pearleus

วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2561

"บิ๊กโย่ง" Kick Off มอบเงินยังชีพแก่ผู้สูงอายุผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ลง MOU ร่วมกัน 44 พื้นที่นำร่อง การดำเนินงานธนาคารเวลา


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่  15 ส.ค. 61   เวลา 14.00 น. พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานในงาน Kick Off การให้เงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและทำพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกัน 44 พื้นที่นำร่องดำเนินงานธนาคารเวลา ณ ห้องศรีสุริยวงศ์บอลรูม ชั้น 11 โรงแรม ตวันนา สุรวงศ์ กรุงเทพฯ

พลเอกอนันตพร กล่าวว่า ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 และทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เกิดจากอัตราการเกิดที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ในปี 2564 ผลกระทบจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่เกิดขึ้น ได้แก่ รูปแบบและขนาดของครัวเรือนไทย มีขนาดเล็กลง ผู้สูงอายุมีแนวโน้มอยู่คนเดียวตามลำพัง ถูกทอดทิ้ง ขาดผู้อุปการะเลี้ยงดู ที่อยู่อาศัยไม่เหมาะสม รายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ และมีสภาวการณ์เจ็บป่วย

ทั้งนี้รัฐบาลตระหนักและให้ความสำคัญกับการดูแลผู้สูงอายุทุกกลุ่ม ทั้งในด้านของการพัฒนาศักยภาพ การคุ้มครองพิทักษ์สิทธิ จึงริเริ่มแนวคิดในการดำเนินมาตรการช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และการขับเคลื่อนการดำเนินงานธนาคารเวลาสำหรับการดูแลผู้สูงอายุของประเทศไทย ซึ่งเป็น 1 ใน 10 นโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลผลักดันเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ โดยอาศัยพลังทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการร่วมกัน เพื่อให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความมั่นคงในชีวิตอันจะนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่นยืน


โดยกระทรวงการคลังได้ริเริ่มแนวคิดในการดำเนินมาตรการช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผสานความร่วมมือกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมทั้งหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยกำหนดแหล่งเงินเข้ากองทุนผู้สูงอายุเพิ่มเติม 2 แหล่ง คือ การให้กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากร เรียกเก็บภาษีสรรพสามิตในส่วนที่เกี่ยวกับสินค้าสุราและยาสูบในอัตราร้อยละ 2 แต่ไม่เกิน  4,000 ล้านบาท ต่อปี และการรณรงค์ให้ผู้สูงอายุที่มีฐานะดีและไม่เดือดร้อนทางการเงิน
บริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเข้ากองทุนผู้สูงอายุ เพื่อให้เป็นเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

โดยมอบให้คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติมีอำนาจในการจัดสรรเงินดังกล่าว ซึ่งคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติได้มอบหมายให้คณะกรรมการบริหารกองทุนเป็นผู้พิจารณาอนุมัติอัตราการจ่ายเงินดังกล่าว โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้จ่ายเงินให้ผู้สูงอายุผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งคณะกรรมการบริหารกองทุนผู้สูงอายุมีมติให้จ่ายเงินในอัตรา ดังนี้
- ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท ต่อปี ได้รับเงินเพิ่มเดือนละ 100 บาท จากเดิมได้รับ 300 บาท รวมเป็น 400 บาท
- ผู้สูงอายุที่มีรายได้เกินกว่า 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาท ต่อปี ได้รับเงินเพิ่มเดือนละ 50 บาท จากเดิมได้รับ 200 บาท รวมเป็น 250 บาท จะจ่ายทุกวันที่ 15 ของเดือน เริ่มจ่ายครั้งแรกในวันนี้ คือวันที่ 15 สิงหาคม 2561 สำหรับเดือนนี้จะเป็นการจ่ายเงินสมทบของเดือนกรกฎาคม 2561 ด้วย ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการบริหารกองทุนผู้สูงอายุที่ได้อนุมัติการจ่ายเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561 ถึงเดือนมีนาคม 2562 ส่วนในระยะต่อไป คณะกรรมการฯ จะพิจารณาอัตราการจ่ายตาม
สถานะการเงินของกองทุนฯ อีกครั้ง




สำหรับผู้สูงอายุที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถนำบัตรไปกดเงินสดได้ที่ตู้กดเงินอัตโนมัติ (ATM)ของธนาคารกรุงไทยทุกสาขา จำนวนเงินที่สามารถกดได้ขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 100 บาท โดยไม่มีค่าธรรมเนียม หรือจะนำไปรูดซื้อสินค้าที่ร้านธงฟ้า ผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ได้ด้วย ซึ่งเงินในส่วนนี้ ผู้สูงอายุที่ใช้เงินไม่หมดในเดือนนั้น สามารถสะสมเงินในบัตร เพื่อเก็บไว้ใช้ในเดือนต่อไปได้ 

นอกจากนี้ รัฐบาลยังส่งเสริมให้มีการดูแลผู้สูงอายุผ่านการดำเนินงานธนาคารเวลาเพื่อให้การดูแลผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง และผู้ให้จะได้รับการตอบแทนตามเวลาที่สะสมไว้ โดยการดำเนินงานธนาคารเวลาสำหรับผู้สูงอายุของประเทศไทย ได้รับความร่วมมือจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2561 ได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยแนวทางปฏิบัติร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่อง การดำเนินงานธนาคารเวลาสำหรับการดูแลผู้สูงอายุไทย โดยมีหน่วยงานที่เข้าร่วมดำเนินการ ได้แก่ กรมกิจการผู้สูงอายุ กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 44 พื้นที่นำร่อง

ส่วนงาน Kick Off การให้เงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และการขับเคลื่อนการดำเนินงานธนาคารเวลาสำหรับการดูแลผู้สูงอายุของประเทศไทย โดยได้รับเกียรติจากผู้บริหารกระทรวงการคลัง ผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ผู้สูงอายุ ประชาชนทั่วไป และสื่อมวลชน รวมจำนวน 250 คน ภายใต้ แนวคิด “2 ให้ 2 ได้” ของการจัดงานในวันนี้ คือ  “ให้เงิน” ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และ “ให้เวลา” ผ่านการดำเนินงานธนาคารเวลาสำหรับการดูแลผู้สูงอายุของประเทศไทย โดยผู้ทำความดีจะ “ได้บุญ” และผู้สูงอายุจะได้รับ “โอกาส” ในการได้รับความช่วยเหลือ

"ท้ายที่สุดนี้ ผมขอชื่นชม และขอบคุณทุกท่าน ทุกหน่วยงานที่มีส่วนในการขับเคลื่อนให้การดำเนินการให้เงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และขับเคลื่อนการดำเนินงานธนาคารเวลา ตามนโยบายของรัฐบาลเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และผมมีความมุ่งหวังว่ามาตรการดังกล่าว จะทำให้คุณภาพชีวิตขั้นพื้นฐานของผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยดียิ่งขึ้นสามารถดำรงอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขและคุณภาพ ขอบคุณครับ"รมว.พม.กล่าวในตอนท้าย

***************

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น