สึนามิน้ำจืด.......การเมืองเรื่องน้ำท่วม
เรื่องตัวเลขความเสียหายนั้นก็ว่าปล่อยให้นักธุรกิจเข้ากุมขมับกันไป แต่มุมมองในการเมืองเรื่องจัดการน้ำนั้นก็น่าเวียนหัวมิใช่เล่น เริ่มต้นด้วย ‘บางระกำโมเดล’ สุดท้ายต้านไม่อยู่น้ำไหลทะลักออกจากเขื่อนเป็นเขื่อนแตก ไหลล้นแม่น้ำสาขา วิ่งเป็นไฟลามทุก สร้างประวัติศาสตร์น้ำท่วม 2-3 เมตรในบางพื้นที่ ที่เคยแห้งแล้งระดับกุลาต้องร้องไห้
พอน้ำมาปัญหาก็เกิด เมื่อจนปัญหาแก้ไข เวลาที่เหลือจึงเอามาคิดหาจำเลย ไล่มาตั้งแต่ระดับหัวอย่างนายกรัฐมนตรีคนสวยที่ชั่วชีวิตไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมากรอกทรายใส่กระสอบ
ไปจนถึงระดับอธิบดีกรมชลประทานที่บริเวณน้ำเหนือเขื่อนอย่างไม่ประทับใจท่านผู้ชม
ถามทางฝ่ายเสื้อแดง ท่านก็เล่นมุกเดิม เป็นเกมส์ไล่รัฐบาล หาเหตุปฎิวัติ จนผบ.ทบ. ต้องออกยักษ์ออกมารตวัดว่าเป็นพวกไร้สาระ น้ำท่วมขนาดนี้ใครจะมีอารมณ์เข็นรถถังมาปฎิวัติ
สรุปว่าเรื่องของน้ำท่วมกลายเป็นเรื่อง Talk of The Town ที่คนระดับไหนก็หยิบมาพูดคุยถกเถียงกันในวงสนทนา พูดคุยเสร็จสรรพใครที่ขวัญอ่อนก็จัดแจงก่ออิฐโบกปูนหน้าบ้านส่งเสริมความอัปลักษณ์ให้บ้านเมืองเข้าไปอีก ส่วนพวกที่ปากดีมั่นอกมั่นใจในข้อมูล ก็กลับไประทึกขวัญ ลุ้นกันไปว่าใครจะหัวเราะดังกว่ากันในวันที่น้ำมาจริง
เรื่องน้ำท่วมนี้ถ้ามองในมุมการเมืองแล้ว ก็ทันเกมส์เหมือนกันโดยเฉพาะฝ่ายประชาธิปัตย์ที่นำทีมหน่วยทะลวงฟันโดย ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพ ฯมหานคร โดยมีแม่ทัพอดีตนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ด้วยวิธีการถนัดคือ การค้านพร้อมกับวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลที่ล้มเหลว แก้ปัญหาไม่ตรงจุด ส่งผ่านความช่วยเหลือไม่ตรงจุด หนักข้อเข้าถึงขั้นสอนมวยรัฐบาลให้ประกาศใช้กฎหมายพิเศษสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะระดมกำลังจากทุกภาคส่วนเข้ามาจัดการปัญหาอย่างเร่งด่วนและทันท่วงที ซึ่งแน่นอนว่ารัฐบาลไม่กระทำตาม จะด้วยสาเหตุยังไม่ถึงคราวจำเป็น หรือจะเป็นการดื้อแพ่งเพราะไม่อยากตกหลุมพรางการเมือง ก็ยากจะคาดเดา
ในขณะที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เองก็ประกาศกร้าวให้คนกรุงเทพ ฯ ฟังแถลงการณ์จากตัวเขาเท่านั้น เหมือนเป็นนัยยะว่าไม่ต้องไปฟังศูนย์กลางแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาล แต่ท้ายที่สุดรัฐบาลคนสวยก็รวบอำนาจการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมทั้งหมดเบ็ดเสร็จ
ว่าไปแล้วน้ำท่วมครั้งนี้ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่สร้างความได้เปรียบให้กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ด้วยเรื่องแก้ปัญหาน้ำท่วมฉับพลันอย่างนี้ หลายคนเข้าใจได้เพราะเป็นเรื่องของธรรมชาติ ลองคิดง่าย ๆ ว่าถ้าไม่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมเข้ามา สิ่งที่รัฐบาลคนสวยต้องผจญคือ การตอบคำถามรายวันกับนโยบายที่หาเสียงไว้ ไหนจะเรื่องพี่ชายที่ดูไบอีก ยังมิต้องพูดถึงแรงเสียดทานจากฝ่ายประชาธิปัตย์ที่หาช่องเข้าทำลายอย่างใจจดใจจ่อ
ชั่วโมงนี้ทะเลาะกับ ‘น้ำ’ ย่อมดีกว่าต่อปากต่อคำกับ ‘คน’ เป็นไหน ๆ
อย่างไรก็ตาม ก็ใช่ว่าทางจะสะดวกโยธินไปตลอด เพราะหลังน้ำลดแล้ว ตอปัญหาต่าง ๆ จะผุดออกมาให้นายกยิ่งลักษณ์ได้ชำระสะสาง ทั้งแผนฟื้นฟูระยะสั้นสำหรับภาคประชาชน การหาเม็ดเงินมาฟื้นฟูภาคเศรษฐกิจ ไปจนถึงการวางแผนสำหรับแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในปีหน้า
ไป ๆ มา ๆ เส้นทางเดินของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ นอกจากตัวแปรเรื่องการปฎิวัติ , นำพี่ชายกลับประเทศไทย , นโยบายที่รับปากกับประชาชนแล้ว เรื่องน้ำท่วมก็กลายเป็นตัวชีวัดระดับเข้มข้นที่จะบอกว่า ต่อแต่นี้จะบริหารจัดการน้ำทั้งระบบอย่างไรในประเทศ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากภาคธุรกิจที่เจ็บปวดจากบาดแผลครั้งนี้
ความผิดครั้งแรกท่านให้อภัยเพราะเกิดจากความไม่รู้ แต่ถ้าครั้งต่อมาเกิดขึ้นอีกนั้นท่านว่า คือความโง่เขลา หากเกิดขึ้นกับเด็ก คงถูกไม้นาบที่แก้มก้น แต่เกิดกับคนระดับแกนน้ำของประเทศ ท่านว่าประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น