วิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ(CIM) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ร่วมกับสถาบันวิชาการระหว่างประเทศ ได้แก่ Pharma Nord, Burton and South Derbyshire College และ Health Tourism Instituteจัดประชุมวิชาการนานาชาติ ครั้งที่ 1 ในหัวข้อ“การแพทย์บูรณาการสู่ความสุขสบาย” (The 1stInternational Integrative Medicine for Wellness)เชิญทีมแพทย์และนักวิชาการจาก 7 ชาติชั้นนำอาทิ เยอรมนี เดนมาร์ก สหรัฐอเมริกา อินเดียสเปนรวมทั้งนักวิชาการไทยอีกจำนวนมากร่วมนำเสนอผลงานวิจัยด้านการแพทย์บูรณาการตั้งเป้ายกไทยเป็นศูนย์กลางการแพทย์บูรณาการของโลก
นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล คณบดีวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ(CIM) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า เรื่องของความสุขสบายหรือเวลเนสส์ (Wellness) และการแพทย์บูรณาการได้กลายเป็นความจำเป็นสำหรับสุขภาพของคนทั่วโลก และประเทศไทยเป็นเสมือนเมืองหลวงของเวลเนสส์ที่ทุกประเทศมุ่งมาหา แต่ก็ยังไม่เคยมีการประชุมวิชาการในความรู้เรื่องนี้มาก่อน ดังนั้นทางวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ จึงได้จัดการประชุมวิชาการครั้งนี้ขึ้นเป็นครั้งแรก โดยเป็นความร่วมมือของสถาบันวิชาการระหว่างประเทศ 4 องค์กร สมาคมวิชาชีพด้านการแพทย์ของประเทศไทย 5 สมาคม มีแพทย์และนักวิชาการจากต่างประเทศ 7 ประเทศรวมทั้งนักวิชาการไทยอีกจำนวนมากมาร่วมประชุม
นพ.บรรจบ เปิดเผยว่า ล่าสุด วิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ทำการวิจัยพบว่า“สารแสบเส้นเลือด” ที่ชื่อว่าโฮมีซิสเตอีน (homocysteine) ซึ่งทางวิทยาศาสตร์รู้กันมาระยะหนึ่งว่าสารนี้ทำให้เส้นเลือดอักเสบแล้วเหนี่ยวนำให้เกล็ดเลือดจับตัวในหลอดเลือดอย่างรวดเร็ว เป็นเหตุให้หัวใจวายเฉียบพลันหรือเส้นเลือดสมองอุดตันกระทันหัน แต่สารนี้ถูกมองข้ามมาตลอดเนื่องจากประชากรอเมริกันมีอัตราที่มีสารแสบนี้จำนวนไม่สูง จึงชี้นำให้ทั่วโลกมัวสนใจแต่การลดคอเลสเตอรอล
อย่างไรก็ตามเนื่องจากคนไทยในหลายปีที่ผ่านมา เกิดอุบัติการณ์หัวใจวายเฉียบพลันถึงขั้นเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก จึงทำให้เกิดการวิจัยเพื่อหาคำตอบอัตราการมีสารแสบในเลือดสูงในหมู่คนไทย โดยผลวิจัยเบื้องต้นชิ้นแรกพบว่า คนทำงานออฟฟิศในกรุงเทพฯมีอัตราสารแสบเส้นเลือดสูงกว่าปกติถึง 54.05% ของประชากร และยิ่งสูงมากถึง 84% ในออฟฟิศของพื้นที่โรงงานที่มีกิจการต้องผจญฝุ่น ทั้งๆที่อัตราการมีไขมันเลือดผิดปกติไม่ได้สูงอย่างผิดสังเกต
"งานวิจัยชิ้นนี้เป็นวิจัยเบื้องต้นที่ควรขยายผลการวิจัยให้กว้างไกลยิ่งขึ้น เพราะอาจนำไปสู่การป้องกันการเสียชีวิตด้วยโรคเส้นเลือดสมองและโรคหัวใจหลอดเลือด ที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 และอันดับ 4 ของประเทศไทย” นพ.บรรจบ กล่าวกล่าวเพิ่มเติม
ทั้งนี้จากการเปิดเผยผลงานวิจัยของทางวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ครั้งนี้ยังมีการจัดเสวนาเชิงวิชาการในหัวข้อต่างๆ เกี่ยวกับความสุขสบายหรือ wellness และการแพทย์บูรณาการ โดยมีการเชิญทีมแพทย์และนักวิชาการจากต่างประเทศมาร่วมนำเสนอผลงานการวิจัยที่ถือเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน อาทิ นพ.เคลาส์ แฮงเคอร์ ชาวเดนมาร์ก เปิดเผยเกี่ยวกับสารบำบัดใหม่เอี่ยมต้านอักเสบลดไขมันโดยไม่ใช้ยา นพ.แพทริก การ์เรตต์ ชาวอเมริกันมาโชว์สารสมุนไพรคลายปวดแบบไม่ต้องพึ่งกัญชา นพ.เวนกิเตซาน ชาวอินเดีย ที่มาสำแดงโฮมีพาธีย์บำบัด PM2.5 นพ.แกรี่ วีเวอร์ ชาวสเปน ผู้ประดิษฐ์แอพพลิเคชันวิเคราะห์สารโฮมีโอพาธีย์
สำหรับผลงานวิจัยของ นพ.บรรจบ ยังมีการเจริญสติในแบบของหลวงปู่เทียนช่วยบำบัดโรคซึมเศร้า สร้างความตื่นรู้ สู้ภัยเครียด พร้อมด้วยนักรบทางภูมิปัญญาจากหลากหลายมหาวิทยาลัยร่วมแลกเปลี่ยนความรู้อีกมากมาย โดยการประชุมวิชาการนานาชาติ ครั้งที่ 1 ในหัวข้อ “การแพทย์บูรณาการสู่ความสุขสบาย” (The 1st International Integrative Medicine for Wellness) จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ณ วิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมงานคับคั่ง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น