pearleus

วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2559

ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน การสัมมนาประเมินระดับการพัฒนาของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด พร้อมให้ข้อแนะนำกับผู้ว่าราชการจังหวัดในการปฏิบัติงานในพื้นที่ตามยุทธศาสตร์ 6 ด้านของรัฐบาล

     เมื่อ 11 ม.ค.59 เวลา 13.00 น. ณ ห้องจูปิเตอร์ ชั้น 3 โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่นกรุงเทพมหานคร นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานการสัมมนาเพื่อรายงานสรุปผลการประเมินระดับการพัฒนาของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจัดขึ้น 
เพื่อทบทวนการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และขับเคลื่อนการพัฒนาเชิงพื้นที่ตามนโยบายและยุทธศาสตร์ของรัฐบาลให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
   โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมฯ ประกอบด้วย อธิบดีทุกกรม หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าสำนักงานจังหวัดทุกจังหวัด ทั้งนี้ ได้มีการถ่ายทอดสดการประชุมฯ ผ่านระบบ Video conference ไปยังทุกจังหวัดด้วย 
      โอกาสนี้ ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้ให้ข้อแนะนำวิธีบริหารงานในพื้นที่ตามยุทธศาสตร์ของรัฐบาลให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนี้ 
     1. เรื่องระบบการทำงานของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีภารกิจสำคัญ 3 ภารกิจ คือ 1) งานตามนโยบายสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (Agenda)  2) งานตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยรวมทั้งงานในฐานะหัวหน้าส่วนราชการภูมิภาคที่ต้องกำกับดูแลหน่วยงานส่วนภูมิภาคในจังหวัด (Function)
  3) งานแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในระดับพื้นที่ (Area)โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรและคนยากจนที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ภายใต้มาตรการต่าง ๆ
    ซึ่งสิ่งสำคัญ คือ ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ จะต้องทราบและ เข้าใจยุทธศาสตร์ของรัฐบาลทั้ง 6 ด้าน และสามารถนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับศักยภาพของแต่ละพื้นที่ และถ่ายทอดภารกิจลงไปสู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่ได้อย่างเป็นรูปธรรม
      2. วิธีการนำยุทธศาสตร์ของรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติ หากจังหวัดมีงบประมาณไม่เพียงพอ ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้นำกลไก "ประชารัฐ " มาใช้ในการบริหารจัดการ เพื่อลดภาระของทางราชการ สร้างการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน และภาคประชาชน
     3. การรวมกลุ่ม "ประชารัฐ" สามารถทำได้ทั้ง 3 แบบ คือ แบบทางการ กึ่งทางการ และไม่เป็นทางการ เพื่อให้เข้าถึงประชาชนมากที่สุด ขอให้เร่งสร้างการรับรู้ สร้างการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน - ประชาชนให้เข้ามาร่วมสนับสนุนการทำงานของภาครัฐ และให้ใช้ความเป็นผู้นำของผู้ว่าราชการจังหวัดในการตัดสินใจเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนด้วยความรวดเร็ว  
     ทั้งนี้ ในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด บูรณาการการแก้ไขปัญหาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามสภาพปัญหาแต่ละเรื่อง โดยพิจารณาว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานใด เพื่ออำนวยการ สั่งการแก้ไขปัญหาให้ได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ 
       สำหรับการเผชิญและแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนมีเรื่องสำคัญที่ได้มอบแนวทางการปฏิบัติงานในพื้นที่  ดังนี้ 
       1. การบริหารจัดการน้ำเพื่อรองรับปัญหาภัยแล้ง ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องทราบข้อมูลแหล่งน้ำและปริมาณน้ำในพื้นที่ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาภัยแล้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้บูรณาการการแก้ไขปัญหาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ครอบคลุมทุกหน่วยงาน
    2. การกำจัดผักตบชวา ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพหลักในการกำจัดผักตบชวาอย่างเป็นระบบ จึงขอให้จังหวัดเร่งรัดดำเนินการให้เต็มที่ โดยบูรณาการการปฏิบัติ ร่วมกับฝ่ายทหารในพื้นที่ และให้นำแนวทางการกำจัดผักตบชวาของจังหวัดนครนายก มาใช้ประกอบการดำเนินงาน
     3. การเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในช่วงเดือนมกราคม - เมษายน ในพื้นที่ 65 จังหวัด  โดยเฉพาะ  9 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือให้นำกลไก  "ประชารัฐ" มาใช้ในการแก้ไขปัญหา และสร้างความตระหนักถึงปัญหาให้กับประชาชน
     สุดท้าย ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำ เรื่องการขยายผลโครงการพระราชดำริในพื้นที่ให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งขณะนี้กระทรวงมหาดไทยได้มีการปรับปรุงโครงสร้างการขับเคลื่อนงานโครงการพระราชดำริทั้งในส่วนกลางและระดับจังหวัด จึงขอเน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นกลไกหลักในการบูรณาการ ทุกภาคส่วนในพื้นที่ กำกับดูแลการขับเคลื่อนงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริให้เกิดผลสัมฤทธิ์และเป็นรูปธรรม โดยน้อมนำและประยุกต์ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นต้นแบบในการพัฒนาจังหวัด กลุ่มจังหวัดให้เป็นไปอย่างสมดุลและเกิดความยั่งยืน




0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น