ความคืบหน้า (วันที่ 12 ม.ค.) กรณีหลังคณะกรมศิลปกรที่ 4 จังหวัดราชบุรี
ได้ลงพื้นที่สมุทรสาคร เข้าขุดดินบริเวณเขตก่อสร้างอาคาร
สนง.อัยการจังหวัดสมุทรสาคร
หวังสำรวจในพื้นที่ราชพัสดุเพื่อหาแนวหลักฐานยืนยันทางประวัติศาสตร์บริเวณ
จุดใกล้สวนหย่อมสาธารณะ ใกล้ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองมหาชัย เขตเทศบาลนครสมุทรสาครดูแล
หลังก่อนหน้านี้มีชาวบ้านและนายวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์
(อดีต สว.) ร้องเรียนว่าเป็นเขตโบราณสถานจึงคัดค้านกระทั่งขอให้ ร.ต.ท.อาทิตย์
บุญญะโสภัต ผวจ.ออกคำสั่งทุเลาการก่อสร้างในขณะกำลังลงรากฐานโครงการจึงหยุดไว้ก่อน
ปรากฏว่า รุดหน้าในรอบ 7
วันนอกจากขุดค้นพบสภาพฐานรากแนวกำแพงป้อมปืนโบราณวิเชียรโชฏกได้ชัดเจน
ที่มีขนาดความกว้างขนาด 116 เซนติเมตร และยาวกว่า 10 เมตร
พร้อมหัวเสาเข็มที่เป็นตอไม้สลับกับซากกำแพงป้อมปืนเก่าตามที่ระบุไว้ตั้งแต่สมัยยุครัชกาลที่
3
“นอกจากนี้พบเศษถ้วยชามจำนวนหนึ่งและเศษหม้อดินโบราณ(หม้อตาล)
ถูกฝังอยู่ตามซากกำแพงเก่า ซึ่งเป็นเครื่องใช้ลักษณะเฉพาะสมัยรัชกาลที่5 สำหรับโครงผังแนวกำแพงสภาพทรงสี่เหลี่ยมที่ทำการขุดพิสูจน์นั้น
คาดว่าจะกินเนื้อที่ขุดเข้าไปในบริเวณสวนสาธารณะด้วย ซึ่งทั้งหมดมีความยาวกว่า 20 เมตร”
มีรายงานว่า ล่าสุด สนง.อัยการฯ โดยนายตระกูล
วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด ได้มีหนังสือเลขที่ อส.0006 (บค)/118 เรื่องอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองส่งถึง ผวจ. (ระบุ 8 ม,ค. 58) เพื่อให้ทบทวนคัดค้านคำสั่งที่ 3562/2557ลงวันที่ 23 ธ.ค. 57
เพื่อขอให้ ผวจ.สมุทรสาคร ยกเลิกการทุเลาคำสั่งอนุญาตให้อัยการสูงสุดเข้าใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่
สค.37 (บางส่วน) เนื้อที่ 0-2-21 ไร่
และสำหรับที่ดินเนื้อที่ 0-1-30 ไร่
ขอให้กำหนดเวลาสิ้นสุดการทุเลาไม่เกิน 7 วัน
นับจากได้รับหนังสืออุทธรณ์คำสั่งทางปกครองฉบับดังกล่าว ว่าเนื่องจากที่ดินทั้งหมดนี้อยู่นอกแนวที่ดินของโบราณสถานป้อมวิเชียรโชฎก
ตามที่อธิบดีกรมศิลปากรได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาฯ
“ช่วงท้ายในการนี้ยังได้ระบุด้วยว่าอาจมีการเรียกร้องค่าเสียหายใดๆหลังเกิดขึ้นจากการออกคำสั่งของทางสมุทรสาครที่เกี่ยวกับการก่อสร้างอาคาร
สนง.ในแปลงดังกล่าว
รวมทั้งอาจดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งทางแพ่งและอาญาด้วย
ซึ่งหากบริษัทผู้รับเหมามีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในเหตุที่ต้องเว้นวรรคทำงานสร้างอาคารของอัยการประจำจังหวัดที่ไม่มีกำหนดเวลา”
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น