จากกรณีกลุ่มคนร้ายได้บุกเข้าไปเผาสวนงู หรือ บริษัท ภูเก็ต เฮลตี้นูทรีเมนต์ จำกัด ที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อกลางดึกวันที่ 23 เมษายน 2555 และทำร้ายนายอนุชิต ไชยทองงาม รปภ.ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนพิการ ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ได้จับกุมนายสุวรรณ ทองเพิ่มพลอย อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาเอาไว้ได้ เมื่อวันที่ 26 ม.ค.2559 นอกจากนี้นายยุทธนา การมาสม หนึ่งในผู้ร่วมก่อเหตุ ยังได้เข้ามาให้การกับตำรวจกองปราบปราม ว่า ได้มีอดีตสารวัตรหญิงสังกัดตำรวจท่องเที่ยว และนายตู้ห่าว สามี เป็นคนบงการ ในการก่อเหตุ หลังจากสอบปากคำพนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้ส่งเรื่องไปที่ สภ.ฉลอง จ.ภูเก็ต แต่เรื่องกลับเงียบหายไปนั้น
ความคืบหน้า วันที่ 16 พ.ย. พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผกก.สภ.ฉลอง จ.ภูเก็ต เปิดเผยว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 15 พ.ย.นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว และอดีตพ.ต.ท.หญิงวัทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ ผู้ต้องหาสองสามีภรรยา ได้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ในคดีจ้างวานใช้และพยายามฆ่าผู้อื่น และใช้จ้างวานวางเพลิง เผาทรัพย์สินผู้อื่น หลังจากพนักงานสอบสวนสภ.ฉลอง ได้รวบรวมหลักฐานออกหมายเรียกทั้งคู่ให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา ทั้งคู่ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมกับขอให้การในชั้นศาล ก่อนที่ทั้งคู่จะใช้เช็คธนาคารมูลค่า 1 ล้านบาท ในการประกันตัว
พ.ต.อ.ประชุม เปิดเผยต่อว่า ว่า คดีนี้มีแรงกดดันพอสมควร แต่ตนเห็นความผิดปกติในสำนวน มีการหมกเม็ดหลายจุดจึงต้องการทำให้ถูกต้อง เพื่อให้สังคมได้มีที่พึ่ง และเป็นภาพลักษ์ที่ดีแก่องค์กรตำรวจ สำคัญที่สุด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตสามารถตอบตัวเองได้ว่าเราทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ ตอบคำถามผู้เสียหายที่พิการและญาติพี่น้องของเขาได้ การนำผู้ต้องหาและผู้เสียหายเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเป็นการดีที่สุด ถูกต้องที่สุด ส่วนตัวยืนยันไม่รู้จักกับบริษัท โอเอ. ไม่เคยรู้จักกับผู้ต้องหา ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยอะไรในตัวผม
ด้านพ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รองผบก.ป.กล่าวว่า คดีเผาสวนงูที่ จ.ภูเก็ต นั้น เจ้าหน้าที่กก.1.บก.ป.ได้จับกุมผู้ต้อหาที่ก่อเหตุ รวมทั้งได้สอบปากคำพยานไปจนรู้ว่าผู้ใดเป็นคนบงการ จากนั้นได้ส่งเรื่องไปที่ สภ.ฉลอง เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดี ตั้งแต่เมื่อกลางปี 59 แต่ไม่ทราบว่าทำไมเรื่องถึงเงียบหายไป จนเมื่อมีเรื่องที่นายนายอนุชิต ไชยทองงาม รปภ.ที่ถูกทำร้ายบาดเจ็บจนพิการ มาร้องขอความเป็นธรรมที่กองปราบ เพราะคดีไม่คืบ จะให้โอนคดีมาให้กองปราบปรามทำ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาว่าจะสั่งการอย่างไรต่อไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น