pearleus

วันอังคารที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ผกก.คนใหม่ลั่นรื้อคดีเผาสวนงูโอเอภูเก็ต หลังถูกดองนาน 5 ปี-แฉหลักฐานถึงตัวผู้จ้างวาน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีเผาสวนงูโอเอ ที่จ.ภูเก็ต เมื่อ5 ปีก่อน มีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดและพยานบุคคลซัดทอดไปถึงกลุ่มบุคคลที่บุกเข้าไปทำร้ายรปภ. รวมทั้งรู้ตัวผู้จ้างวาน แต่คดีกลับถูกดอง  เมื่อร้องไปที่ตำรวจกองปราบ ถูกโบ้ยให้ทำตามขั้นตอนที่ตำรวจท้องที่ก่อน  หากไม่คืบหน้ากองปราบจึงจะรับคดีติดตามคลี่คลาย  ล่าสุดผู้กำกับคนใหม่ลั่นพร้อมสานต่อเร่งไล่ล่ามือเพลิงพร้อมผู้จ้างวาน เอ่ยขอโทษ มั่นใจคดีนี้ผู้เสียหายต้องได้รับความเป็นธรรม
จากกรณีที่ทายาทโอเอบุกร้องกองปราบเมื่อวันที่ 9 ต.ค.60  เข้าพบ พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผบก.ป.เพื่อให้ช่วยติดตามความคืบหน้าคดีทำร้ายร่างกายและคดีเผาบริษัท ภูเก็ตเฮลตี้นูทรีเม้นท์ จำกัด  แต่ทางกองปราบฯให้กลุ่มผู้เสียหายเดินทางไปสอบถามกับพนักงานสอบสวนสภ.ฉลอง เจ้าของคดีติดตามความคืบหน้าคดีสวนงูถูกวางเพลิงโดยกลุ่มชายฉกรรจ์และทำร้ายพนักงานบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นพิการ 
โดยเหตุเกิดมาตั้งแต่เดือนเมษายนพ.ศ.2555  ตามที่เป็นข่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 ต.ค.60 ที่สภ.ฉลอง  จ.ภูเก็ต นายอนุชิต ไชยทองงาม อายุ 29 ปี อดีตพนักงานรักษาความปลอดภัย บริษัท ภูเก็ตเฮลตี้นูทรีเม้นท์ จำกัด บริษัทในเครือโอเอทรานสปอร์ต พร้อมนายณัฐพล จันทร์อุไร ทนายความ โดยนายอนุชิต ผู้เสียหาย เดินทางมาด้วยสภาพร่างกายที่พิการ พร้อมอาการกระทบกระเทือนทางสมอง เข้าร้องขอความเป็นธรรมกับ พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรฉลอง จ.ภูเก็ต กรณีถูกทำร้ายร่างกายขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริษัท และมีการลอบวางเพลิงบริษัทเมื่อวันที่ 23 เม.ย.55 โดยร้องขอให้ทางตำรวจติดตามความคืบหน้าคดีให้ด้วย เนื่องจากว่ายังไม่สามารถจับผู้ต้องหานำมาลงโทษได้ ที่ผ่านมาคดีก็เงียบ และที่สำคัญคดีถูกยกฟ้องไปบางส่วนเมื่อต้นปี 2560 ทั้งๆ ที่มีสอบสวนพยานและรู้ตัวผู้ต้องหาทั้งหมดชัดเจน

รวมถึงผู้จ้างวาน ซึ่งมีอยู่ในบันทึกคำให้การเมื่อต้นปี 2559 ตนเองในฐานะผู้เสียหายมีความกังวลอย่างมาก อยากได้รับความเป็นธรรม เพราะตั้งแต่มีเรื่องเกิดขึ้นกับตนเอง ความจริงทุกอย่างก็อยู่ในมือตำรวจแล้วแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมคดีถึงถูกยกฟ้อง ทำให้ปัจจุบันตนอยู่อย่างหวาดระแวง และท้อใจในการใช้ชีวิต  เพราะจากสภาพร่างกายที่พิการ จากที่เคยเป็นเสาหลักหาเลี้ยงครอบครัว ก็ต้องเป็นภาระให้พ่อแม่ และสุดท้ายคดีความก็ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเข้ามาเรียกร้องกับท่านผู้กำกับ สภ.ฉลอง ที่เข้ามารับตำแหน่งใหม่ ให้รื้อคดีให้ตนเองอีกครั้ง

พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผู้กำกับ สภ.ฉลอง กล่าวว่า ทราบเรื่องเบื้องต้นแล้ว พร้อมจะให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหาย และวันนี้ได้ให้นายอนุชิต ผู้เสียหายให้ปากคำไว้ อีกครั้ง เพื่อเป็นพยานหลักฐานเพิ่มเติม รวมทั้งอยากเชิญเจ้าของบริษัทที่ถูกลอบวางเพลิงเข้ามาให้ปากคำเช่นกัน เท่าที่ทราบตอนนี้พบเอกสารการสอบปากคำพยานและผู้ต้องหาที่ให้การซัดทอดไปถึงผู้จ้างวานที่กองปราบฯส่งมาให้เมื่อปี 59 ไม่ได้ถูกส่งประกอบสำนวนฟ้องให้ทางอัยการซี่งตนจะปรึกษาอัยการอีกครั้งเพื่อรื้อคดีนี้"ผมต้องขอโทษด้วยเพราะเพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง"

แหล่งข่าวกล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีที่ชาวภูเก็ตให้ความสำคัญมาก พร้อมมีการพนันขันต่อกันว่าจะเป็นมวยล้มต้มคนดูหรือไม่ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าผลประโยชน์ด้านเม็ดเงินจำนวนมหาศาลจากการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องการการท่องเที่ยวมีมูลค่าสูงในแต่ละปีนับหมื่นล้านบาท และบริษัทโอเอก็เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการท่องเที่ยว ประกอบกิจการมายาวนานกว่า 30 ปี ซึ่งบริษัทที่เปิดใหม่ต่างหวังจะช่วงชิงเม็ดเงินทางด้านการตลาด และวันนี้ก็มีเพียง 4 บริษัทเท่านั้นที่ก้าวขึ้นมาเทียบชั้น โดยนำเม็ดเงินการลงทุนมาจากต่างประเทศ

โดยชาวจีนอดีตเป็นไกด์เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง   ใช้กลยุทธ์แบ่งปั่นหุ้นส่วนบริษัทส่วนหนึ่งให้กับกลุ่มคนมีสี ทั้งนอกราชการและในราชการ แต่งงานกับหลานสาวนายตำรวจระดับสูงยศพล.ต.อ.และอดีตรัฐมนตรีสมัยพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจนได้สัญชาติไทยเป็นผู้มาบริหารงานและดูแลกิจการยังเป็นอดีตนายตำรวจหญิงระดับสารวัตรอีกด้วย ดังนั้นทำให้ศักยภาพในการบริหารงานเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะบางสิ่งบางอย่างเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะไม่กล้าเข้าไปตรวจให้สอบหรือไปตอแยด้วย อาทิ การจอดรถทัวร์ในที่ห้ามจอด  การใช้ไกด์เถื่อนจากต่างชาติ  สินค้าละเมิด ข่มขู่คุกคามมัคคุเทศก์ และนักท่องเที่ยว ทำให้ค้าขายสะดวกสบาย 

แหล่งข่าวระดับสูงจากกลุ่มไกด์ เปิดเผยว่า การเติบโตแบบก้าวกระโดดของบริษัททัวร์แห่งนี้เพียง 5-6 ปี ก็ก้าวขึ้นสู่บริษัทชั้นนำของประเทศไทย และความขัดแย้งรุนแรงถึงขั้นเผาทำลายบริษัทโอเอคู่แข่งรายใหญ่  น่าแปลกที่หลักฐานพยานมัดแน่นเกือบทุกด้านแต่คดีกลับอืดอาดไม่คืบหน้า จึงเชื่อว่าคดีนี้คงจะจบลงที่เงียบไปเฉยๆ พร้อมกับการเติบโตของบริษัททัวร์ยักษ์ใหญ่รายใหม่ที่ถือหุ้นโดยผู้กองอดีตทหารคนดังและพล.ต.อ.อดีตนายใหญ่แห่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ   


*******************




0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น