เมื่อเวลา
11.00 น.วันที่ 6 พฤษภาคม ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายอรรณพ พึ่งเชื้อ
ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค)
พร้อมด้วยผู้เสียหายซึ่งเป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ดังกล่าว รวม 5 คน เดินทางเข้าพบ
พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบก.ป.เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ นางกัญชลิกา
กุลพนิชย์ อายุ 47 ปี และ น.ส.พรทิพย์ ดีมารยาตร์ อายุ 34 ปี
ในความผิดฐานร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม
หลังจากทั้งสองร่วมกันปลอมแปลงเอกสารของสมาชิกสหกรณ์แห่งนี้ แล้วนำไปใช้กู้ยืมเงิน
จนเกิดความเสียหายกับบรรดาสมาชิกที่ถูกนำเอกสารไปใช้โดยไม่ทราบเรื่อง
สร้างความเสียหายนับสิบล้านบาท โดยนำเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาดำเนินคดี
นายอรรณพ กล่าวว่า เหตุที่ต้องเข้าแจ้งความดำเนินคดีในครั้งนี้
เนื่องจากได้ตรวจสอบพบพฤติการณ์ของ นางกัญชลิกา และ น.ส.พรทิพย์
ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและบัญชีของสหกรณ์ดังกล่าว ได้ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารของสมาชิกสหกรณ์
นำไปใช้กู้ยืมเงินของสหกรณ์ โดยที่ผู้เสียหายไม่ทราบเรื่อง ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3
ประเภท คือประเภทแรก
สมาชิกที่ไม่เคยกู้ยืมเงินของสหกรณ์แต่ถูกนำเอกสารไปใช้กู้ยืมเงิน ประเภทที่ 2 คือ
กลุ่มที่ได้กู้ยืมเงินของสหกรณ์แต่ถูกเพิ่มยอดเงินกู้เข้าไปจนมีหนี้เกินกว่าความเป็นจริง
และประเภทที่ 3 คือ
กลุ่มสมาชิกที่กู้ยืมเงินและชำระหนี้เงินกู้ให้กับสหกรณ์จนหมดสิ้นแล้ว
แต่ยังไม่มีการปิดบัญชีทำให้ยังคงมีหนี้เงินกู้ค้างอยู่ รวมแล้วกว่า 140 คน
รวมมูลค่าความเสียหายหลายสิบล้านบาท
นายอรรณพ กล่าวต่อว่า
นอกจากนี้จากการตรวจสอบยังพบอีกว่ามีการถ่ายโอนเงินที่ได้จากการกระทำความผิดดังกล่าว
เข้าบัญชีเงินฝากส่วนตัว และมีการทำลายเอกสารและลบข้อมูลต่างๆ
ในระบบคอมพิวเตอร์ที่จัดเก็บไว้ ทั้งที่เป็นข้อมูลสำคัญระหว่างทางสมาชิกและสหกรณ์
ส่วนการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง พบว่าได้มีการกระทำผิดมาตั้งแต่ปี 2549
หรือเป็นระยะเวลาเกือบ 10 ปีเต็ม
ก่อนจะมีการตรวจสอบพบความผิดปกติเมื่อตนเข้ารับตำแหน่งประธานสหกรณ์ เมื่อวันที่ 10
มีนาคมที่ผ่านมา
“ก่อนหน้านี้ ทางผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่
สน.หัวหมาก ท้องที่เกิดเหตุแล้ว โดยพนักงานสอบสวนได้มีการเชิญตัวทั้งสอง
มาสอบปากคำ จากนั้นได้พิจารณาดำเนินคดีโดยแจ้งข้อหาและคุมตัวไปขออำนาจศาลอาญา
ผลัดฟ้องฝากขัง แต่ระหว่างการพิจารณาดำนินคดี
ผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวเนื่องจากการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ ต้องสอบปากคำพยานเพิ่มเติมอีกหลายราย
พวกผมเห็นว่าเรื่องนี้มีความเสียหายเกิดขึ้นจำนวนมาก
จึงอยากให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับทางกองบังคับการปราบปราม
เพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาทั้งสอง” นายอรรณพ กล่าว
ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งนี้ กล่าวอีกว่า แม้ว่าในเบื้องต้นผู้ต้องหาจะรับสารภาพว่าร่วมกันกระทำความผิดจริง
โดยทำกันเพียง 2 คน ไม่มีผู้ใดเกี่ยวข้อง
แต่ตนยังไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นมีจำนวนมาก
และเป็นกรณีที่เกิดขึ้นมานานเกือบ 10 ปีเต็ม ซึ่งอาจจะมีผู้ที่รู้เห็น
หรือมีส่วนเกี่ยวข้องมากกว่า 2 คน ส่วนกรณีนี้จะมีอดีตผู้บริหารสหกรณ์
หรือพนักงานในระดับใดเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
คงต้องขอให้ทางพนักงานสอบสวนได้เร่งรัดดำเนินการตรวจสอบ
และเอาผิดกับผู้ที่ร่วมกระทำการดังกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.กรไชย กล่าวว่า ในเบื้องต้นได้รับเรื่องไว้ โดยมอบหมายให้
พ.ต.ต.ณัทปกรณ์ ปัญญาดี พนักงานสอบสวน กก.1
บก.ป.สอบปากคำผู้เสียหายและตรวจสอบข้อเท็จจริงจากหลักฐานต่างๆ ไว้
ก่อนจะพิจารณาดำเนินการต่อไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น