pearleus

วันอังคารที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

พระพยอมซัดเดือด! “สีกากอล์ฟ” ทำวงการสงฆ์เละ ชี้เหมือนออกพาสปอร์ตไปชดใช้กรรมในนรก!

นนทบุรี – วงการสงฆ์สะเทือนอีกระลอก! “พระพยอม กัลยาโณ” เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ออกโรงเตือนสติเชือดนิ่มๆ “สีกากอล์ฟ” หลังเจ้าหน้าที่บุกจับคาบ้านหรูจังหวัดนนทบุรี พาดพิงแรงเทียบเหมือนออกพาสปอร์ตลงนรก ชี้พฤติกรรมหญิงคนเดียวทำพระหลายองค์เสียคน!

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 15 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังวัดสวนแก้ว ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อสอบถามความเห็นพระพยอม หลังเกิดกระแสแรง สีกากอล์ฟพัวพันคดีเงินวัด จนพระชั้นผู้ใหญ่หลายรูปต้องสึกอ้าง "ขอสู้คดี"

พระพยอมเปิดใจแบบไม่ไว้หน้า “เรื่องนี้ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ สีกาคนเดียวทำพระพินาศกันไปเป็นแถบ! คอหวานแต่ใจใฝ่ต่ำ วางแผนแยบยล พระก็ตกเป็นเหยื่อ ไม่ทันมายาหญิง” พร้อมระบุว่า “ตอนนี้องค์กรสงฆ์เละเทะ ไม่เห็นแก่ศาสนา ดีที่กฎหมายเริ่มจัดระเบียบ แยกเงินพระกับเงินวัดชัดเจน”

ทิ้งท้ายอย่างจุก “อยากให้สีกากอล์ฟคิดเสียว่า ได้ทำพาสปอร์ตไว้ไปชดใช้กรรมในนรกแล้ว ถ้ายังไม่หยุด จะได้ชื่อว่าเป็นสตรีคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ทำพระหลายองค์พังพินาศ!”

งานนี้สะเทือนวงการศาสนาอีกครั้ง – ใครดีใครรอด ต้องรอดู!

จับ "สีกากอล์ฟ" สะเทือนวงการสงฆ์! พบบัญชีหมุนเวียน 385 ล้าน ข้อหาหนักฟอกเงิน-รีดพระ

ตำรวจสอบสวนกลางเปิดปฏิบัติการ "นารีพิฆาตพระ" จับกุม น.ส.วิลาวัลย์ หรือที่รู้จักในชื่อ "สีกากอล์ฟ" ผู้ต้องหาคดีฉาวสะเทือนวงการสงฆ์ ฐานฟอกเงิน สนับสนุนเจ้าพนักงานทุจริต และร่วมขบวนการฉ้อโกงเงินวัด โดยคุมตัวได้จากบ้านหรูใน จ.นนทบุรี หลังศาลอาญาคดีทุจริตออกหมายจับ

เบื้องหลังมาจากคดีทุจริตเงินวัด ชูจิตธรรมาราม จ.พระนครศรีอยุธยา ที่พระเทพพัชราภรณ์ (สมพงษ์) อดีตเจ้าอาวาส โอนเงินวัดเข้าบัญชีส่วนตัวก่อนส่งต่อให้สีกากอล์ฟ โดยตำรวจพบเส้นทางเงินตั้งแต่ต้นทางยันปลายทาง พร้อมหลักฐานโอนเงินต่อเนื่องนับสิบรายการ

สีกากอล์ฟปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ ป.ป.ง. ตรวจสอบแล้วพบว่า ภายใน 3 ปี มีเงินหมุนเวียนเข้าออกบัญชีกว่า 385 ล้านบาท ขัดแย้งกับฐานะและอาชีพ

ไม่หมดแค่นั้น! ยังพบพฤติกรรมข่มขู่รีดเงินพระอีกหลายรูป โดยเฉพาะพระวัดดังใน จ.ฉะเชิงเทรา และอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร ด้วยการขู่เปิดโปงความสัมพันธ์ลับ พร้อมใช้ภาพ-คลิปบีบให้โอนเงิน และเขียนคำร้องเท็จ

ตำรวจเตรียมดำเนินคดีทั้ง คดีอาญา-ฟอกเงิน-รีดทรัพย์ และขยายผลตรวจสอบเส้นทางเงินกับวัดที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอย่างละเอียด เพื่อเอาผิดทั้งขบวนการให้ถึงที่สุด.

นนทบุรี เปิดศูนย์รับแจ้งความอาชญากรรมไซเบอร์แห่งแรกของประเทศ เดินหน้าสู่เมือง Smart City

เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2568 เวลา 10.30 น. ตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรีเปิด “ศูนย์รับแจ้งความและบริหารจัดการคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี” แห่งแรกของประเทศ ณ สำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี โดยมีนายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เป็นประธาน พร้อมด้วย พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผบก.ภ.จว.นนทบุรี ให้การต้อนรับ

ศูนย์ฯ ดังกล่าวจัดตั้งขึ้นเพื่อรองรับคดีอาชญากรรมไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคกลางซึ่งมีสถิติรองจากกรุงเทพมหานคร ด้วยระบบการจัดการที่ทันสมัย ลดขั้นตอน ลดระยะเวลา และให้บริการตลอด 7 วันไม่เว้นวันหยุดราชการ

นายเกียรติศักดิ์เผยว่า “นี่คือต้นแบบระดับประเทศ ที่ช่วยยกระดับการให้บริการประชาชนได้จริง รองรับเป้าหมายการพัฒนาจังหวัดสู่ Smart City อย่างเป็นรูปธรรม”

พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ กล่าวเสริมว่า “เรานำระบบเทคโนโลยีมาใช้ตั้งแต่การจัดคิว นัดหมายล่วงหน้า จนถึงการดำเนินคดี โดยเฉลี่ยรับแจ้งได้วันละ 50–55 ราย ซึ่งจะช่วยคลี่คลายปัญหาไซเบอร์ได้รวดเร็วและแม่นยำ”

บรรยากาศวันเปิดศูนย์เต็มไปด้วยผู้เสียหายที่มารับบริการ เช่น นางพิมพร วัย 76 ปี ที่เคยถูกโกงเงินออนไลน์ เผยว่า “ดีใจที่มีศูนย์เฉพาะทางแบบนี้ เชื่อว่าจะรวดเร็วและไม่ถูกทอดทิ้ง”

ด้านนายอัศวพล อายุ 22 ปี ผู้เสียหายจากแก๊งแอบอ้างเป็นรุ่นพี่ กล่าวอย่างประทับใจว่า “แอร์เย็นดี เจ้าหน้าที่เป็นกันเอง สะดวกสบายมากกว่าที่เคยแจ้งความ”

ศูนย์ฯ แห่งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการรับมือภัยไซเบอร์ พร้อมเป็นต้นแบบให้จังหวัดอื่น ๆ พัฒนาระบบแจ้งความยุคดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

สีกาอัปรีย์! คุมตัว "สีกากอล์ฟ" เข้ากองปราบฯ คดีเงินวัด – ปากเงียบสนิท! คอตกไม่ตอบแม้แต่คำเดียว

ในที่สุด! "สีกากอล์ฟ" หรือ น.ส.วิลาวัลย์ เอมสวัสดิ์ วัย 35 ปี สตรีผู้พัวพันคดีเงินวัดสะเทือนวงการผ้าเหลือง ถูกเจ้าหน้าที่รวบตัวกลางหมู่บ้านหรูจังหวัดนนทบุรี ท่ามกลางความตื่นตะลึงของเพื่อนบ้านและสื่อมวลชน ก่อนถูกนำตัวเข้าสอบปากคำที่ กองปราบฯ อย่างเคร่งเครียด

เวลา 14.12 น. ของวันที่ 15 มกราคม 2568 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อม พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. และ พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา จาก ป.ป.ท. บุกเข้าจับกุม "สีกากอล์ฟ" ตามหมายจับคดีร้ายแรง ทั้ง ร่วมกันฟอกเงิน สนับสนุนเจ้าพนักงานทุจริต รับของโจร หลังพบเส้นทางเงินโยงถึงอดีตเจ้าอาวาสวัดดัง “พระเทพพัชราภรณ์” ที่โอนเงินกว่า 380,000 บาทจากบัญชีวัด เข้าบัญชีส่วนตัวของเธออย่างน่าสงสัย!

หลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ ปปป. นำตัวเธอเข้าสู่ อาคารพิทักษ์สันติ ภายใต้การอารักขาเข้มงวด “สีกากอล์ฟ” ปรากฏตัวในชุดเสื้อยืด-กางเกงขายาวสีดำ ผมถูกรวบเรียบร้อย ใส่หน้ากากอนามัยปิดหน้า แต่ไม่สามารถปิดแววตาเครียดจัดได้พ้นสายตาสื่อ!

ผู้สื่อข่าวพยายามจ่อไมค์ ถามไถ่ว่าอยากชี้แจงอะไรหรือไม่ หลังชื่อของเธอทำ พระชั้นผู้ใหญ่สึกกระเจิง จนวงการสงฆ์สะเทือนเลื่อนลั่นทั่วประเทศ แต่สีกากอล์ฟเพียง ก้มหน้า คอตก เดินช้าเหมือนคนหมดแรง ปฏิเสธที่จะตอบแม้แต่คำเดียว!

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยัน จะสอบปากคำ “สีกาอัปรีย์” รายนี้ด้วยตัวเอง เพื่อคลี่คลายเครือข่ายเส้นทางเงินวัดสุดฉาวที่อาจมีเบื้องหลังมากกว่าที่ปรากฏ

คดีนี้ยังไม่จบ…

“กอล์ฟ” อาจไม่ใช่แค่หมากเบี้ยรายเดียวในเกมโกงเงินศาสนา!

ติดตามกันให้ดี... วัดสั่นสะเทือนครั้งนี้จะจบลงตรงไหน!

เด็กบ้านแพ้วรุ่นใหม่อาจไม่เคยได้สัมผัสกับวันวานนั้น แต่สำหรับผม ภาพเหล่านั้นยังแจ่มชัด

— ตอนที่คุณแม่ผมยังขายของในตลาด หรือแม้แต่การ ยืนรอเรือที่จะไปทั้งหลักสี่ หรือบางคนไปทางหลักสอง มันคือความสุขเล็ก ๆ ที่ไม่มีวันหวนกลับ

แม้เพลิงจะเผาตลาดให้วอดวายไป แต่สายน้ำของบ้านแพ้วยังไหลเหมือนเดิม — สายน้ำที่เคยหล่อเลี้ยงวิถีชีวิตผู้คนสองฝั่งคลองมาอย่างยาวนาน

สิ่งที่เปลี่ยนไป...คือ “ตลาดริมน้ำ” ที่ไม่มีอีกแล้ว

เราอาจไม่สามารถย้อนเวลาให้ภาพเก่ากลับมาได้ แต่เรา สามารถรำลึก และบอกเล่าให้คนรุ่นหลังรู้ว่า บ้านแพ้วเคยมี "ตลาดริมน้ำ 100 ปี" ที่งดงามเพียงใด และหวังว่าวันหนึ่ง จะมีใครสักคนลุกขึ้นมาจุดประกายชีวิตให้ ตลาดริมน้ำกลับมาคึกคักอีกครั้ง

เพราะความทรงจำที่ดี…ไม่ควรถูกทิ้งไว้เพียงในอดีต

จากหัวใจของเด็กบ้านแพ้ว ที่ยังเชื่อว่าวันหนึ่ง ความคึกคักของตลาดริมน้ำจะกลับมา แม้ในรูปแบบที่แตกต่าง

#ขอบคุณ เจ้าของภาพที่นำมาประกอบข่าวครับ

สมุทรสาครเดินหน้าต้านโกง! ผู้ว่าฯ นริศ เปิดอบรมเสริมเกราะข้าราชการ สร้างภูมิคุ้มกันทุจริต

15 กรกฎาคม 2568 — นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานเปิดการอบรมขับเคลื่อนการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ณ ห้องประชุมโรงแรมแกรนด์อินเตอร์ โฮเทล อ.เมืองสมุทรสาคร โดยมีข้าราชการและเจ้าหน้าที่ภาครัฐเข้าร่วมอย่างคับคั่ง

ภายในงาน นายธิติพันธ์ จันทร์เลื่อน เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตชำนาญการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ช. สมุทรสาคร ได้ให้ความรู้เรื่อง “การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับส่วนรวม” และ “การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์โดยไม่เหมาะสม” ตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2561

ผู้ว่าฯ เน้นย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการต่อต้านคอร์รัปชันในทุกระดับ และสมุทรสาครพร้อมเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มุ่งสร้างวัฒนธรรมสุจริต โปร่งใส โดยเฉพาะการแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตน-ส่วนรวมอย่างชัดเจน

“ขอให้ทุกคนเรียนรู้และนำไปขยายผลสู่ผู้บริหารและเพื่อนร่วมงาน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันการทุจริตอย่างจริงจัง” ผู้ว่าฯ กล่าวทิ้งท้าย

โครงการนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของสมุทรสาครในการสร้างระบบราชการที่สะอาด โปร่งใส และไว้วางใจได้.