pearleus

วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2558

ร้องต้านท่าเรือถ่านหินอัคร “เผยเจอบีบข่มขู่”


ร้องต้านท่าเรือถ่านหินอัคร “เผยเจอบีบข่มขู่
วันที่ 30 มกราคม 58 (ที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.สมุทรสาคร) นายชาญชัย รุ่งโรจน์สาคร ชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เพื่อชาวสมุทรสาคร ฐานะอดีตแกนนำผู้ต้านถ่านหิน ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร และชาวบ้านบางส่วน เข้าร่วมยื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อ ร...อาทิตย์ บุญญะโสภัต ผวจ.สมุทรสาคร ระบุว่า ในฐานะกลุ่มต่อต้านท่าเรือขนถ่ายถ่านหินในพื้นที่หลังมีกระแสข่าวการเดินหน้าเตรียมเปิดใช้ท่าเรือขนถ่ายถ่านหินริมฝั่งท่าจีน ซึ่งคาดกันว่าอนาคตอันใกล้อาจมีการเปิดใช้ขนถ่ายถ่านหินใช้นาม ท่าเรืออัคร ที่เคยมีเดินเรื่องกันก่อนหน้านี้ นอกจากนี้โดยมีใบสำเนาแจ้งความร้องทุกข์กับทาง สภ.เมืองสมุทรสาคร ฐานถูกข่มขู่นำมายื่นประกอบให้ผู้ว่าราชการสมุทรสาครด้วย อ้างว่าที่ผ่านมาเคยถูกเรียกคุยบีบครั้นไม่ให้ต่อต้านการเปิดท่าเรือดังกล่าว ที่สำคัญมีการแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงเกี่ยวกับตัวท่าเรือดังกล่าวของณัฐพล(หรือกอล์ฟ) อดีตคนนามสกุลดังรายหนึ่ง ซึ่งต่อมาเคยส่งตัวแทนยื่นหนังสือให้ทางจังหวัด ยกเลิกคำสั่งปิดท่าเรือของ อดีต ผวจ.สมุทรสาคร (นายจุลภัทร์ แสงจันทร์)ในที่ประชุมห้องศาลากลางจังหวัดเมื่อปีก่อน ท่ามกลางบรรดาแทนแกนนำต่อต้านถ่านหินในระหว่างประชุมติดตามความคืบหน้าดูแลปัญหาจำหน่ายถ่านหิน(ประจำเดือน) ต่อมาไม่นานก็มีการประกาศยกเลิกคณะกรรมการชุดประชาชนเดิมที่ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่จนหมด ก่อนแต่งตั้งใหม่แทนชุดเดิมซึ่งเป็นผู้นำชุมชนส่วนใหญ่ ดังนั้นจึงมีความประสงค์เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้

นายชาญชัย เผยด้วยว่า สำหรับแกนนำผู้ที่ถูกอุ้มไปคุยในสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งนอกพื้นที่จังหวัดมีอยู่ด้วยกันประมาณคน ขณะนี้ได้ถูกสอบปากคำให้การกับเจ้าหน้าที่ไปแล้ว ส่วนเหตุที่พึ่งมาร้องทุกข์กล่าวโทษในช่วงนี้ เนื่องจากสมัยนั้นไม่กล้าเปิดปากเพราะหวั่นเกรงภัยอิทธิพลบางประการ อย่างไรก็ตามยืนยันยังต่อต้านการขนถ่ายถ่านหินทางเรือต่อไปแม้จะมีแกนนำบางรายถอยฉากออกไปหลายคน สำหรับ
 ท่าเรืออัครนี้ชื่อเดิมก็คือ ท่าเรือเซ็นจูรี่ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำท่าจีนในปัจจุบัน

โดย...มานพ  พฤฒิวโรดม บก.ข่าว หนังสือพิมพ์ชี้ชัด เจาะลึก จ.สมุทรสาคร          
        087- 151-2525

เจ้าหน้าที่ 5 หน่วยงานราชการผู้ที่เกี่ยวข้องเตรียมเด้ง

คืบหน้า ผู้ว่าฯมหาชัย สั่ง 5 หน่วยงานราชการแจง 2 ก.พ. ปล่อยโรงงานบางกระเจ้าส่งกลิ่นเหม็น-ลอยนวล ยันพบข้อบกพร่อง-จ่อเดินหน้าตรวจละเอียด
จากปัญหาโรงงานผลิตสารเคมี ในพื้นที่หมู่ 8 ต.บางกระเจ้า อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ก่อผลกระทบมลภาวะทางอากาศส่งกลิ่นเหม็นฉุนอย่างรุนแรง เป็นเหตุให้ นางสาวมณี ปั้นอุดม และนายสมวิทย์ อิทธิฤทธิกุล นำตัวแทนนำชาวบ้าน เข้าร้องเรียนความเดือดร้อนกับนายจงรัก เพชรสน ฐานะศูนย์ดำรงธรรม จ.สมุทรสาคร เพื่อให้ช่วยตรวจระบบในโรงงานทั้งบ่อบำบัดน้ำเสียของ บ.สยามเอเซียเคมิคอล อินดัสตรีย์ จก. และ หจก.เอสเค อินเตอร์เคมีคอล สร้างความเดือดร้อนเมื่อสูดดมกลิ่นเหม็นฉุน มีอาการแสบจมูกแสบคอและคลื่นไส้อย่างรุนแรงนั้น
ล่าสุด (วันที่ 30 ม.ค.58) ร.ต.ท.อาทิตย์ บุญญะโสภัต ผวจ.สมุทรสาคร ได้สั่งการให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องผู้กำกับดูแลเรื่องดังกล่าว ประกอบด้วย สนง.อุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร, ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.), อบต.บางกระเจ้า, กรมควบคุมมลพิษโดย สนง.สิ่งแวดล้อมภาค 5 เร่งชี้แจงผลรายงาน ทั้งนี้ หลังจากที่เคยได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบโรงงานเรื่องก่อปัญหาแก่ชาวบ้าน เมื่อหลายเดือนก่อนหน้า (29 ก.ค.2557) ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีผลรายงานข้อเท็จจริงตรวจแก้ไข
นายจงรัก กล่าวว่า หลังลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพผลกระทบหลายส่วนปรากฏว่าพบสอดคล้องข้อร้องเรียน และยังพบข้อบกพร่องเจ้าหน้าที่บางส่วนด้วย ดังนั้นจึงเสนอเรื่องยังผู้ว่าราชการจังหวัดรับทราบแล้ว ล่าสุดมีคำสั่งให้หน่วยงานเกี่ยวข้องข้างต้น เร่งทำรายงานชี้แจงผลงานอย่างละเอียดโดยด่วน ภายในวัน 2 ก.พ.ทั้งนี้ จากนั้นจะลงพื้นที่เพื่อดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งแน่นอนตามกฎหมายต่อไป คาดว่าไม่เกินสัปดาห์หน้ารู้เรื่องจึงขอให้ชาวบ้านผู้เดือดร้อนนั้นอดใจรอขั้นตอนทำงานของศูนย์ดำรงธรรมซักหน่อย
ด้านนายสมวิทย์ ผู้จัดการโรงงานแปรรูปผลไม้แห่งหนึ่ง ที่อยู่ข้างเคียงในฐานะตัวแทนชาวบ้าน ยืนยันว่า ได้รับผลกระทบปัญหาทางอากาศส่งกลิ่นฉุนคล้ายแก๊สมากที่สุด รวมทั้งพนักงานอีกจำนวนมาก เมื่อสูดกลิ่นเหม็นคล้ายไอระเหยมาเป็นระยะๆ ทำให้แสบจมูกและแสบคอรุนแรง ทั้งที่เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบแล้วแต่เรื่องก็เงียบไปจึงอาสาเป็นแกนนำร้องเรียน นอกจากนี้ให้ตรวจเรื่องบ่อบำบัดน้ำเสียด้วย ซึ่งล่าสุดยังมีร่องรอยสภาพคราบน้ำสนิมที่รั่วไหลจากภายในออกมาเป็นหลักฐานสามารถยืนยัน

ขณะที่ น..มณี กล่าวยอมรับว่า ต่อไปนี้ต้องระมัดวังตัวเรื่องความปลอดภัยให้มากขึ้น หลังมีการร้องเรียนรู้สึกหวั่นเกรงอิทธิพล เพราะที่ผ่านมาเคยมีปัญหาการข่มขู่ประชาชน
โดย...มานพ  พฤฒิวโรดม บก.ข่าว หนังสือพิมพ์ชี้ชัด เจาะลึก จ.สมุทรสาคร
         087-1512525



นักธุรกิจ YEC ให้กำลังใจพ่อเมือง “เคียงข้างทำงานเพื่อสังคม”

นายกิตติพงษ์ เจริญคงธรรม ประธานกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ YEC  และคณะกรรมการสภาหอการค้า จ.สมุทรสาคร ได้นำสมาชิกเข้าพบ ร้อยตำรวจโทอาทิตย์ บุญญะโสภัต ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร (ที่จวนบ้านพักผู้ว่า) เส้นทางถนนเอกชัย สนามกีฬาจังหวัด  เพื่อให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่พัฒนาจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมแจกันดอกไม้เข้าอวยพรปีใหม่ย้อนหลัง ท่ามกลางบรรยากาศชื่นมื่น ก่อนจะได้รับเชื้อเชิญทาง YEC กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่เข้าร่วมกิจกรรมกับทางสภากาชาด จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อช่วยสังคมในอนาคต
       
นายกิตติพงษ์กล่าวว่า ในการนี้ได้หาจังหวะที่เหมาะสมหลังเล็งเห็นการทำงานของผู้ว่าราชการสมุทรสาครตั้งแต่มารับตำแหน่งบริหารงานให้ชาวสมุทรสาครมาอย่างเต็มที่ จึงนัดหมายกันเข้าพบอวยพรปีใหม่ย้อนหลัง พร้อมให้กำลังใจในการทำงานด้วย และล่าสุดได้รับเชิญเข้าร่วมงานเหล่ากาชาดจังหวัดทำกิจกรรมเพื่อสังคม พร้อมกันนี้นายกิตติพงษ์ ได้สนับสนุนปัจจัยจำนวนหนึ่งเพื่อสมทบเข้าร่วมกับสภากาชาดจังหวัดเพื่อใช้ทำกิจกรรมสาธารณะต่อไป ซึ่งจะทำงานเคียงข้างกับผู้ว่าฯสมุทรสาครเพื่อเป็นกำลังใจ ทั้งนี้ ร.ต.ท.อาทิตย์ พ่อเมืองมหาชัย
โดย...มานพ  พฤฒิวโรดม บก.ข่าว หนังสือพิมพ์ชี้ชัด เจาะลึก จ.สมุทรสาคร          
        087- 151-2525


ประชาชนร้องทุกข์ ตร.และศูนย์ดำรงธรรมกับนายณัฐพล สุวะดี(อัครพงศ์ปรีชา)

สรุปลำดับเหตุการณ์ คดี:ท่าเรือ อัคร
               
เมื่อปี พ.ศ. 2554 มวลชนชาวสมุทรสาคร จำนวนประมาณ 200 คน ได้ทำการปิดถนนพระราม 2 เพื่อประท้วงการขนถ่ายถ่านหินเป็นเหตุให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในขณะนั้น คือ นายจุลภัทร แสงจันทร์ มีคำสั่งให้ระงับการขนถ่ายถ่านหินในจังหวัดสมุทรสาคร ต่อมาเมื่อปี 2555 นายสมเกียรติ กิจพ่อค้า เจ้าของท่าเรือเซ็นจูรี่ ผู้ประกอบการขนถ่ายถ่านหินได้ติดต่อกับ นายณัฐพลฯหรือกอล์ฟ สุวะดี ผ่าน นายปัญญา สร้อยพวง เพื่อจะหาทางให้ผู้ว่าฯ ยกเลิกคำสั่งระงับการขนถ่ายถ่านหิน จากนั้นนายณัฐพลฯ ได้ให้ นายชัยยา กาญจนรัตนพงศ์ โทรศัพท์ติดต่อ นายชาญชัยฯ และนายศรัญณัฐฯ แกนนำกลุ่มผู้ต่อต้านการขนถ่ายหิน โดยข่มขู่ว่า
ตนเป็นลูกท่านแม่พร้อมทั้งแจ้งทั้งสองคนให้มาพบ นายณัฐพลฯ ที่บ้านอัครพงษ์ปรีชา ซึ่งอ้างว่าเป็นเขตพระราชฐานโดยจะให้คนไปรับหรือจะมาพบด้วยตนเอง เมื่อทราบดังนั้น นายชาญชัยฯ จึงขอเดินทางเข้าไปพบเองและชวนนายประจบฯ เดินทางไปเป็นเพื่อนเพื่อไปพบ นายณัฐพลฯ ด้วยตนเอง ที่บ้านดังกล่าว เมื่อไปถึง นายณัฐพลฯได้แจ้งว่า ตนเองต้องการเปิดทำกิจการขนส่งถ่านหินซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวอัครพงศ์ปรีชาและขอให้ชาวบ้านยกเลิกการชุมนุมประท้วง  โดยอ้างตนว่าเป็นน้องชายของพระวรชายา (หรือท่านผู้หญิงศรีรัศมีฯในปัจจุบัน) และยังเป็นลูกของท่านแม่อีกด้วย เมื่อทราบดังนั้นทางแกนนำทั้งคู่จึงเกิดความกลัวและไม่ตอบโต้ใดๆจากนั้นจึงเดินทางกลับ ต่อมานายณัฐพลฯ ได้ขอรับเงินจาก นายสมเกียรติ  กิจพ่อค้า เป็นจำนวนเงิน 1.4 ล้านบาท (เป็นค่านกแก้วมาคอร์สีน้ำเงิน 1 คู่) เพื่อเป็นค่าช่วยเหลือดำเนินการให้ได้รับอนุญาตขนถ่านหินของท่าเรือเซ็นจูรี่แต่

จากการประชุมเบญจภาคีครั้งที่ 1 ที่ประชุมลงมติสรุปว่าท่าเรือเซ็นจูรี่ยังไม่ได้รับอนุญาตจากนั้น นายณัฐพลฯ จึงนัดนายสมเกียรติฯ มาพบที่ร้านอาหารสมุทรสาครเพื่อปรึกษาและขอเปลี่ยนชื่อท่าเรือเซ็นจูรี่เป็นท่าเรืออัครเพื่อให้การดำเนินการต่างๆสามารถได้รับอนุญาตได้ง่ายขึ้น และขอแบ่งผลกำไรตันละ 7 บาทเป็นค่าดำเนินการ จนกระทั่ง เมื่อวันที่  20 ก.ย.2556 จังหวัดสมุทรสาคร ได้มีการประชุมเบญจภาคี ครั้งที่ 2 มี นายชาญชัย และนายณัฐพลฯ เข้าร่วมประชุมด้วย ซึ่งทั้งสองได้ชี้แจงกับที่ประชุมว่า ได้ทำข้อตกลงกับท่าเรือเซ็นจูรี่ และได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นท่าเรืออัครโดยจะดำเนินการปรับปรุงท่าเรือให้เป็นระบบปิดเพื่อป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อม แต่ผลการประชุมสรุปว่ายังไม่ได้รับอนุญาต
                จนกระทั่งเดือน กุมภาพันธ์ 2557 นายณัฐพล และนายชัยยา ได้เข้าพบ ผู้ว่าฯ (ซึ่งในขณะนั้นคือ ว่าที่ร้อยตำรวจโทอาทิตย์ บุญญะโสภัต ) เพื่อขอให้ ผู้ว่าฯ ยกเลกคำสั่ง ระงับการขนถ่ายหินอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้รับอนุญาต และเมื่อทางกลุ่มผู้ต่อต้านการขนถ่ายหินทราบว่า นายณัฐพลฯเป็นบุคคลผู้ที่แอบอ้างสถาบันเพื่อหาผลประโยชน์ในทางมิชอบ  จึงได้มีการรวมตัวกันเพื่อมาร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอความเป็นธรรมและดำเนินคดีต่อไป










วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2558

สรุปผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ประจำเดือน มกราคม 2558

ภ.จว.สมุทรสาคร  กำหนดให้ กก.สส.ฯ และ สภ.ในสังกัด  ทำการระดมกวาดล้างอาชญากรรมฯ ตามสั่งการ ภ. 7  พร้อมกันในวันที่  2026  ม.ค. 2558  โดยเน้นตรวจค้นสืบสวนจับกุมเป้าหมายคดีความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม วัตถุระเบิด ยาเสพติด บ่อนการพนัน สลากกินแบ่ง เครื่องจักรกลไฟฟ้า การพนันทายผลฟุตบอล และอบายมุขทุกประเภท บุคคลต่างด้าว บุคคลรับจ้างทวงหนี้โดยใช้วิธีการรุนแรง สถานบริการ ร้านคาราโอเกะ ร้านข้าวต้มโต้รุ่ง ร้านเกมส์ ร้านอินเทอร์เน็ต โต๊ะสนุกเกอร์ แหล่งมั่วสุมนักเลงอันธพาลและบุคคลพ้นโทษหรือผู้ถูกปล่อยตัวชั่วคราว
                                พร้อมกวดขันจับกุมอบายมุข โดยกำหนดมาตรการเชิงรุกในการป้องกันไม่ให้มีการลักลอบเล่นการพนัน  รวมทั้งควบคุมกำกับดูแลไม่ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าไปเกี่ยวข้อง มีส่วนได้ส่วนเสีย หากพบการฝ่าฝืนต้องถูกดำเนินคดีทั้งทางอาญาและวินัย
จับกุมอาวุธปืน ทั้งสิ้น 12 กระบอก  ดังนี้
    1. ปืนไม่มีทะเบียน  6 กระบอก  ประกอบด้วยอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 5 กระบอก
        ปืนยาวไรเฟิล 1 กระบอก
    2. ปืนมีทะเบียน 6 กระบอก  ประกอบด้วย
        อาวุธปืนออโตเมติก 5 กระบอก (ขนาด .45  1 กระบอก, ขนาด 9 มม. 1 กระบอก , ออโตเมติกขนาด .38 1 กระบอก , ขนาด.357 1 กระบอก, ปืนรีวอลเวอร์ .32 1 กระบอก)
        อาวุธปืนรีวอลเวอร์ .38 1 กระบอก
จับกุมยาเสพติด ทั้งสิ้น 155 ราย  156 คน   ประกอบด้วย
    1. ครอบครองเพื่อจำหน่าย 31 ราย 32 คน , ครอบครอง 102 ราย  102 คน
       และเสพ 19 ราย 19 คน              
    2. ของกลาง ยาบ้า 933.5 เม็ด , กัญชาแห้ง 102.27 กรัม , กัญชาสด 20.23 กรัม ,  
        ไอช์ 17.81 กรัม และพืชกระท่อม 200 ใบ

จับกุมการพนัน ทั้งสิ้น 41 ราย  114 คน


หนุ่มยะลา หยิบกระเป๋าตกอยู่เปิดดู เจอระเบิดมือเกือบขาด

หนุ่มยะลา เห็นกระเป๋าตกอยู่ จึงเดินไปหยิบพร้อมเปิดดู ปรากฏมีระเบิดปิงปองอยู่ภายใน และเกิดระเบิดขึ้นอย่างแรงทำให้แขนขวาหัก กระดูกแตก เจ็บสาหัส จนท.กู้ภัยต้องนำตัวส่ง รพ. คาดเป็นฝีมือพวกต้องการสร้างสถานการณ์...
เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 28 ม.ค. ที่ จ.ยะลา ร.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ นวลเอียด พงส.สภ.เมืองยะลา จ.ยะลา รับแจ้งจากศูนย์วิทยุว่า มีผู้ถูกระเบิดปิงปองได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบริเวณลานจอดรถบริษัท อิซูซุ จำกัด สาขายะลา ถนนเทศบาล 1 เขตเทศบาลนครยะลา ต่อมาพร้อม พล.ต.ต.ทนงศักดิ์ วังสุภา ผบก.ภ.จ.ยะลา พ.ต.อ.จำลอง สุวลักษณ์ ผกก. พ.ต.ท.โสภณ สายสุรีย์ รอง ผกก.ป. รุดไปสอบสวน พบเลือดหยดอยู่บนพื้น ที่เกิดเหตุมีเศษกระเป๋าสีชมพูกระจัดกระจาย ส่วนผู้บาดเจ็บทราบชื่อ นายมูสา นิยมเดชา อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85/7 หมู่ 7 ต.สะเตงนอก มีอาชีพรับจ้าง ถูกแรงอัดระเบิดบริเวณข้อมือขวา เป็นบาดแผลฉกรรจ์ เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลาแล้ว จึงตามไปสอบสวน พบแพทย์กำลังให้การช่วยเหลืออยู่ในห้องฉุกเฉิน

จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุ นายมูสา นิยมเดชา ได้เดินผ่านไปทางบริษัท อีซูซุ จำกัด สาขายะลา เห็นกระเป๋าสีชมพูวางอยู่ จึงได้เดินเข้าไปเปิดดู จู่ๆ ได้เกิดระเบิดดังขึ้นอย่างสนั่นหวั่นไหว แรงระเบิดทำให้แขนขวาหัก กระดูกแตก บาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในละแวกดังกล่าวได้ยินเสียงระเบิดจึงรุดไปตรวจสอบ แล้วรีบนำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า เป็นฝีมือผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์.

วันนี้ทองขึ้นอีก 200 บาท ทองคำแท่งขายออกบาทละ 19,850

สมาคมค้าทองคำ รายงานราคาทองคำ เปิดตลาดวันนี้ ทองปรับเพิ่ม 200 บาท โดยทองคำแท่ง รับซื้อคืนอยู่ที่บาทละ 19,850 บาท และขายออกที่บาทละ 19,950 บาท ส่วนทองรูปพรรณ รับซื้อคืนอยู่ที่บาทละ 19,556.40 และขายออกที่บาทละ 20,350 บาท....
วันที่ 28 ม.ค. 2558 สมาคมค้าทองคำ (Gold Traders Association) รายงานราคาทองคำ เปิดตลาดวันนี้ ทองปรับเพิ่ม 200 บาท โดยทองคำแท่ง รับซื้อคืนอยู่ที่บาทละ 19,850 บาท และขายออกที่บาทละ 19,950 บาท ส่วนทองรูปพรรณ รับซื้อคืนอยู่ที่บาทละ 19,556.40 และขายออกที่บาทละ 20,350 บาท
ขณะที่ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 12.3 ดอลลาร์ หรือ 0.96% ปิดที่ 1,291.70 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำทะยานขึ้นเพราะได้รับปัจจัยบวกจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า ลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจอันซบเซาของสหรัฐฯ ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวรวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค.ซึ่งร่วงลง 3.4% ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% และดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นเพียง 4.3% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2555 นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากรายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่ระบุว่า รัสเซียซื้อทองคำเข้าสู่คลังสำรองเพิ่มขึ้นอีก 20.73 ตัน

อีโบลาจองเวร ลิงกอริลลาต่อ

นักสงวนพันธุ์สัตว์ป่าเปิดเผยว่า โรคระบาดมฤตยูอีโบลากำลังเป็นภัยคุกคาม การที่พวกลิงใหญ่จะมีชีวิตอยู่รอดหรือไม่ เพราะมันได้ผลาญชีวิตของลิงกอริลลาและชิมแปนซีมาตั้งแต่ทศวรรษปี พ.ศ. 2533 มากประมาณ 1 ใน 3 ได้แล้ว
ก่อนหน้านี้มันได้ระบาดขึ้นในแอฟริกาตะวันตกอย่างไม่เคยมีมาก่อน คร่าชีวิตมนุษย์ไปสัก 8,641 คนมาแล้ว และเพิ่งจะมีการส่งวัคซีนป้องกันโรคอีโบลาขนาดทดลองไปถึงไลบีเรียชาติที่โดนโรคระบาดอย่างรุนแรงเมื่อไม่กี่วันมานี่เอง ทำให้นักสงวนพันธุ์สัตว์ป่าเกิดความหวังลมๆแล้งๆไปด้วยว่า พวกลิงซึ่งเป็นเครือญาติพี่น้องที่ใกล้ชิดที่สุดของเราอาจจะพลอยได้อานิสงส์ไปด้วย

อย่างไรก็ดี นักศึกษาปริญญาเอก มีรา อินกลิส มหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ของอังกฤษ ก็ชี้แจงว่า วัคซีนอาจมีส่วนช่วยเหลือทางยุทธวิธีระยะสั้นเท่านั้น เพื่อขัดขวางโรค แต่ยุทธวิธีระยะยาวนั้นอยู่ที่ต้องพยายามกู้ถิ่นฐานที่อยู่ตามป่าของมันให้กลับคงคืนมา เพราะยิ่งมีป่าที่กว้างใหญ่ มันก็ยิ่งมีโอกาสติดโรคน้อยลง ถ้ามีโอกาสได้ติดต่อกับสัตว์อื่นน้อย.

(สมุทรสาคร) บางกระเจ้าร้อง "โรงงานปล่อยกลิ่นเคมีเหม็นฉุนแสบคอ" ขอ จนท.ตรวจใบอนุญาต

"ที่ศาลากลาง จ.สมุทรสาคร" นางสาวมณี ปั้นอุดม อยู่บ้านเลขที่ 39 หมู่ 8 ต.บางกระเจ้า อ.เมืองฯ พร้อมด้วยตัวแทนชาวบ้าน และนายสมวิทย์ อิทธิฤทธิกุล ฐานะตัวแทนพนักงานโรงงานผลิตผลไม้แห่งหนึ่ง เข้าร้องเรียนปัญหาความเดือดร้อนต่อ นายจงรัก เพชรสน ผู้ช่วยจ่าจังหวัด ในฐานะตัวแทนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสมุทรสาคร ว่า ได้รับผลกระทบจากมลภาวะปัญหาทางอากาศของระบบในโรงงานที่ผลิตสารเคมี ของ (บ.สยามเอเซียเคมิคอล อินดัสตรีย์ จก.) และ (หจก.เอสเค อินเตอร์เคมีคอล) ตั้งอยู่ข้างเคียง ได้ส่งกลิ่นเหม็นทางอากาศของสารเคมีที่ระบายออกทางอากาศสร้างความเดือดร้อนรำคราญต่อความเป็นอยู่ กลิ่นเหม็นฉุนรบกวนชาวบ้านมานานแล้ว ซึ่งกลิ่นไอที่โชยออกมาเป็นระยะๆ เมื่อสูดเข้าไปส่งผลให้มีอาการคลื่นไส้แสบจมูก และลำคอเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ได้รวบรวมรายชื่อประชาชนผู้ได้รับผลกระทบบริเวณใกล้เคียงที่พากันลงนามมาประกอบด้วยจำนวน 54 ราย

นางสาวมณี เปิดเผยว่า สำหรับโรงงานทั้ง 2 แห่งนี้เป็นเจ้าของเดียวกัน แต่ตั้งอยู่ตรงกันคนละฝั่งถนน มีลักษณะรับซื้อน้ำเสียจากโรงชุบโลหะและนำเข้าไปเพื่อดำเนินการฟอกโดยสารเคมี จากนั้นก็เอาผลที่ได้ไปใช้งานใหม่หรือนำไปจำหน่ายออกไป ซึ่งเคยถูกร้องเรียนทั้งเรื่องทิ้งน้ำเสียมาหลายครั้ง อย่างไรก็ตามกลิ่นไอเหม็นฉุนปล่อยมาในอากาศเชื่อว่าเป็นกลิ่นสารเคมี สร้างความเดือดร้อนรำคราญอย่างรุนแรง เมื่อโชยมาเป็นระยะๆ ทั้งนี้นอกจากระคายเคืองตอนหายใจ จะมีอาการคลื่นไส้แสบจมูกและลำคอ นอกจากนั้นเครื่องใช้ในบ้านที่เป็นเหล็กหรือเป็นโลหะของชาวบ้านได้เกิดเป็นสนิมแทบทุกชนิดเลย จึงขอให้มีเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ ระบบเครื่องใช้ทำงาน และตรวจบ่อบำบัดน้ำเสียด้วยว่า เป็นไปตามกฎหมายควบคุมหรือไม่อย่างไร ซึ่งหลายเดือนก่อนและเมื่อ 29 .. 57 ก็ได้ร้องเรียนหน่วยงานเกี่ยวข้องในท้องถิ่นไปด้วย แต่ก็ไร้ผลจึงต้องทนสูดดมกันเรื่อยมา


ด้านนายจงรัก กล่าวว่า ได้ตรวจสอบเช็คในเบื้องต้นทราบว่าโรงงานนี้ที่ว่าเคยถูกร้องเรียน ซึ่งระบุโรงงานผลิตสารเคมี จัดอยู่ในประเภทต้องควบคุม (หรือในลำดับที่ 106) ซึ่งอดีตมีเคยถูกร้องเรียนเรื่องกลิ่นและปล่อยน้ำทิ้งเรี่ยราดออกมาตามถนน กระทั่งถูกคำสั่งให้ปิดลงไปครั้งหนึ่งเมื่อหลายเดือนก่อน (โดยปลัดกระทรวงฯ) อย่างไรก็ตามกำลังขอเรียกดูหลักฐานจากเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นและผู้เกี่ยวข้องทางจังหวัด ได้แก่ สนง.อุตสาหกรรมจังหวัด ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.) และทาง อบต. เพื่อมาตรวจดูทั้งใบอนุญาต และผลชี้แจงของการเข้าตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ว่าดำเนินการเรื่องให้แก้ข้อบกพร่องของโรงงานในครั้งนั้นมีอะไรบ้าง เช่น สั่งให้มีการให้ปรับปรุงแก้ไขอะไรและมีขั้นตอนกันอย่างใด
"นอกจากนี้หลังรับเรื่องได้ประสานงานกับ กองรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จังหวัดสมุทรสาคร ที่มีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรงแล้ว ก่อนจะลงพื้นที่ไปด้วยเพื่อออกสำรวจปัญหาให้ละเอียดตามลำดับโดยเร็ว ทั้งนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งจะรายงานผลเป็นระยะให้ทราบต่อไป
โดย...มานพ  พฤฒิวโรดม บรรณาธิการข่าว จ.สมุทรสาคร (หนังสือพิมพ์ชี้ชัด เจาะลึก)
           087- 151-2525





วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2558

มติครม.ไฟเขียวโยกย้าย "ผู้ว่าฯ-ผู้ตรวจฯ"10 ราย นอกฤดูกาล ตามกระทรวงมหาดไทยเสนอ

วันที่ 27 ม.ค. ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.เป็นประธาน ให้ความเห็นชอบบัญชีรายชื่อข้าราชการระดับสูง สังกัดกระทรวงมหาดไทย จำนวน 10 ตำแหน่ง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ  ประกอบด้วย
 1.นายธานี สามารถกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
2.นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
3.นายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
4.นายสุรพล วาณิชเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเชร เป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
5.นายชยพล ธิติศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์
6.นายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี
7.นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง
8.นายอำนวย ตั้งเจริญชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู
9.นายยุทธนา วิริยะกิตติ ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ
10.นายธานี ธัญญาโภชน์ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร


ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง เป็นต้นไป

ล่าข่มขืนสูงวัยสืบกันซับซ้อน ลงมือในวันหยุดชอบคนขาวอวบ!มั่นใจว่าได้ตัวแน่

จักรทิพย์ลงพื้นที่เรียกประชุมทีมสืบสวนสอบสวน เรียกนครบาล ลงไปเสริมกำลังกองปราบปราม และภูธรภาค 7 ล่าฆาตกรหื่นข่มขืนคนแก่ต่อเนื่อง ลอยนวลนานเกือบ 5 ปี ชี้ชอบเลือกลงมือวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เน้นหญิงสูงวัยขาวอวบ ผบช.ภ.7 เปิดให้ชาวบ้านแจ้งเบาะแส 24 ชั่วโมง ยอมรับคนร้ายไม่ปกติเหมือนคนทั่วไปทำให้กรรมวิธีสืบสวนซับซ้อน รรท.ผบก.ป.มั่นใจต้องได้ตัวแน่นอน ยืนยันไม่ปล่อยให้ลอยนวลสร้างความหวาดผวาจนชาวบ้านไม่กล้าออกไปไหน

คดีคนร้ายหื่นกามอาละวาดข่มขืนหญิงชราต่อเนื่องในพื้นที่ จ.สมุทรสงคราม ติดเขต จ.นครปฐม มีเหยื่อบางรายเสียชีวิต ก่อเหตุมาเกินกว่า 10 คดีตลอดระยะเวลา 5 ปี สร้างความสะเทือนขวัญแก่ชาวบ้านละแวกนั้นมายาวนาน แต่ตำรวจกลับแกะรอย คว้าน้ำเหลวลากคอมาดำเนินคดีไม่ได้ แถมย่ามใจก่อคดีซ้ำเมื่อปลายปี 2557 กระทั่ง พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รรท.ผบช.ก.สั่ง พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป.ระดมทีมไปช่วยคลี่คลายหวังจับกุมคนร้ายจิตวิตถารรายนี้ไปลงโทษให้ได้โดยเร็ว

ที่ สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม วันที่ 27 ม.ค. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. เรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดี มี พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบก.สปพ.191 พล.ต.ต.พจน์ บุญมาภาคย์ ผบก.ภ.จ.นครปฐม พล.ต.ต.ประภากร ริ้วทอง ผบก.สส.ภ.7 พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท. ผบก.ป พ.ต.ท.ปรีชา ทิมหอม รอง ผกก.สส.ภ.จ.นครปฐม พ.ต.อ.ธีระเดช อธิภัคกุล ผกก.สภ.นครชัยศรี และ พ.ต.อ.ชัชชาย คล้ายคลึง ผกก.สามพราน จ.นครปฐม เข้าหารือใช้เวลาประมาณ 2 ชม.

พล.ต.อ.จักรทิพย์เปิดเผยภายหลังว่า วันนี้ส่งทีมงานตำรวจหลายหน่วยเข้าร่วมกันคลี่คลายคดีไม่ว่าจะเป็นกองปราบปราม และนครบาลร่วมประสานตำรวจภาค 7 โดยต้องพยายามจับกุมคนร้ายบ้ากามต่อเนื่องให้ได้โดยเร็ว คดีที่คนร้ายก่อเหตุ 9 คดีที่ผ่านมา คนร้ายน่าจะเป็นคนเดียวกัน เพราะดีเอ็นเอตรงกันหมด เหลือแต่คดีล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ม.ค.58 เท่านั้นที่ยังไม่ยืนยันว่าคนร้ายเป็นคนเดียวกันหรือไม่ แต่พฤติกรรมลักษณะคล้ายกันเหมือนทั้ง 9 คดี เชื่อว่าน่าจะเป็นคนเดียวกัน ต้องรอผลการตรวจดีเอ็นเอว่าตรงหรือไม่

ส่วนแนวทางการสืบสวน พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ต้องดูร่องรอยที่ทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ รวมถึงการเดินทางของคนร้ายไม่ว่าจะเป็นทางเท้า หรือขี่รถจักรยาน คาดว่าคนร้ายยังคงวนเวียนอยู่ในพื้นที่รอยต่อเขตภาค 7 รวมทั้ง จ.สมุทรสาคร และ จ.สมุทรสงคราม หรืออาจอยู่ในเขตพื้นที่ อ.นครชัยศรี ก็เป็นได้ เนื่องจากคนร้ายอาจยังไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกไล่ล่า ถูกเฝ้ามองจากตำรวจ

ด้าน พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 เผยว่า ตำรวจทำงานกันอย่างเต็มที่ คดีมีความคืบหน้ามาก แต่จะยังไม่ตัดทิ้งกลุ่มไหน 9 คดีที่ผ่านมาสังเกตว่า คนร้ายจะก่อเหตุในช่วงวันหยุด ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ แต่ละคดีการก่อเหตุมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เน้นเป็นหญิงสูงวัยลักษณะขาวอวบ ขณะนี้มีการตื่นตัวในภาคประชาชนมาก มีการแจ้งเบาะแสผู้ต้องสงสัยจากการดูภาพสเกตช์ หากชายแปลกหน้าเข้ามาในพื้นที่จะแจ้งตำรวจ ตนสั่งรับโทรศัพท์ตลอด 24 ชม.เมื่อแจ้งแล้ว ตำรวจต้องเดินทางไปให้รวดเร็ว นำมาทำประวัติตรวจสอบประวัติอย่างละเอียด

ผบช.ภ.7 กล่าวอีกว่า ได้ส่งตำรวจหลายชุดเข้าตรวจสอบกลุ่มคนหาปลา คนหาสัตว์น้ำ หรือแม้กระทั่งบุคคลทั่วไป แต่ความต่างอยู่ที่คนร้ายมีความไม่ปกติเหมือนคนทั่วไป กรรมวิธีการสืบสวนจึงซับซ้อน ส่วนเรื่องภาพสเกตช์ของคนร้ายที่มีใบหน้าต่างกันทั้งสองรูป หรือบางคนมองแล้วอาจถามว่าใช่ใบหน้าแบบนี้หรือไม่ ต้องบอกว่า คนร้ายก่อเหตุในช่วงเวลาดึกอยู่ในความมืด ประกอบกับผู้เสียหายอยู่ในอาการตกใจจึงได้ภาพออกมาในลักษณะดังกล่าว คิดว่าใกล้เคียงที่สุด สามารถเอามาเป็นแนวทางในการควานหาตัวได้

ขณะที่ พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. เผยว่า ระดมกำลังกองปราบปรามเข้ามาร่วมคลี่คลายคดีนี้ถึง 11 ชุด ก่อนหน้านี้ส่งมาแล้ว 9 ชุด แต่ละชุดทำหน้าที่แตกต่างกัน มีชุดซักถาม ชุดหาข้อมูล ชุดวิเคราะห์ที่เกิดเหตุ ชุดดูเส้นทาง ชุดดูกล้อง และชุดลาดตระเวน เป็นต้น มอบหมายให้ พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. ที่รับผิดชอบภาค 7 เป็นหัวหน้าทีม เรื่องนี้ถือว่าเป็นคดีสำคัญที่สุด เพราะหากปล่อยเนิ่นนานไปจะสร้างความหวาดผวาให้กับคนแก่ที่หากินสุจริต ไม่กล้าออกไปไหน และต้องระวังตัวอาจเกิดอันตรายได้ โดยต้องขอเวลาให้ตำรวจทำงานก่อน มั่นใจต้องได้ตัวแน่นอน


วันเดียวกัน พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ผบช.สพฐ.ตร. เชิญเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านดีเอ็นเอประชุม เพื่อสรุปผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอที่เก็บได้จากที่เกิดเหตุทั้งหมดรวบรวมเก็บไว้เป็นพยานหลักฐานเปรียบเทียบผู้ต้องสงสัยพบว่า มีการเชื่อมโยงกันหมด ทั้งนี้ พล.ต.ท.มนู ระบุว่า หากจับกุมตัวผู้กระทำความผิดได้ ผลตรวจดีเอ็นเอตรงกับที่ตำรวจเก็บไว้ก็จะสามารถยืนยันได้อย่างชัดเจนว่า เป็นผู้กระทำความผิด ที่ผ่านมาได้มีการส่งตัวผู้ต้องสงสัยมาเปรียบเทียบดีเอ็นเอแล้วหลายราย แต่ยังไม่ตรงกับหลักฐานที่เก็บไว้เปรียบเทียบสักราย

วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2558

"ภาค 7 ล่าฆาตกรซิกแพค 9 คดี ผุดอีกเหตุ ขืนใจยายวัย 73"


จากกรณีคนร้ายฆ่าข่มขืนหญิงชราในพื้นที่ จ.นครปฐม และ จ.สมุทรสงคราม ที่มีลักษณะคล้ายกันกว่า 9 คดี ตั้งแต่ช่วงปี 2553-2557 จนมีการตั้งข้อสันนิษฐานว่าอาจจะมีส่วนเชื่อมโยงกันหรือมีคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นคนเดียวกัน ล่าสุดพบว่ายังคงมีเหตุเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ได้รับแจ้งเหตุข่มขืนหญิงชราอีกกรณีหนึ่ง บริเวณบ้านสวนแห่งหนึ่ง ใกล้กับคลองเจ๊ก ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า คนร้ายวางยาเบื่อสุนัขพันธุ์บางแก้วผสม กระทั่งสุนัขเสียชีวิต ก่อนจะงัดหน้าต่างบ้านเข้าไปใช้อาวุธจี้ นางปทุม (นามสมมติ) อายุ 73 ปี ที่กำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่และลงมือข่มขืน
สำหรับบ้านหลังดังกล่าว นางปทุม อาศัยอยู่กับลูกชายวัย 43 ปี ซึ่งช่วงเวลาเกิดเหตุ ลูกชายได้ออกไปนอนเฝ้าเครื่องปั๊มน้ำในสวนที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล นางปทุม จึงอาศัยอยู่ในบ้านเพียงลำพัง เมื่อคนร้ายก่อเหตุกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ ได้รื้อค้นทรัพย์สินไปได้จำนวนหนึ่ง ประกอบด้วย โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง เงินสดประมาณ 5,000 บาท และพระเหลี่ยมทอง 1 องค์
อย่างไรก็ตาม เหตุที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีเหตุฆ่าข่มขืนหญิงชรา ที่ยังเกิดเหตุต่อเนื่องในพื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้ พ.ต.อ.อัครเดช พิมลศรี รักษาราชการแทนผู้บังคับการปราบปราม เตรียมลงพื้นที่ไปสอบปากคำและตรวจสอบพยานหลักฐาน เนื่องจากทั้ง 10 คดี ที่เกิดขึ้นเป็นคดีอุกอาจ ซึ่งต้องแกะรอยเส้นทางของคนร้ายให้ได้เร็วที่สุด


เกษตรกรบ้านแพ้ว – ยกระดับลำไยดีเด่น “จีนซื้อเหมายกสวน”

จากชีวิตนักการต่อสู้พัฒนาพันธ์ไม้ของหนุ่มใหญ่สายเลือดเกษตรกรชาวสวนลำไยแห่งอำเภอบ้านแพ้วอย่างสันติพงษ์ เอี่ยมสมบูรณ์วัย 41 ปี เกษตรกรสวนลำไย เลขที่ 22 ม.9 ต.หนองบัว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร เนื้อที่ 36ไร่ ในแหล่งพื้นที่เพาะปลูกพืชผลไม้ขนาดใหญ่มีประชากรทำเกษตรกรและทำสวนเกษตรแข่งขันจำนวนมากที่สุดของจังหวัด ทำให้มาลงเอยด้วยผลผลิตลำไย "พันธุ์พวงทอง" เป็นสินค้าประจำอำเภออันโด่งดังพร้อมรับรางวัลเกษตรดีเด่นมากมาย สามารถยึดเป็นสินค้าออกจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ ส่งผลให้เป็นที่ยอมรับจากสมาชิกได้ดูแลตำแหน่งประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านแพ้ว
ล่าสุด ได้รับเชื้อเชิญจากผู้ว่าราชการจังหวัดให้นำลำไยเข้าประชันโชว์ผลงานร่วมจำหน่าย และไปให้ความรู้ด้วยในงาน มหกรรมสินค้าเกษตรดี ผลไม้เด่น สมุทรสาครที่มีขึ้นระหว่าง วันที่ 29 ม.ค. 58 ถึง 2 ก.พ. 58นี้ (ที่ริมถนนท่าปรง-เทศบาล 8) ข้างงาน เทศกาลอาหารทะเลที่บริเวณเดียวกันข้างลานร้านอาหารเพลินทะเล ในวันที่ 29 ม.ค.- 2ก.พ. 58 นี้ด้วย
สันติพงษ์ ผ่านอดีตผู้นำชุมชนโดยส่วนตัวทำสวนสัมผัสมาก็หลายชนิดพืชผลไม่ต่ำกว่า 20 ปี แต่ด้วยวิธีคิดและแนวการต่อสู้ไม่ย่อท้อของชาวเกษตรกรไทย กระทั่งมาจับหลักอย่างเป็นชิ้นเป็นอัน ด้วยการปรับตัวเองอยู่ตลอดกระทั่งมาเปลี่ยนแปลงสายพันธ์ลำไยในพื้นที่เก่า (จากเพชรสาคร) ให้เป็นพันธุ์พวงทอง เพราะเข้ากับสภาพภูมิอากาศ มีความเจริญเติบโตแข็งแรงดีกว่า เช่น ให้ลูกดก คุณภาพเนื้อดีหนาน้ำไม่ฉ่ำมาก ทำให้ขยับขึ้นเป็นสินค้าที่มีคุณภาพของพื้นที่ผ่านรางวัลเกษตรดีเด่นจากสำนักงานเกษตร จ.สมุทรสาคร ติดต่อกันหลายปี และรางวัลวิสาหกิจชุมชนสินค้าดีเด่นปี 2557 ของจังหวัด
ส่วนที่ดินที่มีสองแปลงระหว่างแปลง 10 ไร่กับ 26 ไร่ ที่อาศัยปลูกสลับได้ 2 รุ่น สภาพยกร่องสวนมีน้ำล้อมรอบแตกจากภาคอื่นๆตามแบบฉบับเพื่อให้หมุนเวียนออกผลผลิตตามช่วงที่ต้องการหรือนอกฤดูซึ่งทำมาเฉียด 16 ปีแล้ว สำหรับลำไยรุ่นใหม่เริ่มออกผลผลิตช่วงกลางเดือน ม.ค.นี้ น่าจะเก็บขายได้ไปถึงครึ่งปีนั้นผลผลิตไม่ต่ำกว่าแปลงละ 20 ตันขึ้นไป
ปธ.กลุ่มวิสาหกิจบ้านแพ้ว บอกด้วยว่า จากสภาพปัญหาดินฟ้าอากาศที่แปรปรวนในรอบปีนี้ เช่น ปัญหาอากาศเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว แถมสลับกับฝนที่สลับไปมา ทำให้ทั้งตนและสมาชิกมีผลกระทบเรื่องได้ผลผลิตน้อยลงไปกว่าปีก่อนมากกันทุกราย ส่วนเรื่องตลาดขายส่งจะอยู่ จ.นครปฐม เป็นหลัก โดยขนาดลูกใหญ่เริ่มต้นประมาณ 50 -60 บาทต่อกิโลกรัม
ปีนี้นับว่าโชคดีหลังจู่ๆ ก่อนหน้าก็มีพ่อค้าบริษัทคนกลางที่เป็นชาวจีน เข้าติดต่อขอเจรจาซื้อเหมาชนิดยกสวนกันเลย เพื่อส่งไปขายประเทศจีนแบบไม่อั้น โดยเสนอราคา ให้ราคาสูงดีกว่าตลาดส่งออกบ้านเราเล็กน้อยทั้ง 2 เบอร์ (1 และ 2) ด้วยเหตุผลให้เพียงตรงตามความต้องการเท่านั้น จึงได้สัญญารับปากไปตามที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมีข้อดีอีกอย่างซึ่งผู้ซื้อจะนำแรงงานมาเก็บเองด้วย ทำให้เราสามารถลดต้นทุนได้ระดับหนึ่ง

สันติพงษ์ วิเคราะห์ให้ว่า จีนต้องการลำไยจำนวนมากส่งผลถึงอนาคตลำไยบ้านแพ้วไม่น่ามีปัญหาตกต่ำหรือล้นตลาด ทั้งนี้หากต้องการซื้อผลผลิตไปเพื่อบริโภคในราคาขายปลีกกิโลกรัมละ 60 บาทขึ้นไป หรือเข้ามาศึกษาเที่ยวชมสวนได้ ซึ่งหลังงานโชว์สินค้านี้เตรียมเดินหน้าพัฒนาคุณภาพดันผลผลิตออกเต็มที่ต่อไป


โดย...มานพ  พฤฒิวโรดม บรรณาธิการข่าว จ.สมุทรสาคร (หนังสือพิมพ์ชี้ชัด เจาะลึก)
           087- 151-2525 




วันพฤหัสบดีที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2558

“ขึ้นป้ายหนุนเดินหน้าตึกอัยการมหาชัย” ผู้รับเหมาปิดตายงดเข้าเขตก่อสร้าง

จากปัญหาความขัดแย้งในเขตก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการ.สมุทรสาคร (หลังใหม่สูง 7 ชั้น) ข้างสวนหย่อมเทศบาล ต.มหาชัย อ.เมืองฯ ได้หยุดเว้นวรรคดำเนินการก่อสร้างอาคารลง หลังมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายนักโบราณคดีกรมศิลปากรที่ 1 ราชบุรี เข้าขุดดินเพื่อสำรวจหาหลักฐานยืนยันทางประวัติศาสตร์ของแนวกำแพงป้อมปืนวิเชียรโชฎก ตามคำสั่งขอให้ทุเลาการก่อสร้างชั่วคราวโดย ร...อาทิตย์ บุญญะโสภัต ผวจ.สมุทรสาคร หลังมีกลุ่มชาวบ้านรวมตัวร้องเรียนคัดค้านการก่อสร้างในขณะลงมือวางรากฐานโครงการ เป็นเหตุให้ต้องหยุดเว้นวรรคลง
ล่าสุด ได้มีตัวแทนชาวบ้านประสานงานระหว่าง นายทรงศักดิ์ นาควิจิตร อัยการประจำ สำนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสาคร ให้นำลงพื้นที่บริเวณจุดก่อสร้างเพื่อเข้าขอติดตั้งป้ายขนาดใหญ่ไว้ที่บริเวณข้างรั้วโดยใจความระบุ ชาวสมุทรสาครเห็นด้วยกับการก่อสร้างอาคารหลังใหม่โดยมีทางผู้รับเหมาก่อสร้างได้ขอสงวนสิทธินำลูกกุญแจมาทำการปิดกั้นรั้วห้ามผู้คนภายนอกเข้ามาในเขตก่อสร้างดังกล่าวไว้
นายทรงศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ทำการปิดกั้นตามสิทธิห้ามผู้คนภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าในเขตก่อสร้างแล้วเนื่องจากทาง สนง.อัยการสูงสุด ได้มีหนังสือส่งอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองของ ผวจ.สมุทรสาครซึ่งครบกำหนดตามที่ระบุไปแล้วจึงต้องขอกลับเข้าใช้ประโยชน์ และส่วนกรณีที่มีประชาชนส่วนหนึ่งออกร้องคัดค้านการก่อสร้างที่ทำการหลังใหม่ ขอให้ผู้คัดค้านโปรดคำนึงพิจารณาถึงผลประโยชน์ของอาคารซึ่งขอให้เล็งเห็นถึงประโยชน์จะตกอยู่กับประชาชนมากกว่าซึ่งอย่างน้อยก็การสัญจรเดินทางได้สะดวก ทั้งนี้สำนักงานอัยการจังหวัดของเดิมก็มีสภาพเก่ามาหลายปีแล้วมีสภาพเล็กมากและค่อนข้างคับแคบ
มีรายงานด้วยว่า ก่อนหน้า นางรัตนา เล็กสมบูรณ์ไชย รักษาการอัยการจังหวัดสมุทรสาคร ได้ส่งหนังสือด่วนที่สุด (ระบุวันที่ 19 ม.ค.58) แจ้งไปยังสำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี อ้างอิงขอสงวนสิทธิในการห้ามบุคคลภายนอกเข้ามาภายในสถานที่เขตก่อสร้างอาคารสำนักงานดังกล่าวถึงการอนุญาตเข้าดำเนินการทำการขุดตรวจสอบกำแพงโบราณในสถานที่ก่อสร้างอาคาร สนง.อัยการจังหวัดสมุทรสาคร ตามโครงการขุดค้นเพื่อศึกษาทางโบราณคดีนั้น เนื่องจากทางสำนักงานอัยการสูงสุดได้มีหนังสือเรื่องอุทธรณ์คำสั่งทางปกครอง (ของ ผวจ.สมุทรสาคร) โต้แย้งคำสั่งทางจังหวัดที่ให้ทุเลาคำสั่งอนุญาตของสำนักงานอัยการสูงสุดที่เข้าใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุดังกล่าวนั้นไม่ถูกต้องตามกฎหมายจึงแจ้งย้ำเตือนเพื่อขอสงวนสิทธิดำเนินการเข้าใช้ประโยชน์ดังกล่าว ทั้งนี้ก่อนจะมีการปิดประตูคล้องลูกกุญแจอย่างแน่นหนาไม่ให้คนนอกเข้า 


โดย...มานพ  พฤฒิวโรดม บรรณาธิการข่าว
 จ.สมุทรสาคร (หนังสือพิมพ์ชี้ชัด เจาะลึก)
           087- 151-2525 




วันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2558

ชุดเฉพาะกิจสรรพสามิตจับบุหรี่หนีภาษีปรับกว่าแสน‏

ขณะออกตรวจพื้นที่พบพิรุธชายวัยกลางคนกำลังเดินถือถุงพลาสติกสีดำต้องสงสัยไปใส่ท้ายรถยนต์ที่จอดอยู่ริมถนน จึงนำกำลังแสดงตัวขอตรวจค้นพบ บุหรี่ต่างประเทศหลบหนีภาษี สอบถามรับสารภาพกำลังนำไปส่งให้ ออร์เดอร์(ที่ลูกค้าสั่ง) จึงตรวจยึดก่อนทำการเปรียบเทียบปรับ..เมื่อเวลา 15.30 น.ของวันที่ 21 ม.ค. 58 นายศักดิ์สุขรัฐ เสนะวงศ์เจ้าพนักงานสรรพสามิตชำนาญงานหัวหน้าชุดเฉพาะกิจสืบสวนและปราบปรามที่ 3 สำนักตรวจสอบป้องกันและปราบปรามกรมสรรพสามิต พร้อมด้วย นายวรัญ คงกระพันธ์ นายปรีชา เจนไพร นายธวิช บุญเอี่ยมและส.ท.เขมวัฒน์ ชุนวงษ์ เจ้าพนักงานสรรพสามิตปฎิบัติงานได้ร่วมกันจับกุมตัว นายณัฎฐพร สุทธิฤทธิ์ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/2 ถ.สุขุม ต.บ่อยาง อ.เมืองสงขลา จ.สงขลา ขณะเดินถือถุงพลาสติกสีดำที่ภายในมียาสูบต่างประเทศหนีภาษี บริเวณสถานีขนส่งสงขลา พบของกลางเป็นยาสูบต่างประเทศ ยี่ห้อจูนและโกลเมาเท่น จำนวน 20 แท่ง 208 ซอง ซุกซ่อนอยู่ในถุงพลาสติกสีดำรวม 3 ถุง วางอยู่ภายในรถยนต์ อีซูซุ แคร์รี่บอย สีบรอนด์ หมายเลขทะเบียน บว 4902 สงขลา จากการสอบถาม นายณัฎฐพรฯให้การรับสารภาพว่ายาสูบดังกล่าวเป็นของตนและกำลังนำไปส่งให้ออร์เดอร์ที่เป็นลูกค้า แต่มาถูกจับกุมได้เสียก่อน โดยทางเจ้าหน้าที่สรรพสามิตได้ทำบันทึก โดยกล่าวหาว่ามียาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบไว้ในครอบครองเกินกว่าห้าร้อยกรัมก่อนทำการเปรียบเทียบปรับเป็นจำนวนเงิน 120,000 บาท