ล้มแล้วล้มอีก…ล้มแบบไร้น้ำ ยาชนิดเข็นไม่ขึ้นจริงๆ การประมูลรถเมล์ เอ็นจีวี. 489 คัน ของ ขสมก.ครั้งล่าสุดต้องล้มลงอย่ างไม่เป็นท่า ก็เพราะมีขบวนการปั่นราคาเดิ มจาก 3.3 พันล้านบาท เป็น 4,020 ล้านบาท เพียงเพราะหวังได้เงินทอนกว่า 600 ล้านบาท ทั้งที่ราคาก็ได้อย่างสมใจกั นไปแล้ว แต่ผลการประมูลรอบล่าสุดยังล้ มเหลวอย่างไม่เป็นท่า
เนื่องจากไม่มีเอกชนรายใดยื่ นซองเสนอราคา ตั้งแต่เช้าจนเย็นปิดเวลาทำการ ขสมก.กลายเป็นแม่สายบัวแต่งตั วรอเก้อไม่มีเจ้าบ่าวมาสู่ขอ ช่างน่าอับอายสิ้นดีกับการบริ หารงานองค์การรัฐวิสาหกิจแห่งนี้ ทั้งๆที่มีหนี้สินท่วมหัว ไม่มีแม้กระทั่งเงินเดือนจะจ่ ายพนักงาน ถึงกับต้องร้องขอครม.ช่วยอนุมัติเงินกู้แก้ปั ญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน แต่ก็ยังไม่เจียมตัว ยังเล่นบทลูกคุณหนูไฮโซนิ ยมของแพง ขยันอุปโลกน์แสวงหาราคากลางจั ดซื้อรถเมล์ครั้งแล้วครั้งเล่า ขนาดดันราคาแพงขึ้นกว่าเดิมถึง 600 กว่าล้าน ยังไม่มีเอกชนรายใดสนใจจะเข้าร่ วมสังฆกรรมด้วย
แหล่งข่าวภายในขสมก.รายงานว่า“ไม่ใช่แค่เรื่องราคาที่ต่ำอย่ างที่ผู้บริหาร ขสมก.กับเอกชนเจ้าเก่ารายเดิ มสร้างกระแสเป็นคู่หูคู่ดัน อ้างราคา 3.3 พันล้านบาทถูกไปสู้ไม่ไหวๆ แล้วทีนี้จะยังไง เมื่อราคาก็ถูกดันขึ้นไปที่ 4,020 ล้านบาท แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาบริษั ทเอกชนป๋าดันที่ขยันออกมาป่ าวประกาศว่าจะเข้าร่วมชิงชัยคว้ างานประมูลครั้งนี้มาให้ได้จริ งๆหรือเป็นแค่กระตุ้นราคาหุ้ นในตลาดซะมากกว่า นอกจากไร้เงาไม่เข้าร่วมแล้ว ยังอ้างเหตุผลสมเป็นพระเอกหนั งไทยว่า ” เกรง ขสมก.จะถูกครหาจากการที่บริษั ทฯนำเข้ารถสเป็คเดียวกับ ขสมก.จำนวน 50 คันใกล้เคียงกับที่ต้องส่งมอบ ขสมก.ล๊อต แรกก่อนปีใหม่ เกรงจะถูกกล่าวหาว่า ขสมก.เอื้อประโยชน์ให้บริษัททั้ งๆที่การนำเข้ารถเอ็นจีวี.ล๊ อตนี้ก็เพื่อส่งมอบให้บริษัทฯรถร่ วมบริการ ขสมก.บริษัทฯหนึ่งหนึ่งที่สั่ งซื้อมาก่อน”
ประเด็นนำเข้ารถโดยสาร เอ็นจีวี.สเป็คเดียวกับ ขสมก.จำนวน 50 คันนี้คงขอฝากให้กรมศุลกากร ช่วยตรวจสอบอย่างละเอียดว่า อาจมีความผิดเกี่ยวกั บรถจดประกอบตามมาตรา 6 หรือไม่? หากไม่พบความผิด คงต้องชื่นชมในความเป็ นพระเอกของผู้บริหารบริษั ทมหาชนแห่งนี้จริงๆจึงขอให้ท่านเปิดเผยชื่อและหลั กฐานการซื้อขายรถเอ็นจีวี.ให้กั บบริษัทฯรถร่วม ขสมก.ใดที่สั่งซื้อ จะถือว่าเป็นความกรุณาอย่างสูง แต่ถ้าท่านไม่กล้าเปิดเผย คงต้องขอยืนยันตามข้อมูลเดิมว่ าบริษัทฯท่านได้นำรถบัสเอ็นจีวี .ล๊อตดังกล่าวมาเพื่อหวังชิ งความได้เปรียบคู่แข่งผู้ประมู ลรายอื่นจริงๆ
เหตุเพราะมีเสี ยงทางไกลจากประเทศจีน ข้อมูลไม่ตรงกับที่อ้างไว้คือ “ โรงงานประกอบรถโดยสารที่ ประเทศจีนไม่รับ แอลซี.หรือ หนังสือรับรองการชำระหนี้ ของธนาคาร แต่ต้องการเงินสด 30 เปอร์เซ็นต์ เพื่อวางมัดจำค่าประกอบรถเอ็นจี วี.จำนวน 489 คัน เหตุเพราะเมื่อปี 2558 ได้เคยเปิดออเดอร์รถเอ็นจีวี. จำนวนนี้ไปแล้ว และโรงงานได้ประกอบไปแล้ วจำนวนหนึ่ง แต่ต่อมากลับยกเลิกมาครั้งนี้เครดิตหมดสิ้ นทางโรงงานจึงต้องขอเงินสด 30 เปอร์เซ็นต์เพื่อวางมัดจำในล๊ อตนี้ ขณะที่บริษัทฯกระเป๋าแฟบ จากการนำเงินบริษัทฯมาลงทุนให้ ขสมก.ในอีกโครงการฯ ประกอบกับไม่มีเอกชนรายใดที่มี การไปล๊อบบี้ขอให้เป็นคู่เที ยบราคาให้ความร่วมมือกับแม้แต่ รายเดียว”
ขณะที่มีเสียงสะท้อนจากเอกชนผู้ ซื้อซองประกวดราคารายหนึ่ง(ไม่ ขอเอ่ยนาม)ว่า“จริงๆแล้วการที่ ไม่มีเอกชนรายใดเข้ายื นซองเสนอราคาโครงการจัดซื้ อรถเอ็นจีวี.ไม่เกี่ยวกับเรื่ องราคาที่พยายามจะดันกันขึ้ นไปให้สูงขึ้นทุกครั้งที่มี การเปิดประมูลแต่คือเอกชนเกิ ดความไม่มั่นใจ ความไม่เชื่อใจ หมดศรัทธากับการบริหารสัญญาที่ ไม่เที่ยงตรงของผู้บริหาร ขสมก.และมักจะถูกแทรกแซงจากผู้ มีอำนาจในระดับกระทรวง”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์ที่ผ่านมามีเสี ยงสะท้อนวิพากษ์วิจารณ์กันอย่ างหนักเช่น เอกชนรายใดชื่นชอบเป็นพิเศษทำผิ ดสัญญาแบบชัดๆจะแจ้งอย่างไร ขสมก.ก็มองผ่านแถมให้การสนับสนุ นช่วยเหลือ แถมแก้ต่างให้จนออกนอกหน้า ส่วนรายใดที่ไม่โปรดปรานจะด้ วยเหตุผลกลใดไม่ปรากฏ แม้การกระทำผิดยังไม่ชัดเจน ยังอยู่ในกระบวนการที่ต้องพิสู จน์ในชั้นศาล ผู้บริหาร ขสมก.กลับยินดีที่จะเสี่ยงต่ อการถูกฟ้องร้องทั้งทางแพ่ งและทางอาญา ด้วยการยกเลิกสัญญาซื้อขายกันดื้ อๆโดยไม่ฟังแม้คำสั่งศาล
การประมูลจัดซื้อรถเอ็นจีวี.489 คันครั้งล่าสุดที่ล้มครื นนอกจากจะส่งผลให้ผู้บริหาร ขสมก.และรัฐมนตรีคมนาคมต้องหน้ าแตกไปตามๆกัน ถึงขนาดที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐรมว.คมนาคม ต้องเรียกผู้บริหาร ขสมก.ประชุมด่วนเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนหลังไม่มีเอกชนยื่ นซองประกวดราคาแม้แต่รายเดียว จะเป็นด้วยท่านห่วงเก้าอี้รั ฐมนตรีของท่านจะกระเด็นหรือเพื่ อหาทางออกจัดซื้อรถเมล์ฉาวก็ตาม แต่ที่แน่ๆชัดๆคือความพยายามที่ จะจัดซื้อด้วยวิธีพิเศษ แถมยังจะดันราคาเพิ่ มงบประมาณไปอีก 402 ล้านบาท ขอให้ทุกฝ่ายจับตาไปเมื่อวันที่ 8 พ.ย. นายณัฏฐชาติ จารุจินดา ประธานคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) ขสมก. เข้าพบนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว. คมนาคม และนายพิชิต อัคราทิตย์ รมช. คมนาคม เพื่อหารือกรณีที่ไม่มี เอกชนรายใดเสนอราคาโครงการจัดซื้ อรถโดยสารเอ็นจีวี. 489 คันอย่างเร่งด่วน
แม้ล่าสุดนายณัฐชาติ จารุจินดา ประธาน บอร์ด ขสมก. เปิดเผยหลังประชุมบอร์ด ขสมก.นัดพิเศษ เมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ขสมก. ได้ประชุมบอร์ดนัดพิเศษเพื่อพิ จารณาปัญหาโครงการจัดซื้อรถ 489 คัน ราคากลาง 4,020 ล้านบาท แต่ไม่มีเอกชนยื่ นเอกสารประกวดราคาจนต้องล้ มประมูลเป็นครั้งที่ 6 โดย ขสมก.ได้แต่งตั้งคณะกรรมการจั ดซื้อจัดจ้างชุดใหม่ มีนางพนิดา ทองสุข ผู้ช่วยอำนวยการฝ่ายบริหาร ขสมก. เป็นประธานเพื่อทบทวนร่ างขอบเขตของงาน (TOR) ใหม่ เช่น อาจขยายเวลาส่งมอบรถให้นานขึ้ นจากเดิมกำหนดให้ภายใน 120 วัน เนื่องจากเป็นเหตุให้เอกชนที่ซื้ อเอกสารประกวดราคาครั้งล่าสุ ดไม่มายื่นข้อเสนอราคาผ่ านระบบอีบิดดิ้งเพราะอาจส่ งมอบรถไม่ทันและต้องใช้เวลาเตรี ยมตัว
หากยังจำกันได้นายสุนทร ชูแก้ว ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทเบสทริ นเคยตั้งข้อสังเกตุไว้ว่า ขสมก.หรือใครก็ตามที่กำลังใช้ ความพยายามผลักดันราคากลางรถเอ็ นจีวี. 489 คันที่กำลังจะมีการประมูลจาก 3.3 พันล้านเป็น 4 พันกว่าล้าน ขอเรียนว่าราคาที่เบสทรินชนะนั้ น เป็นราคาที่รวมภาษีต่างๆ และค่าธรรมเนียมครบถ้วนแล้ว
ขสมก.ไม่มีความจำเป็นต้องซื้ อรถเมล์แพงไปมากกว่านี้ หากมีเจตนาที่จะผลักดันราคาเช่ นนั้นจริง ย่อมทำให้รัฐต้องสูญเสี ยงบประมาณโดยไม่จำเป็น การกระทำเช่นนี้อาจจะก่อให้เกิ ดความเสียหายตามมาและต้องมีผู้ รับผิดชอบ
ทนายสุนทรกล่าวต่อไปว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า ขสมก.พยายามผลักดันให้มีการขี้ นราคากลางทุกครั้งที่มีการเปิ ดประมูลจัดซื้อรถเอ็นจีวี.ตนไม่ เข้าใจว่า เหตุที่ยกเลิกสัญญาจัดซื้อกั บเบสทรินเป็นเพราะ เบสทรินส่งมอบรถไม่ทันตามที่สั ญญาระบุไว้จริงๆหรือเป็ นเพราะราคาของเบสทรินถูกเกิ นไปไม่ถูกใจบางคน
นับเป็นเรื่องที่เหลือเชื่ออย่ างมาก การที่เบสทรินถูกกรมศุลกากรกล่ าวหาว่า หลบเลี่ยงภาษีเรื่องยังอยู่ ระหว่างพิจารณาของศาล ซึ่งยังไม่มีใครรู้ว่า เบสทริน ผิดตามข้อกล่าวหานั้นหรือไม่? แม้สุดท้ายแล้วเบสทริน เป็นฝ่ายผิดเงินประกันภาษีนำเข้ ารถเอ็นจีวี.ที่วางไว้จำนวน 40เปอร์เซ็นต์สูงสุดเต็มจำนวน กับกรมศุลกากรต้องถูกยึดเข้าแผ่ นดินเท่ากับว่า รถเอ็นจีวี.จำนวนนั้นได้ ชำระภาษีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นรถที่ถูกต้องแล้วผ่านพิธี ทางศุลกากรเสร็จสิ้นแล้ว หรือในทางกลับกันหากเบทสรินพิสู จน์ได้ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ กรมศุลกากรและ ขสมก.อาจจะถูกฟ้องร้องเรียกค่ าเสียหายทั้งทางแพ่งและอาญา คงต้องว่ากันไปตามเวรตามกรรม
แต่ความเสียหายที่ไม่ สามารถชดเชยได้คือ การเสียโอกาสของประชาชนคนกรุ งเทพฯและการเสียโอกาสทางธุรกิ จและการปฏิรูป ขสมก…และที่สำคัญการเสียหน้ าของพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่จะมอบรถเมล์ใหม่ๆให้เป็ นของขวัญปีใหม่คนกรุงเทพฯ มีอันต้องยกเลิกไปอีกปี
ใครจะรับผิดชอบและรับผิดชอบกั นอย่างไร?
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น