pearleus

วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2559

รมว.พม.ประธานงานเลี้ยงเกษียณสค.

เมื่อวันที่ 30 ก.ย.59 เวลา 11.00 น. อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต พร้อมด้วยผู้บริหาร และข้าราชการในสังกัด ร่วมงานเลี้ยงอำลาเกษียณอายุข้าราชการ โดย พล.ต.อ. อดุลย์  แสงสิงแก้ว รมว.พม. เป็นประธานในพิธีเลี้ยงอำลาเกษียณอายุฯ เพื่อเป็นการให้เกียรติแสดงถึงความรักและความผูกพันที่มีต่อผู้เกษียณอายุราชการ โดยมีข้าราชการ สค.ซึ่งเกษียณอายุราชการในวันนี้เข้าร่วมงานด้วย 1 ท่าน คือ ผอ.อัจฉราฉวี หาสุณหะ ผอ.กลุ่มมาตรการกลไก กองส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวง พม. ในการนี้ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี นำโดย ผู้อำนวยการศูนย์ฯ (ผอ.นฤมล พงษ์สุภาพ) และทีมงาน ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ดูแลจัดทำอาหารและเครื่องดื่มเลิศรสตลอดงาน ซึ่งได้รับคำชื่นชมจากคณะผู้บริหาร สื่อมวลชน และแขกผู้มีเกียรติซึ่งถือเป็นกำลังใจแก่บุคลากร และเป็นความภาคภูมิใจของ สค. เป็นอย่างยิ่ง ขอแสดงความขอบคุณศูนย์ฯ ภาคกลาง และผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน








เชิญทำข่าว "โฆษก...พบสื่อ”

วันที่  30 ก.ย. 59  เวลา 10.00 น. เชิญทำข่าว "โฆษก...พบสื่อ” ประเด็นเกี่ยวกับ  พม. ออกประกาศกำหนดวงเงินและรายการค่าใช้จ่ายเป็นเงินรางวัลและค่าตอบแทนในการนำจับและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ณ บริเวณ ชั้น 1 กระทรวง พม.  สะพานขาว  กรุงเทพฯ

ต่อจากนั้น เวลา 11.00 น. เชิญร่วมงานเลี้ยงอำลาเกษียณอายุราชการ  ข้าราชการกระทรวง พม. ณ ห้องประชุม ชั้น 2 กระทรวง พม. สะพานขาว กรุงเทพฯ  โดย พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว  รมว.พม.  เป็นประธานในงาน

เปิดงาน 70 ปีแห่งการครองราชย์ มหาราชา ไหว้เจ้า 9 ศาลเทศกาลกินเจจังหวัด

  
เมื่อ 30 กันยายน 2559 นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานในพิธีเปิดงานไหว้เจ้า 9 ศาลเทศกาลกินเจสมุทรสาคร ประจำปี 2559  70 ปี แห่งการครองราชย์มหาราชา โดย มีนายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ นายกอบ จ.สมุทรสาคร นายสุภาพ แซ่เฮ้ง นายกเทศมนตรีนครสมุทรสาคร นายชุมพล จันทร์จรัสวัฒนา รองนายกเทศมนตรีนครสมุทรสาคร พร้อมด้วยนางอินทิรา วุฒิสมบูรณ์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสมุทรสงคราม
ดร.สุนทร วัฒนาพร ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสาครและนายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสมุทรสาครพร้อมผู้แทนภาครัฐ ภาคเอกชนละประชาชนเข้าร่วม โดยภายในงานได้มีการแสดงของนักเรียนโรงเรียนสังกัดเทศบาลนครสมุทรสาครพร้อมมอบป้ายรับรองมาตรฐานอาหารสะอาด รสชาติอร่อย และมอบโล่เกียรติคุณแก่หน่วยงานที่สนับสนุนการจัดงาน นอกจากนี้ยังมีการผัดหมี่เจจี้กง 8 แจกจ่ายแก่แขกผู้มีเกียรติและประชาชนผู้มาร่วมงานอีกด้วย 

ซึ่งเทศกาลกินเจถือเป็นเทศกาลแห่งการอิ่มบุญ อิ่มใจ และอิ่มกายแล้วยังเป็นการบำเพ็ญมหาทานครั้งใหญ่อีกด้วย..สำหรับงานจะมีตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน - 9 ตุลาคม2559 จึงขอเชิญทุกท่านมาเยี่ยมชมไหว้เจ้า 9 ศาลและร่วมกันรับประทานอาหารเจกว่า 50 ร้านค้าที่มีการควบคุมคุณภาพความสะอาดและความปลอดภัย ณ บริเวณริมเขื่อนหน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร




















สค.มอบประกาศฯวิชาชีพหลักสูตรระยะสั้นแก่สตรี-ครอบครัว

เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2559 ที่ผ่านมา อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิตได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตรและปิดการฝึกอบรมวิชาชีพโครงการสร้างชีวิตใหม่ให้สตรีและครอบครัว ประจำปี 2559 และโครงการเสริมสร้างทักษะด้านอาชีพระยะสั้นฯ (หลักสูตร 30 วัน) ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ 36 พรรษา จังหวัดชลบุรี โดยมี ผู้อำนวยการศูนย์ฯ (ผอ.ศิรินาถ ยกเลื่อน) พร้อมด้วยข้าราชการ เจ้าหน้าที่ แขกผู้มีเกียรติ และผู้เข้ารับการฝึกอบรมให้การดูแลต้อนรับ จำนวน 220 คน ในการนี้ท่านอธิบดี ได้มอบโอวาทแก่ผู้สำเร็จการฝึกอบรมให้มีความรับผิดชอบ ตรงต่อเวลา มีความซื่อสัตย์สุจริต และขอให้เป็นตัวแทนของกรม สค. นำสิ่งที่ได้รับไปเผยแพร่ และช่วยระวังไม่ให้เกิดการกระทำรุนแรงต่อเด็กและสตรีในชุมชน







วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2559

ผู้บริหารกรมกิจการสตรีฯ เดินสายปลายปีเยี่ยมหน่วยงานในสังกัด พื้นที่ จ.เชียงราย

     เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 59 นางสาววันเพ็ญ สุวรรณวิสิฏฐ์ รองอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว  ได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมหน่วยงานในสังกัด และมอบประกาศนียบัตร วุฒิบัตร และเงินสงเคราะห์ครอบครัวโครงการสร้างชีวิตใหม่ ให้แก่สตรีและครอบครัวผู้สำเร็จการฝึกอบรมวิชาชีพ ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัว จังหวัดเชียงราย โดยมี นายชาลี สมมาตร ผู้อำนวยการศูนย์ฯ พร้อมด้วยข้าราชการ เจ้าหน้าที่ แขกผู้มีเกียรติ และผู้เข้ารับการฝึกอบรม ให้การดูแลต้อนรับ รวมจำนวน 320 คน
     นางสาววันเพ็ญ กล่าวว่า ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัว จังหวัดเชียงราย มีภารกิจในการให้บริการฝึกอบรมวิชาชีพแก่สตรี เยาวสตรี ที่ครอบครัวมีฐานะยากจนและขาดโอกาสทางการศึกษา ตลอดจนสตรีที่ว่างงานต้องการฝึกอาชีพ ให้มีความรู้ และทักษะในสาขาวิชาชีพต่างๆ เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ แก่กลุ่มเป้าหมายให้มีรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาการว่างงานและความยากจน เป็นการสร้างความเข้มแข็ง ให้แก่สตรี เยาวสตรี  รวมถึงกลุ่มสตรีในชุมชน ในเขต 5 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย จังหวัดน่าน จังหวัดแพร่ จังหวัดพะเยา และจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยได้เปิดดำเนินการฝึกอบรมอาชีพ 2 รูปแบบ คือ รูปแบบการฝึกอบรมภายในศูนย์ฯ และรูปแบบการฝึกอบรมอาชีพในชุมชน ตามโครงการสร้างชีวิตใหม่ให้สตรีและครอบครัว
     ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ มาเพื่อมอบประกาศนียบัตร วุฒิบัตร และเงินสงเคราะห์ครอบครัวโครงการสร้างชีวิตใหม่ ให้แก่สตรีและครอบครัวผู้สำเร็จการฝึกอบรมวิชาชีพ จำนวน 303 คน จากจำนวนผู้สำเร็จการฝึกอบรม ทั้งสิ้น 529 คน การฝึกอบรมกลุ่มเป้าหมายของศูนย์ฯ นี้ ได้มีการบูรณาการกับเครือข่ายซึ่งประกอบด้วย หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนด้วย ได้แก่ หลักสูตร 6 เดือน เกี่ยวกับ หลักสูตรพนักงานผู้ช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุและเด็กเล็ก หลักสูตรโรงแรมและบริการ หลักสูตรการตัดเย็บเสื้อผ้า และหลักสูตรเสริมสวยสตรี ตลอดจนหลักสูตรระยะสั้น เกี่ยวกับ หลักสูตรผู้ช่วยแพทย์แผนไทย (330 ชั่วโมง) หลักสูตรนวดสปา และหลักสูตรการทำพานบายศรี ซึ่งหลักสูตรเหล่านี้ ได้แก่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย

     นอกจากนี้ สำหรับรูปแบบการฝึกอบรมอาชีพในชุมชน ตามโครงการสร้างชีวิตใหม่ให้สตรีและครอบครัว ก็ได้มีองค์กรเครือข่ายในพื้นที่ เช่น สำนักงานเทศบาลตำบล และองค์การบริหารส่วนตำบลต่างๆ ในพื้นที่ จังหวัดเชียงราย จังหวัดพะเยา และจังหวัดแพร่ มาร่วมบูรณาการ เหล่านี้ ถือเป็นแนวทางและทิศทางการดำเนินงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่กลุ่มเป้าหมาย นางสาววันเพ็ญกล่าวในตอนท้าย









วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2559

กระทรวงมหาดไทย สั่งด่วนถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ชี้แจงแนวทางการบริหารจัดการน้ำที่ท่วมอยู่ในหลายจังหวัด แนะการผลักดันน้ำ - หาพื้นที่รับน้ำต้องคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดต่อประชาชนเป็นสำคัญ

เมื่อ 28 ก.ย. 59  นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้มีข้อสั่งการด่วนที่สุดไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกจังหวัด เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ ทั้งนี้ สืบเนื่องจากที่มีจังหวัดที่ประสบปัญหาน้ำท่วมได้หารือมายังกระทรวงมหาดไทย กรณี การปิด เปิดประตูระบายน้ำ หรือการใช้เครื่องผลักดันน้ำออกจากพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมว่า      จะสามารถผลักดันน้ำเข้าพื้นที่สาธารณะ หรือพื้นที่ที่มีการทำการเกษตรบางส่วนได้หรือไม่ เพื่อเป็นการรักษาพื้นที่เศรษฐกิจส่วนใหญ่ หรือพื้นที่ที่มีประชาชนอาศัยอยู่หนาแน่น ดังนั้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนถึงแนวทางปฏิบัติในกรณีดังกล่าว กระทรวงมหาดไทยจึงแจ้งให้จังหวัดดำเนินการ ดังนี้
          1. การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ ให้จังหวัดประสานงานกับหน่วยงานชลประทานในพื้นที่ และหน่วยงานที่เป็นตัวแทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประจำจังหวัด (Single Command) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีองค์ความรู้เรื่องน้ำมากกว่าหน่วยงานอื่นๆ
          2. ให้นายอำเภอแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและส่วนราชการต่างๆในพื้นที่ เป็นผู้สำรวจและให้ข้อมูลกับหน่วยงานตามข้อ 1. เพื่อประกอบการพิจารณาว่า จะใช้พื้นที่ใดเป็นที่รับน้ำ หรือระบายน้ำไปกักเก็บไว้และพื้นที่ดังกล่าวมีการเพาะปลูกทำการเกษตรหรือไม่ หรือมีประชาชนอาศัยอยู่จำนวนเท่าใดที่จะได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำดังกล่าวมากน้อยเพียงใด
          3. การทำความเข้าใจสร้างการรับรู้ที่ถูกต้อง เมื่อมีการตกลงแล้วว่าจะผันน้ำหรือผลักดันน้ำเข้าพื้นที่ใด ขอให้จังหวัดจัดตั้งทีมบูรณาการประกอบด้วยส่วนราชการต่างๆ โดยมี ฝ่ายปกครอง หรือ ปภ. เป็นฝ่ายเลขานุการ ร่วมกันออกไปชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ให้ชัดเจนว่า ประชาชนที่เสียสละยินยอมให้พื้นที่ทำเป็นแหล่งกักเก็บน้ำหรือระบายน้ำนั้น จะได้รับการช่วยเหลือเยียวยาจากทางราชการอย่างไร
          4. หลักเกณฑ์การช่วยเหลือเกษตรกรต้องเป็นไปตามระเบียบและวิธีการเยียวยา โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัด มอบหมายให้หน่วยงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประจำจังหวัด เป็นหน่วยงานหลักในการเสนอข้อมูลไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อพิจารณากำหนดเป็นนโยบายและแนวทางปฏิบัติให้ชัดเจนก่อนดำเนินการ

          5. การทำความเข้าใจนโยบายและโครงการสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกร เช่น นโยบายสนับสนุนให้เกษตรกรมาร่วมกันทำโครงการเกษตรแปลงใหญ่  โครงการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรตามแผนที่เกษตรเชิงรุก (Zoning by Agri-Map) ซึ่งมีหลักการให้เกษตรกรเปลี่ยนการปลูกข้าวในพื้นที่ไม่เหมาะสม ไปทำการกสิกรรมอย่าง อื่นๆ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ มีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ดังนั้น จึงขอให้จังหวัดประสานงานกับหน่วยงานที่เป็นตัวแทน กระทรวงเกษตรฯ ประจำจังหวัด(Single Command) ลงพื้นที่ประชุมชี้แจงประชาชนที่มีอาชีพทำการเกษตรให้เข้าใจ และอาจใช้เป็นแนวทางในการช่วยเหลือเกษตรกรที่ยินยอมให้ใช้พื้นที่ทำกินของตนเองเป็นพื้นที่ระบายน้ำหรือกักเก็บน้ำด้วย ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยได้เน้นย้ำให้ ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอในฐานะหัวหน้าส่วนราชการภูมิภาคให้ความสำคัญ ต่อการประสานงานกับส่วนราชการต่างๆที่เข้ามาปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดโดยใกล้ชิด เพื่อให้เกิดการบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม หากประสบปัญหาจนไม่อาจแก้ไขได้ หรือ จะเป็นผลเสียต่อการ

อธิบดีกรม สค. ลงพื้นศรีสะเกษ เยี่ยมชมหน่วยงานในสังกัด และมอบวุฒิบัตรแก่ผู้สำเร็จการฝึกอบรมอาชีพ

เมื่อวันที่  27 ก.ย. 2559 นายเลิศปัญญา  บูรณบัณฑิต อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมหน่วยงานในสังกัด และมอบวุฒิบัตรแก่ผู้สำเร็จการฝึกอบรมอาชีพ ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมี นายวิศิษฐ์ ผลดก ผู้อำนวยการศูนย์ฯ พร้อมด้วยผู้บริหารหน่วยงานในสังกัด พม. ตลอดจนข้าราชการ เจ้าหน้าที่ แขกผู้มีเกียรติ และผู้เข้ารับการฝึกอบรม ให้การดูแลต้อนรับ รวมจำนวน 250 คน
     นายเลิศปัญญา กล่าวว่า ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดศรีสะเกษ เดิมใช้ชื่อว่า ศูนย์สงเคราะห์และฝึกอาชีพสตรีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดศรีสะเกษซึ่งเป็นหน่วยงานสังกัดสำนักคุ้มครองสวัสดิภาพหญิงและเด็ก กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กระทรวง พม. และเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2558 ได้โอนมาสังกัดกรม สค. กระทรวง พม. ตามพระราชบัญญัติ ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2558 พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดศรีสะเกษซึ่งเป็นหน่วยงานที่ให้บริการด้านการฝึกอาชีพแก่สตรีและครอบครัวที่ขาดโอกาสทางการศึกษา ตลอดจนกลุ่มสตรีที่ต้องการเพิ่มทักษะฝีมือในวิชาชีพด้านต่างๆ ให้มีทักษาฝีมือในการประกอบอาชีพ เพื่อหารายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัว และเป็นการสนองตอบต่อนโยบายของรัฐบาลที่เห็นความสำคัญในการแก้ไขปัญหาความยากจนของพี่น้องประชาชนในชนบท และเห็นความสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในท้องถิ่นเพื่อป้องกันปัญหาสังคมด้านอื่นๆ ในพื้นที่ 10 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดนครพนม จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดยโสธร จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดอำนาจเจริญ 
     นายเลิศปัญญา กล่าวต่ออีกว่า การลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดศรีสะเกษ ในวันนี้ ได้มอบวุฒิบัตรให้แก่ผู้สำเร็จการฝึกอบรม รุ่นที่ 54 ซึ่งมีผู้สำเร็จการฝึกอบรมอาชีพรวมทุกประเภทจำนวน 2,221 คน และมีความประสงค์จะเข้ารับวุฒิบัตร จำนวน 230 คน โดยแยกเป็น ผู้สำเร็จการฝึกอบรมอาชีพหลักสูตร 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน ภายในหน่วยงาน จำนวน 120 คน และผู้สำเร็จการฝึกอบรมอาชีพตามโครงการสร้างชีวิตใหม่ให้สตรีและครอบครัวในชุมชน จำนวน 110 คน จากพื้นที่และหลักสูตรต่างๆ ได้แก่ หลักสูตรการทอผ้า - พื้นที่บ้านหัวดง ตำบลหนองหมี อำเภอราศีไศล จังหวัดศรีสะเกษ, หลักสูตรอาหาร/ขนม บ้านนิคมห้วยคล้า ตำบลหมากเขียบ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ, หลักสูตรการเย็บผ้าด้วยมือ องค์การบริหารส่วนตำบลพิมาร อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม, หลักสูตรการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากเสื่อ เทศบาลตำบลถาวร อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ และหลักสูตรดอกไม้ ใบตองและผูกผ้าประดับ บ้านกุดน้ำใส ตำบลหนองบัวตะเกียต อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา

     ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดศรีสะเกษ มีแนวทางและทิศทางการดำเนินงาน ในการพัฒนาศักยภาพกลุ่มสตรีเป้าหมายให้สามารถพึ่งตนเองได้ โดยการฝึกอบรมวิชาชีพ พร้อมทั้งส่งเสริมการมีรายได้ระหว่างอบรมและภายหลังจบ ควบคู่ไปกับการสงเคราะห์คุ้มครองสวัสดิภาพ และพัฒนาคุณภาพชีวิต การพัฒนารูปแบบและวิธีการดำเนินงานให้ได้มาตรฐาน ตามมาตรฐานการจัดบริการสวัสดิการสังคมแก่สตรีในศูนย์เรียนรู้ฯ และมาตรฐานการปฏิบัติงานด้านการจัดสวัสดิการสังคมขององค์การสวัสดิการสังคม การบูรณาการการทำงานกับเครือข่ายซึ่งประกอบด้วย หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อประโยชน์สูงสุดของกลุ่มเป้าหมายและการพัฒนาระบบบริหารการจัดการให้มีคุณภาพ โดยการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้และมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบสารสนเทศและพัฒนางาน ร่วมสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้และองค์กรแห่งความผาสุก นายเลิศปัญญากล่าวในตอนท้าย