กศน.เจาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย
เร่งขยายผลติวการค้าออนไลน์ฉบับชาวบ้าน เตรียมเปิดศูนย์จำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ออนไลน์ กศน. พุ่งเป้ายกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน
พลเอกสุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงแนวทางการขับเคลื่อนนโยบาย กศน. ช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยว่า
ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายให้ กศน.
เข้ามามีส่วนช่วยเหลือประชาชนในการสร้างช่องทางการขายสินค้าและเพิ่มรายได้ในชีวิตประจำวันเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของตนเองและชุมชน
ในฐานะที่กำกับดูแล กศน. ตนจึงได้มอบแนวทางการขับเคลื่อนเรื่องนี้ผ่านไปยังเลขาธิการ
กศน. โดยให้ กศน. ทั่วประเทศ ช่วยเหลือประชาชนในการทำการค้าออนไลน์ผ่านช่องทางต่างๆ
เช่น Line Facebook Instagram รวมถึงช่องทางการค้าขายผ่านเว็บไซต์
e-Commerce หรือ e-Market
ต่างๆ
โดยในระยะแรกเป็นการขยายผลจากกลุ่มเป้าหมายที่ผ่านการอบรมหลักสูตร e-Commerce จากศูนย์ดิจิทัลชุมชมของ กศน. เมื่อปี 2559 –
2561 ที่ผ่านมา จำนวนประมาณ 109,000 คน โดยให้ผู้ที่ผ่านการอบรม 1 คน
ไปขยายผลต่อให้ประชาชน 3 คน ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นปี 2561
จะมีประชาชนที่ได้รับการขยายผลและสามารถขายสินค้าออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ ได้ถึงกว่าสามแสนคน
ซึ่งจะผลักดันให้เกิดการมีเงินหมุนเวียนในระบบได้ถึง 3 พันล้านบาท
พลเอก
สุรเชษฐ์ กล่าวต่อไปว่า ในการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว กระทรวงศึกษาธิการได้สั่งการให้
กศน. เปิดพื้นที่ของ กศน.อำเภอ และ กศน.ตำบล กว่า 8,000
แห่งทั่วประเทศเป็นศูนย์จำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ออนไลน์ กศน. (ONIE Online Commerce Center – OOCC) เพื่อเป็นสถานที่สำหรับประชาชนในการแสดงสินค้า
ประชาสัมพันธ์
วางจำหน่ายหรือสร้างช่องทางการจำหน่ายสินค้าออนไลน์
ตลอดจนให้คำปรึกษาและให้ความรู้เกี่ยวกับการผลิตและการจำหน่ายสินค้าออนไลน์
โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ในเบื้องต้นจะเน้นไปที่กลุ่มผู้มีรายได้น้อยหรือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นตามแนวทางไทยนิยม
ยั่งยืนต่อไป
ทั้งนี้
นายกฤตชัย อรุณรัตน์ เลขาธิการ กศน.
ได้นำนโยบายดังกล่าวไปชี้แจงและมอบหมายภารกิจต่อเนื่องแก่ผู้บริหารสำนักงาน
กศน.จังหวัดทั่วประเทศ ในการประชุมชี้แจงแนวปฏิบัติในการดำเนินการสอบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ตำแหน่งครูผู้ช่วยและผู้บริหารการศึกษา ณ โรงแรม เอสดี อเวนิว ปิ่นเกล้า กทม. ว่า
ภารกิจที่ได้รับมอบหมายในครั้งนี้ สำนักงาน กศน.มีต้นทุนเดิมที่ดีมากอยู่แล้ว
สามารถพัฒนาต่อยอดได้ทันที กล่าวคือผลิตภัณฑ์ชุมชนที่รวบรวมภายใต้การดำเนินงานของศูนย์ฝึกอาชีพชุมชนของ
กศน. ประกอบกับที่ กศน.ได้จัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิทัล ตามหลักสูตร
Digital Literacy แก่ ครู ก. ครู ข.
ครู ค. ในสองปีที่ผ่านมา และมีการขยายผลสู่ประชาชนผ่านศูนย์ดิจิทัลชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับ
1 ในภารกิจสำคัญตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ในเรื่องของการรู้เท่าทันเทคโนโลยีอีกด้วย
ทั้งนี้ ในการดำเนินงานตามนโยบายเบื้องต้น เราจะต้องให้นิยามคำว่า
“ผู้มีรายได้น้อย” ที่ตรงกันเพื่อทิศทางการดำเนินงานที่ชัดเจนก่อน โดยการสำรวจกลุ่มเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย
เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานและเป็นข้อมูลประกอบในการพิจารณาแนวทางช่วยเหลือส่งเสริมสนับสนุนกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด
จากนั้นจะได้จัดทำชุดความรู้เกี่ยวกับการขายและการตลาดแบบง่าย เพื่อให้ครู
กศน.นำไปจัดกระบวนการเรียนรู้ให้กับเกษตรกร โดยให้เป็นชุดความรู้ที่เข้าใจง่าย
และเกษตรกรสามารถนำไปปฏิบัติเองได้ เพื่อนำไปเชื่อมโยงกับ e-Commerce พร้อมทั้งจัดทีมครู กศน.เป็นชุดประสานงานในระดับพื้นที่กับกระทรวงอื่น/หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อส่งต่อเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยให้ได้รับการช่วยเหลือต่อไป
และประสานหน่วยงานอื่นในทุกระบบเพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกัน มุ่งเน้นการทำงานบนพื้นฐานของข้อเท็จจริง
เชื่อว่าแนวทางนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อคุณภาพชีวิตประชาชน การพัฒนาชุมชน
ตลอดจนส่งผลต่ออัตราการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างเป็นรูปธรรมแน่นอน เลขาธิการ
กศน.กล่าวในที่สุด
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น