ทุกข์ลาภและนัยยะการเมือง
กว่าหนึ่งสัปดาห์ ที่ผมตะลอนๆ อยู่ในจงหวัดนครสวรรค์ ชัยนาถ อุทัยธานี ลพบุรี อ่างทอง พระนครสรีอยุธยา นครนายก ล่าสุดปทุมธานี และนนทบุรี ได้เห็นความทุกข์อยากของเพื่อนคนไทย ที่ประสบอุทกภัยครั้งนี้มันช่างเป็นทุกข์อย่างแสนสาหัส แต่จะไปโทษใครไม่ได้ เพราะนั่นคือ ภัยพิบัติธรรมชาติที่เกิดขึ้นต้องยอมรับสภาพความเป็นจริง แม้ว่ารัฐบาลนำโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะทำงานล่าช้าไปนิด แต่ก็สามารถกู้สถานการณ์ได้ระดับที่ไม่น่าชื่นใจนัก เพราะน้ำท่วมไปแล้วกว่าครึ่งหนึ่ง แต่ยังดีที่มีสติเรียกกลับคืนมาได้ โดยตั้ง “ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย”(ศปภ.)มี พล.ต.อ.ประชา พรมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้อำนวยการศูนย์ หลังจากที่เคยมอบหมายให้ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี..เป็นประธานปรากฎว่าการทำงานไม่รู้ไปติดตรงไหน งานมาเดินหน้าจนทำให้เกิดวิกฤต อุทกภับ ตาว่าไปแล้วแต่ว่าก็ว่านะครับผมว่าทุกคนพยายามทำงานกันอย่างเต็มกำลังความสามารถสาเหตุเพราะน้ำไม่มาตามลำคลองแต่มันมาทางราบทั่วทุ่งยากจะแก้ไข......อีกประการหนึ่ง รัฐบาลชุดนี้เพิ่งเข้ามาทำงานได้ในระยะกว่าเดือนเศษ จึงไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับภัยธรรมชาติ เพราะที่ผ่านมาต่างคนต่างทำ..ไม่มีศูนย์รวมหรือสั่งการโดยเฉพาะ จึงทำให้เกิดอุทกภัยดั่งที่เห็น..มันเปรียบเสมือนทุกข์ขลาภของรัฐบาลชุดนี้ เจองานใหญ่เล่นเอารัฐมนตรีหลายคนเหนื่อยเพราะต้องลงพื้นที่ดูแลทุกข์สุขของประชาชนอย่างใกล้ชิด นี้ยังดีนะครับที่รัฐบาลสามารถปรับตัวได้ทันการณ์หาไม่แล้วการวัดผลงานยกแรกจบแน่ เพราะประชาชนนับล้านเดือดร้อนกันทั่วหน้าขนาดนี้.....ในยกแรกที่มองเห็นการทำงานของหน่วยงานรัฐ นั้น ไม่ตรงความเป็นจริง ทั้งยังไม่มีการศึกษาลักษณะของมวลน้ำ..รวมถึงเรื่องของน้ำท่วมซ้ำซากในบางพื้นที่ ไม่ได้มีการดำเนินการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม จนมันบ่าท่วมเช่นนี้ คือ ขาดการศึกษาภูมิประเทศของลุ่มน้ำ อีกทั้งยังเรื่องลำคลองที่ทับคลองให้เป็นถนน ไม่มีการขุดลอกคลองอย่างจริงจังเพื่อระบายน้ำ อีกทั้งยังปล่อยให้ชาวบ้านปลูกสร้างบ้านเรือนขวางทางน้ำไหลตามธรรมชาติ ยังมีกรมชลประทานก็ไม่พูดความจริงว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากไม่มีการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า ต้องพูดไปถึงเรื่องของการแก้ไขระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว นี้เป็นเรื่องราวที่ต้องจดจำฝังกระบาลให้ลึกแต่อย่าไปลึกมากเดียวเก็บออกมาคิดไม่ทันอีก......ต่อไปก็คงเป็นเรื่องของการฟื้นฟูสภาพจิตใจและปัจจัยชดเชย แก่ผู้ประสบภัยให้ทั่วถึง มิใช่มีข่าวออกมาเป็นระยะ ๆ ว่ามีนัยยะการทุจริตกันแล้วในขณะนี้ เฉดเช่นกับการขุดลอกคลองที่มีการสหวาปามกันแทบท้องแตกตายเมื่อคราวที่แล้ว ภาพที่เห็นในวันนี้ดีกว่าวันก่อน เพราะมีหน่วยงานและเอกชนร่วมกันทำงานเพื่อคนไทย กองทัพ ตำรวจ และภาคเอกชน ยอมสละความสุขส่วนตัวมาช่วยกัน เป็นภาพที่สมควรตบมือให้กับทุกคน แต่ในขณะเดียวกันปัญหาเรื่องความคิดนั้นยังมิได้ลดลงแต่อย่างใด หากมองในภาพรวมดีแต่เบื้องลึกแล้ว ยังมีสิ่งที่คาใจกันอยู่ระหว่าง รัฐบาล กับกองทัพ เพราะยังมีฝ่ายการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ต่างออกมา พยายามให้มีการแก้ไข พ.ร.บ.กลาโหม ตรงนี้เองคือจุดต่างที่กำลังจะเกิดขึ้นภายหลังน้ำลดอย่างแน่นอน....ทั้งนี้ทั้งนั้นเสร็จศึกอุทกภัยคราวนี้แล้ว จะเห็นการเปลี่ยนแปลงในกองทัพหรือไม่ ต้องคอยดูต่อไปว่า พ.ร.บ.กลาโหม จะกลายเป็นเส้นขนานทางการเมืองหรือไม่ เพราะต้องมีคนหนึ่งอยู่ คนหนึ่งไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น