จากชีวิตนักการต่อสู้พัฒนาพันธ์ไม้ของหนุ่มใหญ่สายเลือดเกษตรกรชาวสวนลำไยแห่งอำเภอบ้านแพ้วอย่าง“สันติพงษ์ เอี่ยมสมบูรณ์” วัย 41 ปี เกษตรกรสวนลำไย เลขที่ 22 ม.9 ต.หนองบัว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร เนื้อที่ 36ไร่
ในแหล่งพื้นที่เพาะปลูกพืชผลไม้ขนาดใหญ่มีประชากรทำเกษตรกรและทำสวนเกษตรแข่งขันจำนวนมากที่สุดของจังหวัด
ทำให้มาลงเอยด้วยผลผลิตลำไย "พันธุ์พวงทอง" เป็นสินค้าประจำอำเภออันโด่งดังพร้อมรับรางวัลเกษตรดีเด่นมากมาย
สามารถยึดเป็นสินค้าออกจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ
ส่งผลให้เป็นที่ยอมรับจากสมาชิกได้ดูแลตำแหน่งประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านแพ้ว
ล่าสุด
ได้รับเชื้อเชิญจากผู้ว่าราชการจังหวัดให้นำลำไยเข้าประชันโชว์ผลงานร่วมจำหน่าย
และไปให้ความรู้ด้วยในงาน “มหกรรมสินค้าเกษตรดี
ผลไม้เด่น สมุทรสาคร” ที่มีขึ้นระหว่าง วันที่ 29 ม.ค. 58 ถึง 2 ก.พ. 58นี้ (ที่ริมถนนท่าปรง-เทศบาล 8) ข้างงาน “เทศกาลอาหารทะเล” ที่บริเวณเดียวกันข้างลานร้านอาหารเพลินทะเล
ในวันที่ 29 ม.ค.- 2ก.พ. 58 นี้ด้วย
สันติพงษ์
ผ่านอดีตผู้นำชุมชนโดยส่วนตัวทำสวนสัมผัสมาก็หลายชนิดพืชผลไม่ต่ำกว่า 20 ปี
แต่ด้วยวิธีคิดและแนวการต่อสู้ไม่ย่อท้อของชาวเกษตรกรไทย
กระทั่งมาจับหลักอย่างเป็นชิ้นเป็นอัน
ด้วยการปรับตัวเองอยู่ตลอดกระทั่งมาเปลี่ยนแปลงสายพันธ์ลำไยในพื้นที่เก่า
(จากเพชรสาคร) ให้เป็นพันธุ์พวงทอง เพราะเข้ากับสภาพภูมิอากาศ
มีความเจริญเติบโตแข็งแรงดีกว่า เช่น ให้ลูกดก คุณภาพเนื้อดีหนาน้ำไม่ฉ่ำมาก
ทำให้ขยับขึ้นเป็นสินค้าที่มีคุณภาพของพื้นที่ผ่านรางวัลเกษตรดีเด่นจากสำนักงานเกษตร
จ.สมุทรสาคร ติดต่อกันหลายปี และรางวัลวิสาหกิจชุมชนสินค้าดีเด่นปี 2557 ของจังหวัด
ส่วนที่ดินที่มีสองแปลงระหว่างแปลง 10 ไร่กับ 26 ไร่
ที่อาศัยปลูกสลับได้ 2 รุ่น
สภาพยกร่องสวนมีน้ำล้อมรอบแตกจากภาคอื่นๆตามแบบฉบับเพื่อให้หมุนเวียนออกผลผลิตตามช่วงที่ต้องการหรือนอกฤดูซึ่งทำมาเฉียด
16 ปีแล้ว สำหรับลำไยรุ่นใหม่เริ่มออกผลผลิตช่วงกลางเดือน
ม.ค.นี้ น่าจะเก็บขายได้ไปถึงครึ่งปีนั้นผลผลิตไม่ต่ำกว่าแปลงละ 20 ตันขึ้นไป
ปธ.กลุ่มวิสาหกิจบ้านแพ้ว
บอกด้วยว่า จากสภาพปัญหาดินฟ้าอากาศที่แปรปรวนในรอบปีนี้ เช่น ปัญหาอากาศเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว
แถมสลับกับฝนที่สลับไปมา ทำให้ทั้งตนและสมาชิกมีผลกระทบเรื่องได้ผลผลิตน้อยลงไปกว่าปีก่อนมากกันทุกราย
ส่วนเรื่องตลาดขายส่งจะอยู่ จ.นครปฐม เป็นหลัก โดยขนาดลูกใหญ่เริ่มต้นประมาณ 50 -60 บาทต่อกิโลกรัม”
“ปีนี้นับว่าโชคดีหลังจู่ๆ
ก่อนหน้าก็มีพ่อค้าบริษัทคนกลางที่เป็นชาวจีน
เข้าติดต่อขอเจรจาซื้อเหมาชนิดยกสวนกันเลย เพื่อส่งไปขายประเทศจีนแบบไม่อั้น
โดยเสนอราคา ให้ราคาสูงดีกว่าตลาดส่งออกบ้านเราเล็กน้อยทั้ง 2
เบอร์ (1 และ 2) ด้วยเหตุผลให้เพียงตรงตามความต้องการเท่านั้น
จึงได้สัญญารับปากไปตามที่ต้องการ
นอกจากนี้ยังมีข้อดีอีกอย่างซึ่งผู้ซื้อจะนำแรงงานมาเก็บเองด้วย
ทำให้เราสามารถลดต้นทุนได้ระดับหนึ่ง”
สันติพงษ์ วิเคราะห์ให้ว่า จีนต้องการลำไยจำนวนมากส่งผลถึงอนาคตลำไยบ้านแพ้วไม่น่ามีปัญหาตกต่ำหรือล้นตลาด ทั้งนี้หากต้องการซื้อผลผลิตไปเพื่อบริโภคในราคาขายปลีกกิโลกรัมละ 60 บาทขึ้นไป หรือเข้ามาศึกษาเที่ยวชมสวนได้ ซึ่งหลังงานโชว์สินค้านี้เตรียมเดินหน้าพัฒนาคุณภาพดันผลผลิตออกเต็มที่ต่อไป
087- 151-2525
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น