รมว.มท.ลงนามกฎกระทรวง
2 ฉบับ ปลดล็อคให้โรงแรมขนาดเล็ก – อาคารประเภทอื่นที่นำมาใช้ประกอบธุรกิจโรงแรมสามารถขออนุญาตได้อย่างถูกต้อง
โดยเพิ่มมาตรฐานด้านความปลอดภัย ส่งเสริมบรรยากาศด้านการค้า การลงทุน
และการท่องเที่ยวของประเทศ
เมื่อ 23ส.ค.59 พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า
ด้วยในปัจจุบัน ได้มีการนำอาคารประเภทอื่นมาให้บริการที่พักแก่ประชาชนเป็นการทั่วไป
ซึ่งลักษณะและโครงสร้างของอาคารที่มีอยู่เดิมไม่สอดคล้องกับอาคารที่จะนำมาประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมาย
จึงทำให้อาคารดังกล่าวไม่สามารถขอรับใบอนุญาตเพื่อประกอบธุรกิจโรงแรมได้อย่างถูกต้อง
ดังนั้น
เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการใช้อาคารที่ไม่ถูกต้องและให้ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กสามารถขออนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมได้
สอดคล้องกับแนวโน้มด้านการท่องเที่ยวในปัจจุบันซึ่งรัฐบาลมีนโยบายในการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการโรงแรมให้สามารถแข่งขันได้
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง
จึงได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขข้อกำหนดของกฎกระทรวงที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
เพื่อให้ ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมดังกล่าว
สามารถขออนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
โดยได้ออกกฎกระทรวงกำหนดลักษณะอาคารประเภทอื่นที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. 2559 ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมาและมีผลบังคับใช้แล้วตามกฎหมาย โดยสาระสำคัญของกฎกระทรวงฉบับนี้
คือ
การกำหนดหลักเกณฑ์ของอาคารแต่ละประเภทที่จะสามารถนำมาใช้ประกอบธุรกิจโรงแรมได้จะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขให้มีลักษณะและมาตรฐานความปลอดภัยตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง
จึงจะสามารถขออนุญาตเปลี่ยนการใช้อาคาร หรือประกอบธุรกิจโรงแรมได้ อาทิ
ความกว้างของช่องทางเดิน บันได การติดตั้งเครื่องดับเพลิง
และอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยซึ่งได้กำหนดหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวไว้อย่างชัดเจนเพื่อให้ผู้ประกอบกิจการต้องปฏิบัติตาม
และกำหนดให้มีระยะเวลาบังคับใช้กฎกระทรวงฉบับนี้เป็นเวลา 5
ปี เนื่องจากเป็นนโยบายชั่วคราวที่ต้องการแก้ไขปัญหาของอาคารที่ไม่ถูกต้อง
มุ่งเน้นให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้ใช้อาคาร
โดยจะใช้ได้เฉพาะกับอาคารที่ก่อสร้างโดยชอบด้วยกฎหมายและเป็นอาคารที่มีอยู่ก่อนวันที่กฎกระทรวงฉบับนี้บังคับใช้เท่านั้น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทยยังได้ออกกฎกระทรวง ฉบับที่ 66
(พ.ศ.2559) ออกตามความพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร
พ.ศ. 2522 เพื่อกำหนดลักษณะทางเดินเชื่อมระหว่างอาคารสำหรับอาคารสูง
อาคารขนาดใหญ่พิเศษ และอาคารขนาดใหญ่ที่จะทำทางเดินเชื่อมระหว่างอาคาร ให้สามารถกระทำได้โดยถือว่ายังมีที่ว่างโดยรอบอาคาร
และที่ว่างใต้ทางเดินเชื่อมยังคงนับเป็นที่ว่างของอาคาร
และอาคารที่มีทางเดินเชื่อมติดต่อกันนั้นไม่นับว่าเป็นอาคารหลังเดียวกัน
แต่มีเงื่อนไขว่าลักษณะของทางเดินเชื่อมต้องได้ตามที่กำหนด เช่น เรื่องความกว้างและความสูงซึ่งจะต้องมีความปลอดภัยแก่ประชาชน
วัสดุโครงสร้างหลักต้องเป็นวัสดุทนไฟที่มีอัตราการทนไฟได้ไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง
จะต้องไม่มีสิ่งกีดขวางและการใช้ประโยชน์อย่างอื่นที่เป็นอุปสรรคต่อการสัญจร
สามารถใช้ในการอพยพคนเมื่อเกิดอัคคีภัยและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้อาคาร
รวมทั้งกำหนดเงื่อนไขให้เจ้าของอาคารผู้ครอบครองอาคารต้องดูแลและบำรุงรักษาโครงสร้างและอุปกรณ์ต่างๆ
ของทางเดินเชื่อมให้มีความมั่นคงแข็งแรง
สามารถใช้งานได้อย่างปกติไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น