตัว ใน ๑๐ ตำบลของพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม โดยความร่วมมือระหว่างสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรสงคราม(โดยมีเขตห้ามล่าสัตว์ป่าพันท้ายนรสิงห์ สำนักบริการพื้นที่อนุรักษ์ที่ ๓ (บ้านโป่ง) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นหน่วยงานสนับสนุน)  คาดว่าสามารถลดจำนวนประชากรในวัยเจริญพันธุ์ลงได้ และควบคุมอัตราการเกิดของประชากรสัตว์ป่าคุ้มครอง (เหี้ย) รวมทั้งสามารถลดค่าจ้างแรงงานในการเฝ้าระวังพื้นที่ประกอบอาชีพการประมงด้วย ซึ่งได้ดำเนินการวางแร้วดักจับสัตว์ป่าคุ้มครอง (เหี้ย) ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ กำหนดแล้วเสร็จในเดือน สิงหาคม ๒๕๕๖
                                ทั้งนี้ โดยธรรมชาติของจังหวัดสมุทรสงคราม มีแม่น้ำแม่กลองเป็นแม่น้ำสายหลัก และมีลำคลอง ลำน้ำสาขาจำนวนมาก รวมทั้งการมีสภาพแวดล้อมที่ดี น้ำใสสะอาด จึงเป็นแหล่งอาศัยและขยายพันธุ์ของเหี้ย (Varanus Salvator) ซึ่งถูกกำหนดโดยกฎกระทรวงให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองจำพวกสัตว์เลื้อยคลานลำดับที่ ๙๑ การจับหรือนำออกนอกพื้นที่จึงถือว่าเป็นการล่าสัตว์ต้องได้รับการอนุญาตจากอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ ในธรรมชาติจึงมีเหี้ย (Varanus Salvator) เพิ่มขึ้นมาก จนเกิดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ การจัดทำโครงการเสริมสร้างศักยภาพการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน กิจกรรม แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เหี้ย) ปีงบประมาณ ๒๕๕๖ ของสำนักงานฯ จึงเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนและควบคุมปริมาณสัตว์ป่าคุ้มครองให้สมดุลกับสภาพพื้นที่ ดังกล่าว

นครปฐม จับมือ กาญจนบุรี จัดงานนัดพบตลาดงานเชิงคุณภาพ ที่นครปฐม


      นางศุภนา คุ้มวงศ์ดี จัดหางานจังหวัดนครปฐม  เปิดเผยว่า เพื่อให้การสมัครงานได้กว้างขวางขึ้นสำนักงานจัดหางานจังหวัดนครปฐมขอเปลี่ยนกำหนดวันจัดโครงการนัดพบตลาดงานเชิงคุณภาพ 
“E-Jobs Fair @ Nakhonpathom” จากเดิมวันที่ 14-15 มิถุนายน 2556   เป็นวันที่ 17-18 กรกฎาคม 2556  
ณ ห้องสวัสดี โรงแรมริเวอร์ จังหวัดนครปฐม ส่งเสริมให้ผู้สำเร็จการศึกษาใหม่ในปีการศึกษานี้
   ผู้ถูกเลิกจ้าง ผู้ต้องการเปลี่ยนงาน และประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสเลือกสมัครงานและสัมภาษณ์งานที่ตรงกับความรู้ ความสามารถ และความถนัดของตนเอง โดยใช้ระบบอินเตอร์เน็ตในการรับสมัคร และรองรับนโยบายค่าจ้าง 300 บาทต่อวัน และ 15,000 บาทต่อเดือน  ผู้สมัครงานสามารถลงทะเบียนสมัครงานล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 
15 มิถุนายน - 10
 กรกฎาคม 2556 ทาง www.doe.go.th/jobnakhonpathom  
                จัดหางานนครปฐม กล่าวเพิ่มเติมว่า ในงานนี้มีการดำเนินโครงการรับงานสู่บ้านเพิ่มรายได้
ในครัวเรือน เพื่อให้นายจ้าง/สถานประกอบการที่ต้องการจ่ายงานไปทำที่บ้านได้มีโอกาสพบผู้ต้องการร่วมงานด้วย
 อีกทั้งฝึกอาชีพอิสระให้ผู้สนใจอีก 12 อาชีพ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดนครปฐม  โทร 0-3425-0861-2 ต่อ 11,12