pearleus

วันจันทร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2568

สมาคมกีฬาจังหวัดสมุทรสาคร และสมาคมกีฬาจังหวัดสมุทรสงคราม หารือ​ ผู้ว่าการ​ การกีฬาแห่งแระเทศไทย (กกท.​) เตรียมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาระดับมหกรรมแห่งชาติ

วันที่​ ๒๑ เมษายน​ ๒๕๖๘ เวลา​ ๑๕.๐๐ น.​ ที่จังหวัดชลบุรี​  นายศรีศักดิ์​ วัฒนพรมงคล นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดสมุทรสาคร​ พร้อมด้วย คณะกรรมการ ที่ปรึกษา สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดสมุทรสาคร และผู้แทนของสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดสมุทรสงคราม

ประชุมหารือเรื่องการจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ​ ระดับมหกรรมแห่งชาติ โดยจังหวัดสมุทรสาคร จะจับมือกับจังหวัดสมุทรสงคราม รับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาระดับชาติ​  และนอกจากนี้ นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดสมุทรสาคร​ ยังได้ร่วม

หารือเรื่องการแข่งขันกีฬาฯ กับผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทยอีกด้วย



นายกฯ​ ศรีศักดิ์​ นำทัพนักกีฬาอาวุโสสมุทรสาคร​ ร่วมพิธีเปิดกีฬาอาวุโสแห่งชาติครั้งที่ 7 “ข้าวหลามเกมส์” ณ​ จ.ชลบุรี

 


วันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๘ เวลา ๑๘.๐๐ น. นายศรีศักดิ์ วัฒนพรมงคล จังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย นายกัมปนาท​ จรมาศ ผู้อำนวยการการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดสมุทรสาคร​  นายประสิทธิ์ จุนขจร สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร  เป็นหัวหน้านักกีฬา นำทีมคณะกรรมการ​ ที่ปรึกษา สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดสมุทรสาคร และทัพนักกีฬา อาวุโส ผู้ฝึกสอน ผู้จัดการทีม ร่วมพิธีเปิดกีฬาอาวุโสแห่งชาติ​ ครั้งที่ ๗ “ข้าวหลามเกมส์” ณ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตชลบุรี  จังหวัดชลบุรี​  





พร้อมกันนี้ ได้ถ่ายรูปร่วมกับนักกีฬาอาวุโส เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับนักกีฬาด้วย


#สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดสมุทรสาคร

#สมุทรสาครสู้ๆๆ

ถึงเป็นแสงสุดท้ายที่ปลายทาง ก็จะส่องสว่างอยู่กลางใจ……..

 


“นริศ” ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เปิด 1 อําเภอ 1 ลานสร้างสรรค์ ณ ตลาดริมคลองพ่อพันท้ายนรสิงห์ ชู Soft Power ด้านวัฒนธรรม ดึงรายได้เข้าชุมชน

     วันที่​ 20 เม.ย. 68 เวลา 10.00 น. ที่บริเวณตลาดริมคลองพ่อพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองฯ จังหวัดสมุทรสาคร นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรม 1 อำเภอ 1 ลานสร้างสรรค์ จังหวัดสมุทรสาคร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยมีนายปราโมทย์ ชาวเมืองโขง วัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสาคร นายปรีชา ศิริแสงอารำพี ประธานมูลนิธิพ่อพันท้ายนรสิงห์ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำองค์ปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และประชาชน เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก  



    นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร  กล่าวว่า การจัดกิจกรรม 1 อำเภอ 1 ลานสร้างสรรค์ จังหวัดสมุทรสาคร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เป็นการขับเคลื่อนการดําเนินงานตามนโยบาย Soft Power ด้วยการเพิ่มพื้นที่สร้างสรรค์ด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมของชุมชน รวมทั้งเป็นการส่งเสริม ความสัมพันธ์ของคนในชุมชน ได้ร่วมกันสรรค์สร้างพื้นที่ให้เกิดการมีส่วนร่วม และการรับรู้เกิดความภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของพื้นที่ การสร้างรายได้ให้ชุมชน ตลอดจนเป็นการส่งเสริมพัฒนาการเรียนรู้ด้านศิลปะวัฒนธรรมที่เหมาะสม ให้แก่เด็ก เยาวชน และประชาชน 



    การจัดกิจกรรม 1 อำเภอ 1 ลานสร้างสรรค์ จังหวัดสมุทรสาคร ณ บริเวณตลาดริมคลองพ่อพันท้ายนรสิงห์  จัดโดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสาคร ร่วมกับมูลนิธิพันท้ายนรสิงห์  เทศบาลเมืองพันท้ายนรสิงห์ สภาวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสาคร  อำเภอเมืองสมุทรสาคร และภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน ร่วมกันจัดทำขึ้น  โดยภายในงานมีเวทีกลางเพื่อเป็นเวทีแสดงความสามารถ อาทิ ศิลปะแมกไม้มวยไทยจากนักเรียน  การแสดงรำของนักเรียนและชมรมผู้สูงอายุ   การสาธิตทำผ้ามัดย้อมจากเปลือกลูกจาก การสานตะกร้า  การจำหน่ายสินค้าพื้นบ้าน  สินค้าของชุมชน  อาหารถิ่น  เป็นต้น   




    การจัดกิจกรรม 1 อำเภอ 1 ลานสร้างสรรค์ ตลาดริมคลองพ่อพันท้ายนรสิงห์ แห่งนี้ จึงเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ทางวัฒนธรรมและเป็นเวทีท้องถิ่นที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองสมุทรสาคร ที่เหมาะสมต่อการพัฒนาและเป็นพื้นที่ให้เยาวชน รวมทั้งประชาชนได้แสดงผลงานและสร้างสรรค์มรดกภูมิปัญญา ศิลปะและวัฒนธรรมท้องถิ่นอันจะนําไปสู่ การสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชนในจังหวัดสมุทรสาคร  ต่อไป

เจ้าของร้านเซง! ถูกคนร้ายงัดร้านขโมยของไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง สูญร่วมหมื่น ทิ้งเสื้อไว้ให้ดูต่างหน้า วอนตำรวจเร่งจับตัว

 

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ในกลุ่ม ”ข่าวสาร-คนปากเกร็ด“ ระบุข้อความว่า ”เตือนภัยครับ!!! ขโมยเข้าร้าน ผมเจ้าของร้าน Solidbikecare ข้างๆร้านยำมะหมิว โดนขโมยเข้ามาไม่ต่ำกว่า 5-6 รอบแล้วครับ ล่าสุด เช้าวันที่ 18/04/68 มากลางวันแสกๆเลยครับ มีกล้องยังไม่กลัวเลยครับ ใครมีเบาะแสรบกวนแจ้งมาที่ผมหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ“



     เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 68 ทีมข่าวเดินทางไปที่ ร้าน Solidbikecare ซ.สุขาประชาสรรค์ 2 ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พบนายสุรสิทธิ์ ผลพิกุล อายุ 43 ปี เจ้าของร้านแต่งรถบิ๊กไบค์ เล่าเหตุการณ์ให้ทีมข่าวฟังว่า เหตุการณ์เริ่มจากที่ร้านของตนมิเตอร์น้ำหาย ตนเอะใจจึงรีบเปิดร้านเพื่อตรวจสอบดูพบว่าข้าวของภายในร้านถูกรื้อกระจุยกระจาย ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องมือที่ต้องใช้แบตเตอรี่ที่ขนง่ายๆ โดยที่ตนยังไม่ได้ซ่อมมิเตอร์น้ำเนื่องจากหยุดเทศกาลสงกรานต์ พอกลับมาเปิดร้านและซื้ออุปกรณ์มาเตรียมมาซ่อมแซม พบว่าภายในร้านมีข้าวของหายอีก ตนพยายามทำใจและขนของที่มีราคากลับไปไว้บ้าน วันนี้ตั้งใจมาเปิดร้าน พบว่ามิเตอร์ตัวใหม่ที่ติดตั้งในร้านหายไปอีกครั้ง แถมยังนำก๊อกน้ำออกไปด้วย ตนจึงให้ช่างมาดูเพื่อปิดรอย อยู่มา 7-8 ปี ไม่เคยมีของหาย ข้างบ้านก็มาแนะนำให้แจ้งความดำเนินคดี และยังได้ทีมข่าวเข้ามาช่วยเหลือเพื่อทำข่าวเตือนภัย





     นายสุรสิทธิ์ เล่าต่ออีกว่า ตอนนี้ภายในซอยโจรเยอะมาก กล้องวงจรปิดเห็นหน้าชัดเจน ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่จะดำเนินการอย่างไรต่อไป คนทำมาหากินก็ได้แต่รอคอยว่าตำรวจจะช่วยจับคนร้ายมั้ย แถวนี้เดือดร้อนกันหมด ในซอยโดนกันหลายร้านมากๆ หากคดียังไม่คืบหน้าแปลว่าโจรก็ยังอยู่ ความเสียหายตอนนี้รวมแล้วหลักหมื่นบาท เต็มที่ตนทำได้แค่ปรับปรุงร้านใหม่ เพื่อป้องกัน เสียทั้งเงิน ทั้งเวลา ลูกค้าที่มาก็ไล่กลับไปก่อน เพราะว่าร้านต้องทำใหม่ เสื้อของคนร้ายยังทิ้งไว้ตรงเสาข้างบ้านให้ดูต่างหน้า ตนทำอาชีพฟรีแลนซ์ เปิดร้านเป็นอาชีพเสริม อยากให้ตำรวจเข้ามาตรวจตราช่วงกลางคืนหน่อย ตนก็พยายามเข้าใจแต่ก็อยากได้ความช่วยเหลือเช่นกัน ตอนนี้กลัวของหายมากกว่า เพราะเป็นเครื่องมือทำมาหากิน





     เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ และไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

หนุ่มขนส่งหัวสูง บุกขโมยหมวกกันน็อคราคาแพงกลางดึก เจ้าของโร่แจ้งความดำเนินคดี

 

เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 68 ทีมข่าวได้รับแจ้งจากนายอนุสรณ์ อนุโยธา อายุ 30 ปี ทำอาชีพรับจ้าง (ผู้เสียหาย) ว่าถูกคนร้ายเข้ามาขโมยหมวกกันน็อค ยี่ห้อ Arai สีดำ ราคาประมาณ 16,000 บาท บนรถจยย.ที่จอดไว้ บริเวณลานจอดรถ SCH แมนชั่น ตรงข้ามซ.ประชาราษฎร์ 5 ต.ตลาดขวัญ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี เบื้องต้นแจ้งความไว้ที่สภ.เมืองนนทบุรี



     นายอนุสรณ์ (ผู้เสียหาย) กล่าวว่า เหตุเกิดวันที่ 17 เม.ย. เวลาประมาณ 03.54 น. ตนถูกคนร้าย เป็นชายวัยรุ่น รูปร่างผอมสูง อายุประมาณ 18 ปี สวมเสื้อแจ็คเก็ต J&T สีแดง ใส่กางเกงยีนส์ขาสามส่วน สวมรองเท้าแตะ ทำทีเดินเข้ามาบริเวณลานจอดรถของแมนชั่น และเดินออกไป ผ่านไปประมาณ 5 นาที คนร้ายขับขี่รถจยย. (ไม่ทราบยี่ห้อและรุ่น) มาจอดบริเวณใกล้เคียงอีกครั้ง ก่อนจะเดินเข้าไปหยิบหมวกกันน็อค ยี่ห้อ Arai ราคา 16,000 บาท ของตนเอง และรีบขับขี่รถจยย.หลบหนีไป ซึ่งแถวนี้ตนได้ยินมาว่าหมวกกันน็อคหายบ่อย แต่ตนเพิ่งจะมาโดนขโมยครั้งนี้ ตอนนี้ตนได้มีการแจ้งความไว้แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังไล่ดูกล้องวงจรปิดอยู่ว่าคนร้ายหลบหนีไปทางไหนบ้าง โดยตนไม่ได้ลงบันทึกประจำวันเพื่อเป็นหลักฐาน แต่แจ้งความดำเนินคดี เรื่องหมวกกันน็อคตนไม่ได้สนใจว่าจะได้คืนหรือไม่ เพียงแค่ทำให้เป็นกรณีตัวอย่าง ถ้าเกิดไม่มีก็ไม่ต้องใส่ ไม่ควรมาหยิบของคนอื่น หมวกกันน็อคของตนใบนี้ราคาหมื่นว่าบาท ไม่ได้คาดคิดว่าวางหมวกกันน็อคไว้หน้าบ้านแล้วจะถูกขโมยเกิดขึ้น



     นายอนุสรณ์ (ผู้เสียหาย) กล่าวต่ออีกว่า ซึ่งจากการดูกล้องวงจรปิด คนร้ายมากัน 2 คน ให้เพื่อนรออีกฝั่งส่วนคนก่อเหตุขับขี่รถจยย.ข้ามถนนมา และเข้ามาหยิบหมวกกันน็อคของตนไป หลังจากได้ของแล้วก็ขับขี่รถจยย.ไปรับเพื่อนที่รออยู่ด้านนอก ตรงหน้าร้านสะดวกซื้อฝั่งตรงข้าม ตนเพิ่งมาอยู่ตรงนี้เมื่อต้นปี แต่ไม่ได้คาดคิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้ เพราะฝั่งนี้มีกล้องวงจรปิด กล้องก็ชัดเจน เจ้าของตึกได้ส่งกล้องวงจรปิดให้ตนเพื่อนำหลักฐานไปแจ้งความ หลังจากนี้ตนคงจะล็อครถให้แน่นหนามากกว่าเดิม คิดว่าคนร้ายคงหลบหนีไม่พ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ คาดว่าน่าจะทำเป็นประจำ ทำไปเรื่อยๆ ภายในโซนจังหวัดนนทบุรี คงเป็นคนในพื้นที่ เพราะรู้เส้นทางหลบหนี ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร เพราะเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ตามอยู่ อยากฝากเอาไว้ว่าอย่าไปทำแบบนี้เลย หากได้หมวกกันน็อคคืนก็ไม่โกรธ แต่ต้องเป็นไปตามกฎหมาย เนื่องจากตนแจ้งความไว้แล้ว ยืนยันจึงจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด





วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2568

เจ็ก ทุ่งใหญ่ ยิงเจ้าของร้านดับ ขอโทษขณะนำตัวส่งสภ.สามชุก

 

จากกรณีเมื่อเวลา 04.20 น.วันที่ 19 เม.ย. 68 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี มีผู้ถูกยิง 2 รายเหตุเกิดบริเวณที่ร้านอาหารมะขาม หมู่ที่ 1 ตำบลย่านยาว อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ทราบชื่อคือนายพรรณศิริ หรือ บอล อายุ 35 ปี เจ้าของร้านอาหาร ถูกยิงที่ลำตัว 5 นัด และนายอลงกรณ์ อายุ 25 ปี เป็นลูกน้อง ถูกยิงเข้าที่ศีรษะ 1 นัด ลำตัว 3 นัด ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลสามชุก ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อผู้ก่อเหตุคือนายสุจริตชัย เบ็ญจวรรณ อายุ 44 ปี บ้านเลขที่ 51/127 ม.3 ตำบลคลองพระอุดม อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี หรือฉายา “ เจ็ก ทุ่งใหญ่ “ บ้านเดิมอยู่ตำบลวังลึก อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี หลังก่อเหตุได้ขับรถกระบะหลบหนีไป 


ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 19 เมษายน 2568 นายสุจริตชัย มือปืนที่ก่อเหตุ พร้อมด้วยทนายความ ได้เดินทางเข้ามอบตัวที่สภ.ชัยพฤกษ์  ตำบลบางพลับ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยนำอาวุธปืนขนาด 9 ม.ม.ที่ใช้ก่อเหตุมาด้วย 

 หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค 7 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดนนทบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.สามชุก จังหวัดสุพรรณ และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.ชัยพฤกษ์ จังหวัดนนทบุรีกดดัน 



จากการสอบสวนทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.ชัยพฤกษ์ทราบข่าวมาว่าหลังก่อเหตุทางนายสุจริตชัย ได้ทิ้งรถกระบะ4ประตูยี่ห้อ MG สีดำหมายเลขทะเบียน 2 ขค 1108 กทม.คันที่ก่อเหตุซึ่งเป็นรถของพี่ชายที่ติดgpsโดยจอดรถทิ้งไว้ที่วัดท่าเกวียน อ.ปากเกร็ด และฝากกุญแจรถไว้กับเพื่อน ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง จึงได้นำกำลังชุดสืบสวนไปตรวจสอบบ้านหลังที่ผู้ก่อเหตุเคยอาศัยอยู่แต่ไม่พบ จึงได้ประสานเจ้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจ.นนทบุรี นำรถคันดังกล่าวมาที่สภ.ชัยพฤกษ์ และได้ประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ


หลังเข้ามอบตัวทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากปากคำนายสุจริตชัย นานกว่า 3 ชั่วโมงให้การว่าไม่เคยรู้จักกับเจ้าของร้านและไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อนตนเองลืมมือถือในร้านอาหาร และตั้งใจจะขอเข้าไปดู หลังร้านปิดแล้ว แต่เกิดมีปากเสียงกับเจ้าของร้านและลูกน้อง ก่อนจะโดนรุมทำร้าย และตนเองได้ล้มลง เมื่อลุกขึ้นได้จึงคว้าปืนก่อนจะหลบหนี 


เบื้องต้นพนักงานสอบสวนสภ.สามชุกได้รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายศาล จ.สุพรรณบุรี อนุมัติหมายจับนายสุจริตชัยช่วงบ่ายวันนี้ในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาติ และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาติ   


ต่อมาเมื่อเวลา 20.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.สามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ได้นำตัวนาย สุจริตชัย มือปืนไปดำเนินคดีที่สภสามชุก โดยระหว่างที่เดินขึ้นรถ ผู้ต้องหา มีสีหน้าที่เคร่งเครียด ตอบคำถามผู้สื่อข่าวสั้นๆว่า รู้สึกเสียใจที่ลงมือก่อเหตุ ซึ่งตนไม่ได้รู้จักกับผู้ตายเป็นการส่วนตัว และไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน ตนอยากขอโทษครอบครัวของผู้ตาย ตนผ่าตัดสมองมาเลยพูดไม่ได้มาก และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าถูกผู้ตายทำร้ายก่อนหรือไม่ นายสุจริตชัยฯ ได้พยักหน้าก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่สภ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี