ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเซลส์ (TCELS) ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสานพลังร่วมกับ บริษัท ไครโอวิวา (ประเทศไทย) จำกัด ให้เป็นผู้ร่วมจัดตั้งและดำเนินการห้องปฏิบัติการควบคุมคุณภาพของหน่วยปฏิบัติการผลิตเซลล์และยีนบำบัดภายใน TCELS ภายใต้ห้องปฏิบัติการมาตรฐาน GMP เพื่อให้บริการตรวจสอบ รับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์เซลล์และยีนบาบัดจากเอกชนและภาครัฐ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้จะได้รับสเต็มเซลล์ที่มีคุณภาพ ปลอดภัยตามมาตรฐานระดับสากลจริง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมสเต็มเซลล์เพื่อสุขภาพของประชาชนในประเทศ และมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติในระดับมาตรฐานสากล ต่อไปนั้น
คุณจิรัญญา ประชาเสรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไครโอวิวา (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ความร่วมมือกับ TCELS ถือเป็นก้าวสำคัญที่ภาครัฐให้ความไว้ใจ เป็นองค์กรต้นแบบ มุ่งให้ความรู้แก่ทั้งพนักงานและผู้สนใจข้อมูลที่แท้จริง สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ โดยมีทีมงานให้บริการตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศ มีการติดตามลูกค้าอย่างต่อเนื่อง มีบริษัทผู้สนับสนุน คือ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) ประเทศไทย, บริษัท ไครโอวิวา ไบโอเทค อินเดีย และบริษัท อาร์เจ คอร์พ เป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งน่าเชื่อถือ
บริษัท ไครโอวิวา (ประเทศไทย) จำกัด เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการธนาคารสเต็มเซลล์แห่งแรกและแห่งเดียวในไทยที่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากลจาก AABB การจัดตั้งและดำเนินการห้องปฏิบัติการควบคุมคุณภาพของทีเซลส์จะช่วยให้ยกระดับ ทำให้ผู้บริโภคได้รับสเต็มเซลล์ที่มีคุณภาพ สอดคล้องกับพันธกิจของ “ไครไอวิวา” ที่มุ่ง “อยู่เคียงข้างคุณภาพชีวิตทุกคนในครอบครัว”
“สเต็มเซลล์” หรือ เซลล์ต้นกำเนิด เป็นเซลล์อ่อนที่ไม่มีหน้าที่ของเซลล์ที่เฉพาะเจาะจง สามารถแบ่งตัวเองขึ้นมาใหม่ได้ และ พร้อมจะเจริญเติบโต เปลี่ยนแปลงเพื่อไปทำหน้าที่ใดหน้าที่หนึ่งที่เฉพาะเจาะจงได้ หรือกลายเป็นเซลล์ของเนื้อเยื่อชนิดต่างๆในร่างกายได้ จึงมีประโยชน์ช่วยบำบัดรักษาโรคได้มากมาย อีกทั้งใช้ในการทดแทนเซลล์ที่เสื่อมสภาพในร่างกาย หรือ การชะลอวัย (Anti-Aging) ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยม นำสเต็มเซลล์มาใช้เพื่อความงามฉีดบริเวณใบหน้าเพื่อชะลอวัย ลดริ้วรอย ทำให้ผิวพรรณอ่อนกว่าวัยและช่วยฟื้นฟูซ่อมแซมเซลล์ในร่างกาย ช่วยให้มีสุขภาพที่ดี ปัจจุบันเป็นที่รู้จักแพร่หลาย ทำให้เกิดธุรกิจให้บริการเก็บและเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์ เพื่อไว้ใช้บำบัดรักษาโรคในอนาคต
คุณจริญญา กล่าวต่อว่า สเต็มเซลล์จึงเป็นอนาคตทางด้านสุขภาพ แหล่งเก็บเกี่ยวสเต็มเซลล์ได้แก่ เลือดจากสายสะดือและเนื้อเยื่อสายสะดือ โดยเดิมสายสะดือของเด็กแรกคลอด คือ ของเสีย ทางการแพทย์ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ทว่าในปัจจุบันจากงานวิจัยทางการแพทย์ค้นพบว่า เลือดสายสะดือ และสายสะดือ คือ แหล่งของเซลล์ต้นกำเนิดอันมีค่า ที่สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วย ใช้รักษาโรคได้มากกว่า 85 ชนิด อีกทั้งช่วยฟื้นฟูร่างกายและชะลอวัย เช่นจากโรคเบาหวาน โรคหัวใจ การบาดเจ็บของไขสันหลัง อาการข้อเสื่อม และลดริ้วรอย
จากผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า เนื้อเยื่อสายสะดือเป็นแหล่งที่มาที่ดีที่สุดของสเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิดชนิดใหม่ที่เรียกว่า “มีเซนไคมอลสเต็มเซลล์ (MSC’s)” ซึ่งมีศักยภาพสูงในการแบ่งตัวและพัฒนาไปเป็นเซลล์ประเภทต่างๆ เช่นเซลล์กระดูก กล้ามเนื้อ ไขมัน และอวัยวะต่างๆในร่างกาย จึงเหมาะสาหรับนำมาใช้ในการรักษาโรคทางเวชศาสตร์ฟื้นฟูสภาวะเสื่อม
โดยปัจจุบันมีการวิจัยทางการแพทย์เกี่ยวกับศักยภาพของ "มีเซนไคมอลสเต็มเซลล์" ว่า ช่วยฟื้นฟูอาการจากโรคต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคข้อเสื่อม โรคออสทิสติก โรคไตอักเสบ โรคตับอักเสบ โรคภูมิแพ้ตัวเอง (SLE) และลดเลือนริ้วรอยเพื่อผิวที่ดูอ่อนกว่าวัย เป็นต้น ปัจจุบัน มีเซนไคมอลสเต็มเซลล์เหล่านี้ สามารถจัดเก็บและเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการที่เหมาะสมเพื่อจะนามาใช้ฟื้นฟูร่างกายจากโรคต่างๆในอนาคต
ส่วนเยื่อหุ้มรกเป็นอีกแหล่งที่อุดมไปด้วยมีเซนไคมอลสเต็มเซลล์(MSC’s) สามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์กระดูก กล้ามเนื้อ และอวัยวะต่างๆได้ แต่สเต็มเซลล์จากเยื่อหุ้มรกนี้มีคุณลักษณะเฉพาะขึ้นอีก คือ สามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์ของระบบสมอง ระบบประสาทได้ดี จากงานวิจัยในปัจจุบันพบว่า ได้ผลดีในการนำไปฟื้นฟูอาการทางสมอง และอาการทางระบบประสาท เช่น อัมพาต การบาดเจ็บที่สมอง ไขสันหลัง พาร์กินสัน อัลไซเมอร์ เป็นต้น
จึงถือได้ว่าสเต็มเซลล์จากเยื่อหุ้มรกเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาฟื้นฟูด้านระบบประสาทที่ดีที่สุดในอนาคตอีกด้วย ที่น่ายินดีคือ ในปัจจุบันเทคโนโลยีและงานวิจัยสามารถจัดเก็บ คัดแยกและเพาะเลี้ยง เพื่อนำไปใช้ในการรักษาในอนาคตได้ เช่นเดียวกับการเก็บสเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือและเนื้อเยื่อสายสะดือ
ดังนั้นเพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของคนในครอบครัว จึงเป็นที่มาของธนาคารสเต็มเซลล์และเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการ ซึ่ง“ไครไอวิวา” เป็นผู้นำตอบโจทย์ตรงนี้ได้ เป็นธนาคารให้บริการจัดเก็บและเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์จากสายสะดือเด็กแรกคลอดที่เปิดดำเนินงานมาเป็นปีที่ 11 แล้ว จากความร่วมมือของบริษัทชั้นนำของโลกได้แก่ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) ประเทศไทย และบริษัท อาร์เจ คอร์พ อินเดีย มีเครือข่ายให้บริการในกว่า 24 ประเทศ ทั้งในทวีปอเมริกา ยุโรป เอเชีย อาเซียน และแอฟริกา และเป็นธนาคารจัดเก็บและเพาะเลี้ยง
สเต็มเซลล์หลักที่แรกและที่เดียวในประเทศไทยที่ได้รับมาตรฐานรับรองตลอดกระบวนการที่เกี่ยวกับสเต็มเซลล์โดยเฉพาะจาก สมาคมธนาคารเลือดสหรัฐอเมริกา ( American Association of Blood Bank : AABB ) ทำให้มั่นใจเรื่องความมีคุณภาพและความปลอดภัยของสเต็มเซลล์ที่จะนำไปใช้
"เรามองว่า ในอีก 20 ปีข้างหน้า ประเทศไทยเราจะมีผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไปมากขึ้น จนไม่สามารถดูแลรักษาตามปกติอย่างทั่วถึงได้ ดังนั้น การเก็บเกี่ยวรักษาสเต็มเซลล์ไว้ จึงน่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพให้แก่ผู้คนได้"
สำหรับบริษัทไครโอวิวา เป็นธนาคารรับฝากและแช่แข็งสเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือ ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2550 โดยความร่วมมือของบริษัทชั้นนำของ โลกได้แก่ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) ประเทศไทย, บริษัท ไครโอวิวา ไบโอเทค อินเดีย และบริษัท อาร์เจ คอร์พ อินเดีย ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านสเต็มเซลล์ ทำให้คุณมีความเชื่อมั่นและเข้าใจถึงความสำคัญของการเก็บสเต็มเซลล์ มหัศจรรย์แห่งการรักษาที่มีความเป็นไปได้อย่างไร้ขีดจำกัด ที่ไครโอวิวา เราเชื่อมั่นว่าสเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือและเนื้อเยื่อสายสะดือ เป็นสายใยรักสายใยชีวิตที่แท้จริง เป็นความหวังและเสมือนคำสัญญาที่จะมอบสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคตของลูกน้อย พันธกิจของเราคือการเป็นพันธมิตรของครอบครัวที่มอบความไว้วางใจในการเก็บรักษาสเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือ
อีกทั้งเรายังมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในธุรกิจด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งไม่จำกัดแค่เพียงธนาคารเก็บรักษาสเต็มเซลล์จาก เลือดสายสะดือเท่านั้น แต่ยังคงมองหาวิทยาการเพื่อต่อยอดจาก พื้นฐานที่แข็งแกร่ง อาทิ การรักษาโดยการใช้สเต็มเซลล์ การเก็บรักษาและการนำสเต็มเซลล์จากแหล่งอื่น ๆ การตรวจหาความผิดปกติ โดยใช้เทคนิคทางพันธุกรรม เป็นต้น เพื่อประโยชน์สูงสุด ต่อครอบครัวของลูกค้าต่อไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น