ณ ห้องประชุม สหกรณ์ตลาดทะเลไทย นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานเปิดการสัมมนาเรื่อง "
ชูไทยสู่ ซีฟู้ด ฮับ รับAEC " เพื่อเป็นแนวทางแก่วิทยากรและผู้ร่วมฟังสัมมนา
ปัจจุบันสินค้าประมงของไทยสามารถทำรายได้เข้าประเทศปีละกว่า
200,000 ล้านบาท หรือประมาณ
1.5% ของ GDP เนื่องจากระบบการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานการผลิตสินค้าประมงของไทยได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับของประเทศคู่ค้าทั่วโลก
แต่ด้วยข้อจำกัดของปริมาณสัตว์น้ำในน่านน้ำไทย ประกอบกับการแข่งขันทางการค้ากับคู่แข่งสำคัญ อาทิ จีน อินเดีย เวียดนาม
อินโดนีเซีย อีกทั้งการขาดยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนด้านการส่งออกอาหารทะเล
ทำให้การก้าวสู่ "ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน" (AEC)ในเวลาอันใกล้ดูเหมือนยังไร้ทิศทางสำหรับโอกาสที่เปิดกว้าง
อย่างไรก็ตามการที่ประเทศไทยจะใช้โอกาสแห่งการรวมตลาดของอาเซียนเพื่อผลัก ดันตัวเองเป็นศูนย์กลางของตลาดอาหารทะเลอันดับต้นๆของโลก และอันดับ 1 ของอาเซียนนั้นแม้มิใช่เรื่องยาก แต่ก็เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วน ทั้งในเชิงวิชาการ การปฏิบัติ การตลาด ด้วยกลยุทธ์เชิงสร้างสรรค์ผสมกับการผลักดันอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง เพื่อให้อาหารทะเลไทยครองตลาดเหนือคู่แข่งอย่างมั่นคงและยั่งยืนวัตถุประสงค์เพื่อระดมความคิดเห็นในการแสวงหาและร่วมวางกลยุทธ์ให้ไทยเป็นศูนย์กลางตลาดอาหารทะเลของอาเซียนก่อนเปิด AECรักษาสถานะของอาหารทะเลไทยในตลาดโลกและยกระดับสู่ความเป็นผู้นำในระดับภูมิภาค สนับสนุนโยบายรัฐบาลในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้านการส่งออกของไทย
อย่างไรก็ตามการที่ประเทศไทยจะใช้โอกาสแห่งการรวมตลาดของอาเซียนเพื่อผลัก ดันตัวเองเป็นศูนย์กลางของตลาดอาหารทะเลอันดับต้นๆของโลก และอันดับ 1 ของอาเซียนนั้นแม้มิใช่เรื่องยาก แต่ก็เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วน ทั้งในเชิงวิชาการ การปฏิบัติ การตลาด ด้วยกลยุทธ์เชิงสร้างสรรค์ผสมกับการผลักดันอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง เพื่อให้อาหารทะเลไทยครองตลาดเหนือคู่แข่งอย่างมั่นคงและยั่งยืนวัตถุประสงค์เพื่อระดมความคิดเห็นในการแสวงหาและร่วมวางกลยุทธ์ให้ไทยเป็นศูนย์กลางตลาดอาหารทะเลของอาเซียนก่อนเปิด AECรักษาสถานะของอาหารทะเลไทยในตลาดโลกและยกระดับสู่ความเป็นผู้นำในระดับภูมิภาค สนับสนุนโยบายรัฐบาลในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้านการส่งออกของไทย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น